ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 1940
หม่าหลันที่เดินด้วยไม้ค้ำก็ตะโกนอย่างตื่นเต้น: “สวัสดีปีใหม่!”
เซียวฉางควนเงยหน้าขึ้นมองดูดอกไม้ไฟบนท้องฟ้า ประกายแวววาวสะท้อนบนใบหน้าของเขา ใบหน้าที่มีริ้วรอยมากมายเต็มไปด้วยความสุข
ในขณะนี้เซียวฉางควนอดที่จะคิดถึงหานเหม่ยฉิงไม่ได้
นี่เป็นเทศกาลตรุษจีนครั้งแรกในรอบยี่สิบปีหลังจากที่หานเหม่ยฉิงกลับจากต่างประเทศด้วย
เซียวฉางควนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาส่งข้อความวีแชทถึงหานเหม่ยฉิงอย่างเงียบๆ ข้อความดังกล่าวมีเพียงหกคำสั้นๆ เท่านั้น: “เหม่ยฉิง สวัสดีปีใหม่!”
โทรศัพท์มือถือของเย่เฉินถูกโจมตีด้วยข้อความวีแชทอย่างต่อเนื่อง
หลายคนส่งคำอวยพรปีใหม่ให้เขาในขณะนี้ แต่เขาไม่สามารถตอบทีละคนได้ เขาจึงโพสต์ข้อความในวีแชทโมเมนต์ว่า: สวัสดีปีใหม่ ญาติและเพื่อนๆ ทุกคน! ”
คืนนี้ ในเมืองจินหลิงสว่างไสวไปทั่วบ้านทั่วเมือง
เย่เฉินและสมาชิกครอบครัวอีกสามคน เล่นที่ริมแม่น้ำจนถึงตีหนึ่งก่อนจะขับรถกลับ
คนส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับความสุขพิเศษของวันปีใหม่ มีแต่ครอบครัวของนายหญิงใหญ่เซียวเท่านั้นที่ยังคงดิ้นรนกับความอดอยาก
ในช่วงกลางวันนี้ ไม่ทราบว่าจางกุ้ยเฟินไปหาซื้อทีวีสีอันเก่าแก่ขนาด21 นิ้วมาจากไหน ทีวีสภาพเสื่อมเสียแบบนี้ถึงแม้จะไม่บุบสลายก็สามารถขายได้ในราคาเพียงสิบกว่าหยวนเท่านั้น คนปกติแทบไม่อยากจะมองมันแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกเธอสามคนแล้ว ทีวีเก่าแก่นี้ทำให้พวกเธอได้ดูรายการชุนหว่านตั้งแต่ต้นจนจบอย่างครบถ้วน สิ่งนี้ทำให้พวกเธอพึงพอใจและมีความสุขอย่างมาก
ขณะดูทีวี พวกเขากินอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่าที่เตรียมไว้จนหมด และสุดท้ายก็ไม่เหลือแม้แต่ซุปผัก
หลังจากรับประทานอาหารในห้องนั่งเล่นแล้ว ทั้งสามคนก็ไม่ลืมที่จะพกทีวีกลับไปที่ห้องของจางกุ้ยเฟิน
เพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวของนายหญิงใหญ่เซียวเอาเปรียบพวกเธอ
นายหญิงใหญ่เซียวและเซียวเวยเวยกำลังคิดถึงข้าวน้อยนิดในกระถางธูป ดังนั้นพวกเธอจึงทนหิวจนถึงตีหนึ่งกว่า ค่อยทำให้พวกจางกุ้ยเฟินยอมที่จะเข้าห้องไปนอน
หลังจากที่พวกจางกุ้ยเฟินเข้านอนแล้ว ทั้งสองก็เริ่มเตรียมที่จะต้มโจ๊กกิน
ข้าวในกระถางธูปดูไม่ค่อยดีนักเพราะมันปนเปื้อนด้วยขี้ธูปไปหมด ซึ่งดูแล้วไม่น่ากินสักเท่าไหร่ แต่นายหญิงใหญ่เซียวและเซียวเวยเวยที่หิวจนท้องกับไส้แทบต่อยกันอยู่แล้ว ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพวกนี้อีกต่อไป
พวกเธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว พวกเธอนำกระถางธูปเข้าครัวอย่างชำนาญ จากนั้นเทข้าวออกแล้วล้างให้สะอาดและใช้ข้าวสารเหล่านี้หุงข้าวต้มกินในทันที
ข้าวในกระถางธูปราวๆ ครึ่งกิโลกรัม และต้มเป็นโจ๊กจึงได้หม้อใหญ่
นายหญิงใหญ่เซียวและเซียวเวยเวยต่างดื่มไปหนึ่งชามในทันทีที่ข้าวต้มปรุงเสร็จ
หลังจากนั้นพวกเธอรู้สึกว่ายังไม่เพียงพอที่จะบรรเทาความหิว ดังนั้นทั้งสองจึงดื่มอีกคนละชาม
เมื่อรู้สึกว่ารสชาติจืดไปเล็กน้อย ทั้งสองจึงแอบใส่เกลือและซีอิ๊วขาวที่พวกจางกุ้ยเฟินซื้อมาลงในโจ๊กแล้วคนให้เข้ากัน
จางกุ้ยเฟินพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้นายหญิงใหญ่เซียวมีโอกาสเอาเปรียบพวกเธอ แต่เธอนึกไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่เซียวจะคิดอุบายกับข้าวในกระถางธูปและเกลือรวมทั้งซีอิ๊วของเธอเองได้
เช้าวันรุ่งขึ้น
ในวันปีใหม่
เนื่องจากว่าเมื่อคืนนี้ออกไปเล่นจนดึก เซียวชูหรันจึงเหนื่อยล้าเล็กน้อย จนป่านี้ยังไม่ตื่น
เย่เฉินตื่นก่อนแล้ว เขาชงชาให้ตัวเองในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
ในเวลาว่าง เขาจึงเช็คดูวีแชทโมเมมต์ นอกจากกลุ่มเพื่อนที่แสดงความยินดีในวีแชทโมเมมต์แล้ว เขายังสังเกตดูโมเมมต์ของซ่งหวั่นถิงไปด้วย
“ออกเดินทางไปญี่ปุ่นวันนี้ เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงเวลานี้หากใครมีธุระภายในเมืองจินหลิง โปรดติดต่อซ่งหรงวี่ได้เลยค่ะ”
เย่เฉินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดคิดว่าซ่งหวั่นถิงจะไปญี่ปุ่นในวันแรกของวันตรุษจีนแบบนี้
ในเวลาเดียวกันข้างบ้านA04 .
จางกุ้ยเฟินกับเพื่อนอีกสองคนตื่นแต่เช้า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันแรกของปีใหม่ แต่พวกเธอยังต้องไปทำงานหาเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตดังเช่นเคย
สิ่งแรกที่จางกุ้ยเฟินทำเมื่อตื่นแต่เช้าคือการจุดธูปให้กับเจ้าแม่กวนอิมเพื่อที่เจ้าแม่กวนอิมจะอวยพรเธอด้วยความสงบและความเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่
เธอจุดธูปสามดอก อธิษฐาน โค้งคำนับ และเมื่อเธอยืนขึ้นเพื่อใส่ธูปสามดอกลงในกระถางธูปนั้น เธอก็ตระหนักถึงความผิดปกติเล็กน้อย
เดิมทีเมื่อปักธูปลงในข้าวในกระถางธูปแล้ว จะรู้สึกถึงแรงต้านได้อย่างชัดเจน
แต่ตอนนี้ เธอไม่พบความรู้สึกใดเลย
เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ เธอก็โกรธจัดในทันที!
เธอคำรามด้วยความโกรธเคือง: “ยัยแก่ที่แซ่เซียวเอ๊ย! มึงกล้าขโมยข้าวสารจากกระถางธูปของกูงั้นเหรอ!?! “