ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2212
บทที่ 2212
เซียวไห่หลงน้ำตานองหน้า “คุณย่า ในที่สุดผมก็จะได้กินเนื้อบ้างนิดหน่อยในทุกวันแล้ว…”
“นั่นน่ะสิ…” นายหญิงใหญ่เชียวถอนหายใจ เอ่ยต่อว่า “รอให้แกและพ่อแกหายดีแล้ว ก็ไปหางานทำคนละงาน ไม่กล้าเพ้อฝันว่าจะมีเงิน
มากมาย แต่พวกแกสองคน ถ้าเดือนหนึ่งได้สักห้าหกพันก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ถึงตอนนั้นบ้นของเราก็จะมีรายได้ต่อเดือนหนึ่งหมื่นห้าถึงหก
พัน เมื่อถึงวันนั้น ชีวิตแบบนี้ของพวกเรา ก็จะได้ผ่านพันไปเสียหิ!”
เชียวเวยเวยได้ยินคำพูดนี้ ก็หดหู่ใจอย่างยิ่ง
เธอคิดในใจว่า “ตระกูลเซียวในมื่อก่อน ไม่กลัาบอกว่าร่ำรวยเงินทอง แต่อย่างน้อยก็มีทรัพย์สิ้นสิบกว่าล้าน แม้กระทั่งร้อยกว่าล้าน…”
“ตอนนั้น ในหนึ่งเดือน แค่ค่ากินอย่างเดียวของทั้งครอบครัวก็เป็นจำนวนประมาณหมื่นกว่า หรือแม้กระทั่งมากกว่านี้”
“แต่ตอนนั้นทุกคนกลับไม่พอใจ มักจะรู้สึกว่าใช้ชีวิตได้ไม่ดีพอ คิดหาวิธีทุกอย่างเพื่อประจบและอิงผู้มีอิทธิพล….
“ตอนนี้ หลังจากที่ผ่านเรื่องราวตั้งมากมายนี้แล้ว ความต้องการที่คนในครอบครัวมีต่อสภาพชีวิต ก็ลดน้อยลงอย่างมาก”
“เมื่อก่อนกินดีแค่ไหนก็ไม่พอใจ แต่ตอนนี้ ซอแค่ได้กินเนื้อสักมื้ออาหารทุกวัน มีเงินเหลือเก็บสักนิตหน่อยในทุกวัน ในความคิดของคนใน
ครอบครัว ก็เป็นชีวิตที่ดีที่ถวิลหาแม้ในยามฝันแล้ว…”
“แม่ฉีกย้อนขึ้นมาจะปวดใจมาก แต่ก็บาดใจมากจริงๆ นั่นแหละ…”
เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ภายในหัวของเชียวเวยเวยก็ปรากฏเปินหน้าตาของเย่เฉิน คิดในใจอีกว่า “คนอย่างเย่เฉินพึ่งพาได้มากที่สุดอยู่ดี
ต่อให้จะเป็นช่วงชีวิตที่จนที่สุด ก้สามารถผ่านพันไปได้อย่างมั่นคง เมื่อเขาได้กลายเป็นอาจารย์เยบุคคลชั้นสูงที่ผู้คนเคารพนับถือแห่งจินหลิง
เขาก็ไม่ลืมปณิธานเดิม ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเซียวชูหนอย่างสงบ…”.
เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ เธอควักโทรศัพท์ออกมา จากนั้นก็เพิ่มวีแซทของเย่เฉินอย่างเงียบๆ
เวลานี้เย่เฉินเพิ่งรับประทนอาหารเสร้จ ฉินกางก๊วอยซ์คอลมาหาเขา หลังกดรับสาย ก๊เอ่ยขึ้นด้วยความสุภาพ “อาจารย์เย เอ้าเสวี่ยนบ
อกผมว่า คุณให้ผมจัดงานเลี้ยงต้อนรับทุกคนที่บ้าน ไม่ทราบว่าคุณสะดวกเมื่อไร?”
เย่เฉินเอ่ย “วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีแล้ว งั้นพวกเราก็กำหนดเป็นคืนวันศุกร์ชั่วคราวก่อน นายว่าเป็นยังไง?”
ฉินกางเอ่ยขึ้นมาอย่างเคารพสุภาพ “เวลาของกระผมไม่มีปัญหา ยึดตามเวลาที่อาจารย์เยสะดวกเลย”
เย่เฉินตอบกลั่บ อิ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า “งั้นก็กำหนดเป็นคืนวันศุกร์ก็แล้วกัน นายช่วยฉันเชิญทุกคนหน่อยนะ”
ฉินกางรีบเอ่ย “อาจารย์เย ผมรายงานจำนวนคนสักหน่อย คุณดูว่าถูกต้องหรือเปล่า”
“ได้”
ฉินกางเอ่ย “ก่อนอื่นคือคุณซ่งและคุณท่านช่งจากตระกูลซ่ง จากนั้นหมอเทพซื้อ ซื่อเทียนฉี ต่อมาก็เป็นผู้จัดการทั่วไปเฉิน เฉินจื่อข่าย
เศรษฐีเมืองไห่ หสี่ไทหลาย ท่านหงห้า หวังเจิ้งกางแห่งตระกูลหวัง เว่ยเสี่ยงแห่งบริษัทผลิตยาเก้าเสวียน”
เย่เฉินเอ่ย “อย่าลืมเชิญหวังตงเสวี่ยนรองประธานหวังแห่งตี๋เหากรุ๊ปด้วย”
ฉินกางรีบเอ่ย “ได้เลยอาจารย์เย ฮกสักครู่ผมจะโทรบอกรองประธานหวัง”
เย่เฉินเอ่ย “งั้นก็รบกวนนายช่วยฉันจัดการที่นะ”
ฉินกางรีบเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพและเครพ “อาจารย์ยไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนั้นครับ! มีเรื่องอะไร คุณรับสั่งมาได้เลย!”
เย่เฉินตอบกลับ อิ่ม จากนั้นก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นฉันจะไปถึงก่อนล่วงหน้าสักสองสามชั่วโมง เพื่อชี้แนะให้เอ้าเสวี่ยน และถือโอกาส
มอบของขวัญเล็กน้อยให้กับนายด้วย”
ฉินกางได้ยินคำพูดนี้ ตื่นต้นจนเสียงสั่นเครือเลักน้อย เขารับรู้ได้ว่า เย่เฉินอาจจะมอบยาอายุวัฒนะให้กับตน จึงทำให้เขาควบคุมความ
ตื่นเต้นนั้นไม่ได้ เขาเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์เย! ต้องขอบคุณคุณจริงๆ เลย!”
เย่เฉินอมยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจไป งั้นก็ตามนี้ละกันนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ได้เลยอาจารย์เย เจอกันพรุ่งนี้!”
เย่เฉินเพิ่งจะวางสายวอยซ์คอลของฉินกาง ทันใดนั้นก็มองเห็นในบันทึกรายชื่อผู้ติดต่อในวีแซท ปรากฏว่ามีเพื่อนคนใหม่เพิ่มมา
เขากดเข้าไปดู กัพบว่าผู้ที่ส่งคำขอเป็นเพื่อนมานั้นคือเซียวเวยเวย จึงได้กดตอบรับไป
เวลาต่อมา เชียวเวยเวยก็ส่งข้อความมาในทันที “พี่เขย ทางบริษัทฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว มีพนักงานสาวให้บริการจำนวน 300 คนที่
ยินยอมร่วมมือกับเรา ขอรายงานให้พี่ได้รับทราบ!”
เยเฉินเองก็ตกใจกับจำนวนคนเล็กน้อย คิดอยู่ในใจว่าเซียวเวยเวยน่าจะทำได้ไม่เลว จึงได้ตอบกลับ “ดีมาก พยายามต่อไปนะ”
เซียวเวยเวยรีบตอบ “ได้เลยพี่เขย ฉันจะทุ่มเทแรงกายทั้งหมด!”
ต่อมา กัส่งมาอิกหนึ่งประโยค “พี่เขย ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอยื่นอนุมัติหน่อย….
เย่เฉินเอ่ยถาม “พูดมาเถอะ”
เซียวเวยเวยเอ่ย “พี่เขย ที่บ้านต้องการใช้เงิน.ค่อนข้างเยอะ ฉันเลยอยากจะขอยื่นอนุมัติเบิกเงินเดือนครึ่งเดือนล่วงหน้า ได้ไหม?”
เย่เฉินทราบว่าเธอจำต้องมีจุดที่ลำบาก จึงด้ตอบตกลงอย่างตรงไปตรงมา เอ่ยว่า “ไม่มีปัญหา ไปบอกกับฝ่ายการเงินก็ได้แล้ว”
เซียวเวยเวยส่งอิโมจิซาบซึ้งใจไปทันที พร้อมส่งไปว่า “ขอบคุณพี่เขย!”