ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 1795
หม่าหลันมองเย่ฉางหมิ่นอย่างตกตะลึงตาค้าง ถามโพล่งออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “เธอว่าอะไรนะ เช็คใบนี้ราคาร้อยล้าน?!”
เย่ฉางหมิ่นเห็นท่าทางประหลาดใจยิ่งยวดของเธอ ก็หัวเราะเยาะออกมา แล้วพูดถากถางว่า “เห็นท่าทางเหมือนคนไม่เคยเห็นโลกกว้างอย่างเธอแล้ว เช็คเงินสดธนาคาร! คงไม่เคยเห็นละสิ? คิดว่าคนอย่างเธอ ชาตินี้คงไม่มีทางมีโอกาสได้เห็นเช็คเงินสดจำนวนมหาศาลแบบนี้หรอก!”
การแสดงออกทั้งหมดของหม่าหลัน พลันเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มแจ่มใสสลับไปมาไม่แน่นอน
เย่ฉางหมิ่นยังนึกเอาเองว่าหม่าหลันคงจะช็อคไปแล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างลำพองใจ
เธอถือเช็คโบกไปมาในมือสองสามที ยิ้มกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า “อยากได้เช็คใบนี้ใช่ไหม? ถ้าอยากได้ล่ะก็ จงเชื่องฟังฉันแต่โดยดี ไปเกลี้ยกล่อมลูกสาวเธอให้ไปจากเย่เฉินซะ!”
สีหน้าท่าทางของหม่าหลัน พลันเปลี่ยนเป็นโมโหขึ้นมาทันที
เย่ฉางหมิ่นยังไม่เข้าใจว่าทำไมสีหน้าท่าทางของผู้หญิคนนี้ถึงเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วขนาดนี้
จู่ๆ หม่าหลันก็ยื่นมือออกมา คว้าเช็คใบนั้นไป มองดูตรงหน้าอย่างละเอียด จากนั้นก็ฉีกเช็คเป็นชิ้นๆ ด้วยความเดือดดาล!
เย่ฉางหมิ่นมองดูอย่างงุนงง เธอเห็นหม่าหลันเอาเช็คร้อยล้านของตนเองไปฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว ก็ลอบกล่าวอยู่ในใจทันทีว่า “ดูเหมือนฉันจะดูถูกนังหญิงโสโครกแซ่หม่าคนนี้ไป! เช็คร้อยล้าน เธอถึงกับบอกว่าฉีกก็ฉีก ดูเหมือนความตะกละของเธอจะไม่เบาเลย!”
เวลานี้ เย่ฉางหมิ่นเห็นหม่าหลันใช้สายตาโกรธเคืองชนิดที่ว่าถึงขีดสุดจ้องมองตนเอง ก็กัดฟันพูดว่า “ได้! ร้อยล้านมันน้อยไปใช่ไหม ได้เลย! ขอเพียงเธอเชื่อฟังฉันแต่โดยดี ให้ลูกสาวเธอกับเย่เฉินทำการหย่าร้างกัน ฉันให้เธอสองร้อยล้านเลย!”
กล่าวจบ เธอก็ล้วงสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋าแอร์เมสทันที ดึงจุกปากกาออก กล่าวเสียงเย็นว่า “เธอลองใคร่ครวญดูให้ดี หากเธอยินยอมล่ะก็ ตอนนี้ฉันจะเขียนเช็คให้เธอเดี๋ยวนี้เลย!”
ตอนที่เย่ฉางหมิ่นพูดคำนี้ เธอก็คิดอยู่ในใจว่า “หม่าหลันก็แค่หญิงแก่บ้านนอกของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง อย่ามองแต่ว่าเธออยู่ในคฤหาสน์Tomson Riviera แต่เธอต้องเป็นพวกยาจกที่ไม่เคยเห็นเงินก้อนโตอย่างแน่นอน เงินสองร้อยล้านโบกอยู่ตรงหน้าเธอ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะปฏิเสธ!”
กำลังคิดอยู่เช่นนี้ จู่ๆ ตรงหน้าเย่ฉางหมิ่นก็เบลอไป เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น แก้มซ้ายของเธอก็มีความเจ็บสายหนึ่งแผ่ลามขึ้นมา!
“เพี๊ยะ!”
ที่แท้หม่าหลันก็ยกมือตบหน้าเย่ฉางหมิ่นอย่างแรงทีหนึ่ง!”
ตลอดชีวิตของเย่ฉางหมิ่นไม่เคยถูกตบ ต่อให้ฝันก็คิดไม่ถึงว่าตนที่อายุ40กว่าปีแล้ว ถูกตบครั้งแรกในชีวิต จะถึงกับเป็นหญิงแก่บ้านนอกคนหนึ่งเป็นคนตบ!
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าความโกรธสายหนึ่งพุ่งสูงท่วมหัวขึ้นมาในพริบตา!
เธอจ้องหม่าหลันเขม็ง ตะโกนลั่นอย่างสุดเสียงว่า “นังหญิงแซ่หม่า! แกบ้าไปแล้วใช่ไหม? กล้าตบฉันเหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เพิ่งจะสิ้นคำพูด หม่าหลันก็เดินเข้ามาทันที ใช้เท้าข้างหนึ่งถีบไปที่หน้าอกของเธอ ทำเอาเธอที่หลังพิงโซฟาล้มคว่ำไป!
แม้เย่ฉางหมินจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ดีร้ายอย่างไรเธอก็เป็นคนมีการศึกษา
แม้เธอจะหยิ่งผยองมาตลอดชีวิต รังแกคนมาไม่น้อย แต่โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ใช่เธอที่ลงมือรังแกด้วยตัวเอง
ดังนั้น หม่าหลันที่ลงไม้ลงมือกับเธอกะทันหัน จึงทำให้เธอไม่มีแรงตอบโต้ไปชั่วขณะ!
ทันทีที่ถูกหม่าหลันถีบล้มลงไปกับพื้น เธอก็ดิ้นรนคลานขึ้นมา ก่อนจะด่าด้วยผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “หม่าหลัน! แกบ้าไปแล้วเหรอ?! ฉันให้เงินแก ต่อให้แกไม่ต้องการ ก็ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือกับฉันเลย? หลักการปัญญาชนฟาดด้วยปากไม่ฟาดด้วยมือนี่ เธอไม่เข้าใจหรือไง?!”
หม่าหลันด่าอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ไอ้ปัญญาชนฟาดด้วยปากไม่ฟาดด้วยมือนี่มันคืออะไร ในเมื่อหล่อนกล้าเอากระดาษเงินที่เผาให้คนตายมาตบตาฉัน แล้วทำไมฉันจะตบนังปากปีจออย่างหล่อนไม่ได้! วันนี้ฉันไม่เพียงจะตบหล่อน ยังจะฆ่าหล่อนให้ตายด้วย!”
ขณะนี้เย่ฉางหมิ่นแทบจะมึนจงไปหมด
เธอตะโกนลั่นสุดเสียงว่า “แกเป็นผีหรือไง?! ฉันเขียนเช็คเงินสดธนาคารซิตี้แบงค์ให้แก! แกฟังดีๆ นะ เป็นธนาคารซิตี้แบงค์! ต่อให้แกไม่เคยเห็นโลกกว้าง อย่างน้อยก็ต้องรู้จักมันบ้างสิ!”