ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 1914
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาก็มีพลังขึ้นมาทันที
เพราะยังไง คนที่สามารถอาศัยอยู่ใน Tomson Riviera ได้นั้น ต้องมีความสามารถทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก “เงินที่หามาอย่างยากลำบาก” จากปากของพวกเขานั้น จะต้องเป็นตัวเลขทางดาราศาสตร์อย่างแน่นอน
ลองคิดๆ แล้วมันก็ใช่ ผู้คนที่สามารถอาศัยอยู่ในวิลล่าที่มีราคามากกว่าหนึ่งพันล้านได้ตามต้องการ สำหรับพวกเขาแล้วเงินจำนวนสามถึงห้าล้านมันก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก? เงินจำนวนสามสิบถึงห้าสิบล้านเกรงว่าก็คงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นท่าทีการแสดงออกที่ทรุดโทรมขนาดนี้ของนายหญิงใหญ่คนนี้ ดูเหมือนว่าจำนวนเงินนี้จะต้องมากกว่าสามสิบถึงห้าสิบล้านแน่นอน!
บางที นี่อาจจะเป็นคดีการลักขโมยขนาดใหญ่หนึ่งคดีอีกด้วย!
ดังนั้น หลายคนจึงรีบเดินเข้าประตู และซักถามจากเซียวเวยเวยโดยตรงว่า “การโจรกรรมเกิดขึ้นเมื่อใด? ทรัพย์สินถูกขโมยไปจำนวนเท่าไหร่?”
เซียวเวยเวยรู้สึกอักอ่วนเล็กน้อย และกล่าวว่า “นี่……รบกวนพวกคุณไปถามคุณย่าของฉันที่ชั้นสองเถอะ เงินที่หายไปคือของเธอ เธอรู้เรื่องนี้ดีที่สุด”
“โอเค!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบน จากการนำทางของเซียวเวยเวย และมาถึงที่ห้องนอนบนชั้นสอง
เมื่อเห็นผู้ชายหนุ่มหนึ่งคนและผู้ชายแก่หนึ่งคนนอนอยู่ในห้องนอนบนชั้นสอง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินตรงไปที่ระเบียง และซักถามนายหญิงใหญ่เซียว “นายหญิงใหญ่ ทรัพย์สินของคุณหายไปใช่หรือไม่?”
“ใช่! ฉันเอง!” นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าเฉียนหงเย่น!ขโมยเงินที่หามาอย่างยากลำบากของฉันและหนีไปแล้ว! พวกคุณต้องจับตัวเธอให้ได้!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าอย่างเร่งรีบ และหยิบคอมพิวเตอร์แบบพกพาของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมา แล้วพูดว่า “คุณพอจะทราบข้อมูลเบื้องต้นของเฉียนหงเย่นคนนี้หรือไม่? เช่นบ้านเกิด และอายุ ถ้าคุณมีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของเธอก็จะยิ่งดี! หากเป็นเช่นนั้น พวกเราก็จะสามารถค้นหาข้อมูลเฉพาะได้โดยตรง และไปจับกุมคนได้ทันที”
“หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนงั้นเหรอ?” นายหญิงใหญ่เซียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และถามเซียวเวยเวยว่า “คุณรู้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของแม่คุณหรือไม่?”
เซียวเวยเวยกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ฉัน…..ฉันจำได้แค่ส่วนเล็กๆ จำไม่ได้ทั้งหมด…….”
นายหญิงใหญ่เซียวรีบพูดว่า “ลองไปหาใบจดทะเบียนสมรสของเธอที่แต่งงานกับพ่อของคุณ! มันต้องมีเลขประจำตัวประชาชนของเธออยู่บนนั้นอย่างแน่นอน!”
เซียวเวยเวยพยักหน้า “ได้คะคุณย่า ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย…….”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนมองหน้ากัน และคนที่เป็นหัวหน้าก็เอ่ยปากถามว่า “นายหญิงใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างเฉียนหงเย่นที่ขโมยเงินของคุณกับคุณคืออะไรกันเหรอ?”
นายหญิงใหญ่เซียวกัดฟันแล้วพูดว่า “ไอ้เวรนั่นเป็นลูกสะใภ้คนโตของฉัน! ฉันคอยระมัดระวังมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าขโมยจะเป็นคนในครอบครัวตัวเอง!”
คนที่เป็นหัวหน้าตำรวจพูดอย่างอักอ่วนเล็กน้อยว่า “ถ้าเป็นคนในครอบครัวของคุณเอง คุณก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบแล้วว่าจะต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายหรือไม่ เพราะการโจรกรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และนี่ก็เป็นความผิดทางอาญา”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ถ้าคุณจะกล่าวหาว่าเธอเป็นขโมยจริงๆ ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เราเปิดคดีสอบสวนแล้ว พวกเราก็จะโอนให้กับพนักงานอัยการเริ่มดำเนินคดีต่อไป หากคดีอาญาถูกตัดสินว่ามีความผิดหนัก อย่างน้อยก็ต้องติดคุกนานหลายปี จนกระทั่งสิบกว่าปี คุณและลูกสะใภ้ของคุณคือคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเอาจริงขนาดนี้ก็ได้หรือไม่? ”
นายหญิงใหญ่เซียวตะคอกอย่างเย็นชา “เอาจริงงั้นเหรอ? ฉันไม่เพียงแต่จะเอาจริงเท่านั้น และยังจะเอาจริงจนถึงที่สุดอีกด้วย! เป็นการดีที่สุดที่พวกคุณจับกุมเธอ และตัดสินจำคุกตลอดชีวิตไปเลย! แม้แต่เงินของฉันก็กล้าที่จะขโมย มันบางอาจเกินไปแล้ว! ในวันนี้ฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่า หญิงชราอย่างฉัน ไม่ใช่คนที่เธอสามารถรังแกได้ตามใจอย่างแน่นอน! จะต้องสั่งสอนให้เธอหลาบจำสักหน่อย!”
เมื่อเห็นเช่นนี้คนที่เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีกต่อไป และพยักหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อทางคุณเรียกร้องว่าอีกฝ่ายลักขโมยทรัพย์สินของคุณ งั้นพวกเราก็จะดำเนินการตามคดีลักทรัพย์”:black”ต่อไป”
นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ใช่ ใช่ ใช่! ต้องดำเนินการตามคดีลักทรัพย์ต่อไป และจับกุมตัวเธอ! ตัดสินลงโทษเธอ!”
หัวหน้าตำรวจถามขึ้นอีกครั้งว่า “นายหญิงใหญ่ ในครั้งนี้คุณได้สูญเสียทรัพย์สินไปจำนวนเท่าไหร่เหรอ? ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเงินสด สิทธิเจ้าหนี้และของใช้ส่วนตัวอันมีค่าอื่นๆ ทุกชนิด”
นายหญิงใหญ่พูดโพล่งออกมาว่า “เธอขโมยเงินของฉันไปสองร้อยหยวนถ้วน! นั่นคือเงินที่ฉันหามาอย่างยากลำบากของฉันทั้งหมดเลย!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจตกตะลึงไปเลยทันที “เท่า……เท่าไหร่นะ?! สองร้อยงั้นเหรอ?!