ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2524
บทที่ 2524
จากนั้น ไหม้เฉิงซินก็พูดต่อไปว่า: “นอกจากนี้ พวกเรามาในครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีต่อเขา ตระกูลซูอยากจะให้พวกเราตรวจสอบตัวตน
ของเขาออกมา แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวที่จะแทรกแซงในการต่อสู้ระหว่างตระกูลซูกับเขา ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะตามหาเขาเจอ ฉันก็ไม่มีทางเปิด
เผยตัวตนของเขาให้กับตระกูลซู”
ไมค์อดไม่ได้ที่จะถามว่า: “คุณทวด พวกเรามาตรวจสอบตามคำขอร้องของตระกูลชู มาตรวจสอบเบื้องหลังศัตรูของตระกูลชู ถ้าพวกเรา
ไม่ช่วยตระกูลซูทำงาน เทียบเท่ากับว่าจะเป็นการละเมิดสัญญาจิตวิญญาณไม่ใช่เหรอ?”
ไหม้เฉิงชินจ้องมองเขาแวบหนึ่ง และพูดด้วยความโกรธ: “ไอ้โง่! วินาทีที่พวกเราตั้งใจมาที่เมืองจินหลิง ก็ไม่ได้ทำงานเพื่อตระกูลซูแล้ว!”
จากนั้น ไหม้เฉิงซินพูดต่อไปว่า: “จุดประสงค์ที่ฉันมาเมืองจินหลิง อยากจะตามหาผู้ยิ่งใหญ่คนนี้จริงๆ แต่ฉันอยากจะดูว่า พวกเราจะหา
โอกาสส่วนหนึ่งจากบนตัวของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้น ถ้าหากเยงแค่ตระกูลซูจะจัดการกับผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ให้ฉันตามหาผู้ยิ่ง
ใหญ่ออกมา ฉันจะตกลงได้ยังไง? ให้ฉันคนเดียวต่อสู้กับคนที่มีดวงชะตาเทพมังกรตัวจริง ต่อให้จะให้เงินฉันมากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางรับปาก”
ในหันทีทันใด ไหม้เฉิงซินก็พูดอิกว่า: “ถ้หากพวกเราตามหาผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เจอ แม้ว่าฉันจะไม่เปิดเผยสถานการณ์ของเขาต่อตระกูลชู
แต่ฉันก็เอาจะเงินที่ตระกูลชูมอบให้กับฉัน คืนกลับไปไม่น้อยแม้แต่บาทเดียว เรื่องนี้ก็ถือว่าฉันช่วยตระกูลซูทำงานฟรีครึ่งหนึ่ง”
ไมค์พูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า: “ผิดสัญญาอย่างกะทันหันก็เป็นรูปแบบขาดสัญญาจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง ถ้าหากคนไม่มีความน่เซื่อ
ถือ เขาจะยืนหยัดในสังคมในอนาคตได้ยังไง…”
ไหม้เฉิงซินส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้และเตือนว่า: “แกต้องจำเอาไว้ว่า ยิ่งเชื่อฮวงจุ้ยและดวงซะตา ก็ยิ่งต้องไม่ต่อสู้กับตวงซะตา อีกฝ้าย
เป็นเทพมังกรตัวจริง คนอย่างพวกเรา ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขาได้ เข้าใจมั้ย?”
ไมค์พยักหน้าเบาๆ: “ผมรู้แล้วครับคุณทวด…
ไหม้เฉิงซินฮือคำหนึ่ง และพูดว่า: “เอาล่ะ ตอนเที่ยงพวกเราหาที่ทานอาหารกันก่อน ตอนบ่ายค่อยกลับมาเดินดูรอบๆ”
สำหรับไหม้เฉิงซินทวดหลานสองคนนี้ เย่เฉินไม่ได้เอามาใส่ใจมากเกินไป
ไม่ว่าจะเข้นปรมาจารย์ฮวงจุ้ย หรือว่าเป็นปรมาจารย์ชวนซวน ตราบใดที่พวกเขาเป็นศัตรูกับตัวเอง ถ้าอย่างนั้นตัวเองทำให้พวกเขาจาก
ไปอย่างไม่หวนกลับคืนมาเป็นอ้นดับแรก
ยิ่งไปกว่านั้น ในใจของเขารู้ดีมาก แม้ว่าสองคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดามาก แต่เยบกับตัวเองก็ยังห่างไกลมากเกินไป ถ้าจะลงมือ
จริงๆ ความแข็งแกร่งก้ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าหยูจิ้งไห่คนนั้นนตอนนั้นมากนัก
ดังนั้น ตอนนี้ความสนใจของเขา ทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่บนตัวของเฮอจือชิว
คาดหวังว่าเฮ่อจือชิวสามารถที่จะให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ตัวเองโดยเร็วที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่เฮ่อจือซิวมาที่เมืองจินหลิง ตัวเองก็สามารถที่จะจัดตั้งบริษัทขนส่งทางทะเล และทำธุรกิจส่วนนี้ขึ้นมาได้อย่าง
รวดเร็ว ถึงเวลานั้นจะต้องทำให้ตระกูลซุทรมานมากขึ้นอย่างแน่นอน
เฮ่อหยว่นเจียงเลิกสอนแล้วกลับมาที่ห้องห่งาน ทันทีที่เห็นเยเฉินก็รีบถามเขาว่า: “เเฉิน จื่อชิวตอบกลับข้อความของคุณหรือยัง?”
เย่เฉินส่ายหน้า: “ยังเลยครับคุณอาเฮ่อ เธอบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า หลังจากที่ออกจากฐานทัพก็ไม่มีสัญญาณ ดังนั้นจะต้องรอหลังจากที่
กลับมาค่อยติดต่อกับโลกภายนอก”
เฮ่อหยว่นเจี้ยงพยักหน้า ถอนหายใจ และพูดว่า: “เมื่อกี้นี้ตอนที่สอนหนังสืออยู่ ตาขวากระตุกไม่หยุด รู้สึกว่าจะไม่เหมือนเป็นสัญญาณที่
ดี ดังนั้นในใจก็เป็นกังวลมาก”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณอาเฮ่อตอนนี้คุณไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น อดทนรอข่าวจากจือซิวเถอะ ทางของพวกเธอนั้นช้ากว่าที่พวก
เราหกชั่โมง ถ้หากพวกเธอกลับมาตอนแปดโมงตามเวลาท้องถิ่น งั้นที่พวกเราก็ก่อนรุ่งเช้าแล้ว ดังนั้นคุณรออย่างสงบจิตสงบใจก่อน ในตอน
กลางคืนมีข่าวผมจะติดต่อคุณเป็นอันแรก”
เฮ่อหยว่นเจิยงพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า: “ตอนนี้ก้ไมมีทางที่ดีแล้ว ทำาได้เพียงรอ”
หลังจากที่พูดจบ เขารีบพูดกับเย่เฉิว่า: “ไปเถอะเย่เฉิน ฉันจองที่นั่งไว้ที่ประตูสัญญาณจินหลิงอยู่แถวบริเวณใกล้โรงเรียน ตอนเที่ยง
พวกเราก็ไปทานที่นั่นกัน!”