ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2799
น้ำเสียงของซวนเฟิงเหนียนเย็นชาขึ้นทันที สอบถามว่า “ทำไมครับ? ตอนนี้คุณมีเบาะแสหน่อย ก็อยากจะมาคุยข้อตกลงกับผม? คุณท่านไหม้อย่าได้ลืมไป หาตัวคนลึกลับนั่นเจอ เดิมทีนี่ก็เป็นหน้าที่ในส่วนของคุณ!ส่วนฆ่าคนลึกลับนั่นทิ้ง เป็นหน้าที่ของผม คุณทำหน้าที่ของคุณ แล้วยังจะมาคุยข้อตกลงกับผม?”
ไหม้เฉิงซินพูดอย่างยิ้มเยาะว่า “อาจารย์ซวน โบราณพูดไว้ดี คนเราถ้าไม่คิดเพื่อตัวเองก็จะไม่มีที่ยืน ผมมาไกลถึงหัวเซี่ย ก็แค่หาเงินเท่านั้น เพราะยังไงซะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ ดีไม่ดีอนาคตก็คงจะจิตใจไม่สงบ เพราะงั้นผมก็จ้องหาเงินเยอะหน่อยเพื่อมาทดแทนตัวเองสักหน่อย”
พูดแล้ว ไหม้เฉิงซินก็พูดอีกว่า “ผมพาไหม้เค่อมาหัวเซี่ยก็หลายวันแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ไล่หาเบาะแสต่างๆที่เป็นไปได้ ก็มีความยุ่งวุ่นวายอยู่ไม่น้อยเลย”
พูดถึงนี่ ไหม้เฉิงซินก็พลิกบทสนทนา พูดว่า “แต่ว่า อาจารย์ซวนคุณเพิ่งมาที่เมืองจินหลิง ถ้าหากว่าผมบอกเบาะแสกับคุณในวันนี้ ไม่แน่ตอนดึกคุณก็จัดการกับคนๆนั้นทิ้งแล้ว จากนั้นก็สามารถไปเอาเงินจากไปได้เลย เทียบกันแล้ว เงินของผมนี้หามาได้ยากกว่าอาจารย์ซวนมากเลย!”
ซวนเฟิงเหนียนถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “คุณท่านไหม้ ฟังความหมายของคำพูดคุณแล้ว เหมือนว่าอยากจะแบ่งเงินจากที่ผมไปสักหน่อย?”
ไหม้เฉิงซินพูดยิ้มๆว่า “โอ๊ยอาจารย์ซวน ผมไม่ได้มีความหมายอย่างนั้น ผมก็แค่อยากเจอกับคุณแล้วคุยกันสักหน่อย ดูซิว่าคุณคนเดียวได้เงินจากตระกูลซูมากเท่าไหร่ แล้วพวกเราสองคนได้เงินจากตระกูลซูมาเท่าไหร่”
“จากนั้นก็รวมระยะเวลาที่พวกผมมาเมืองจินหลิง กับระยะเวลาที่คุณมาเมืองจินหลิง พวกเรามาลองคำนวณด้วยกันว่าต่อจำนวนเงินที่เหมาะสมสำหรับพวกเราสามคน”
“ถ้าหากว่าปู่หลานพวกเราสองคนได้เยอะ งั้นพวกเราก็เอาส่วนที่เยอะกว่านั้นมาทดแทนให้กับอาจารย์ซวนคุณเอง”
“แต่ถ้าหากว่าอาจารย์ซวนได้เยอะ งั้นก็ต้องรบกวนคุณเอาส่วนที่เกินออกมานั้นมาทดแทนให้พวกเรา”
ซวนเฟิงเหนียนได้ยินคำพูดนี้ ก็โมโหขึ้นมาในทันที
ในใจแอบ “คิดว่าไอ้แก่นี้หน้าไม่อายจริงๆ เขาอยากจะมาคิดคำนวณตามจำนวนหัวและเวลาในเวลานี้กับฉัน ไอ้แก่นี่เอาเงินไม่เอาชีวิตแล้วรึไง?”
แต่ว่า เขาไม่ได้โมโหใส่ในโทรศัพท์ไปตรงๆ เพราะว่าเขารู้ดี ตัวเขาฆ่าทวดเหลนไหม้เฉิงซินทั้งสองคนนั้นไม่ยาก แต่ที่ยากก็คือ หลังจากที่ตัวเขาเองฆ่าพวกเขาแล้ว กลัวว่าจะไม่มีวิธีหาตัวคนนั้นเจอ
ดังนั้น ตัวเองจะต้องคิดหาวิธี ล้วงเอาเบาะแสจากปากของเขาให้ได้!
ดังนั้น เขาถามอย่างเย็นชาว่า “คุณท่านไหม้ ในเมื่อคุณอยากจะเจอเพื่อคุยกัน งั้นพวกเราก็นัดเวลาและสถานที่กันเถอะครับ”
ไหม้เฉิงซินรีบพูดว่า “อาจารย์ซวนมาที่ป๋ายจินฮ่านกงเลยครับ ผมจองห้องพักอยู่ที่นี่ สภาพแวดล้อมไม่เลว”
ซวนเฟิงเหนียนปฏิเสธ “ตัวผมเกลียดที่สุดก็คือสถานที่อย่างโรงแรม ไม่อย่างนั้นมาถึงเมืองจินหลิงก็คงไม่อยู่ด้านนอกอย่างลำบากหรอกครับ ไม่ก็พวกเราก็ยังนัดเจอกันที่สุสานเขาเฟิ่งหวงแล้วกันครับ”
“สุสานเขาเฟิ่งหวง?” ไหม้เฉิงซินพูด “หนอนกู่ของคุณกินสมองของรปภ.คนนั้น ตอนนี้ยังมีข่าวลือว่าเขาถูกผีกินอยู่เลย ทำเอาผู้คนหวาดกลัว ผมกลัวว่าแผนกที่เกี่ยวข้องก็ยังงจับตาดูที่นั่นอยู่ แล้วพวกเรายังไปเจอกันที่นั่น คงจะไม่เหมาะหรอกมั้งครับ?”
ซวนเฟิงเหนียนพูดอย่างเฉยชาว่า “ไม่ปิดบังนะครับ เมื่อคืนผมนอนอยู่ที่เขาเฟิ่งหวง อย่าว่าเลย ที่นี่ทิวทัศน์ไม่เลวจริงๆ แล้วยังไม่มีผู้คนมารบกวน ตอนเช้าที่เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบศพ ผมยังเข้าไปดูด้วยเลย ตอนนี้ภายใต้ความหวาดกลัวของผู้คน รปภ.ของที่นี่ยังไม่กล้าเข้างานกะดึกกันแล้ว ตอนกลางคืนพวกเรามาคุยธุระกันที่นี่ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแอบฟัง”
ไหม้เฉิงซินพิจารณาสักพัก ก็อย่างมีความกังวลว่า “อาจารย์ซวน สุสานเขาเฟิ่งหวงนั่นมันเปลี่ยวเกินไป ไม่ก็พวกเราเปลี่ยนสถานที่ที่ใกล้เข้ามาหน่อยเถอะครับ!”
ซวนเฟิงเหนียนพูดเสียงเย็นชาว่า “ถ้าหากว่าคุณให้เบาะแสกับผมตั้งแต่ตอนนี้ งั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเจอกันเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากว่าคุณอยากจะให้ผมเอากำไรจากตัวผมให้กับคุณ งั้นก็ขออภัยด้วย คุณต้องทำตามความต้องการของผม!”
ไหม้เฉิงซินได้ยินคำพูดนี้ ก็พูดอย่างตามน้ำไปว่า “ได้!ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นตอนกลางคืนก็เจอกันที่เขาเฟิ่งหวงครับ!”
ซวนเฟิงเหนียนยิ้ม “คืนนี้ยามดึก ไม่เจอไม่เลิก