ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3000 บุคลิกนิสัยทุ่มเท
ณ เวลานี้ หลังเวทีการแสดง
ในห้องพักผ่อนของกู้ชิวอี๋ เฉินตัวตัวตาแดง ช่วยเธอถอดชุดเจ้าสาวเองกับมือ พูดสะอื้นอย่างเอ็นดูว่า “ชิวอี๋ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวในงานคอนเสิร์ตนี้ แล้วทำไมไม่เรียกชื่อเย่เฉินเจ้านั่นซะเลยละ?”
พูดถึงนี่ เธอบ่นอย่างไม่พอใจว่า “ฉันว่านะ เธอน่าจะบังคับแต่งงานกับเขาต่อหน้าผู้ชมนับหมื่น ต่อหน้าแฟนคลับทั่วประเทศไปเลย!ใส่ชุดเจ้าสาวทั้งที เรียกชื่อเขาให้เขาขึ้นเวที จากนั้นก็ถามเขาต่อหน้าทุกคนว่าจะทำตามสัญญาเมื่อไหร่”
กู้ชิวอี๋มองดูตัวเองในกระจก ถอดต่างหูเพชรเป็นประกายออกอย่างระมัดระวัง แล้วพูดยิ้มๆว่า “เธอเนี่ยนะ จะต้องดูซีรีส์โรแมนติกเยอะไปแน่ๆ ความรู้สึกและงานแต่งไม่ใช่การบังคับมา ทำไมต้องใช้อำนาจของตัวเอง มาบังคับคนอื่นเขาจนขยับไม่ได้ละ? ในวงการบันเทิงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนทำเรื่องแบบนี้ สุดท้ายก็หย่ากันไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
พูดแล้ว กู้ชิวอี๋ก็พูดอย่างจริงจังมากๆว่า “วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันจัดงานวันเกิดให้เย่เฉินหลังจากที่ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันไม่ได้อยากใช้โอกาสนี้มาบังคับเขาแต่งงาน ฉันเพียงแค่อยากบอกกับเขาด้วยตัวเองในวันเกิดของเขา ว่าหลายปีมานี้ฉันมีความรู้สึกยังไงกับเขา อีกอย่างฉันก็ตอบตกลงกับเขาไปแล้ว ว่ารอเขาสามปี ถ้าหากว่าฉันเรียกชื่อเขาในงานตอนนี้ ถามเขาว่าจะทำตามสัญญาเมื่อไหร่ นั่นก็คือตัวฉันเองที่กลับคำ”
เฉินตัวตัวพูดอย่างหดหู่ว่า “แต่ว่าการสารภาพรักในวันนี้ของเธอนั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ แล้วยังจะออกจากวงการบันเทิงอีก เธอเสียสละเพื่อเขามากขนาดนี้ ถ้าหากไม่ตามติดเขาสักหน่อย แล้วถ้าหากเขากลับคำเธอจะทำยังไง? ถ้าหากหลังจากนี้สามปีเขาม่ทำตามสัญญาเธอจะทำยังไง?”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าหากเขาไม่สามารถทำตามสัญญาได้จริงๆ ฉันก็จะไม่โทษเขา”
“อะไรนะ?!” เฉินตัวตัวพูดอย่างอึ้งตะลึง “ไม่โทษเขา ฉันบอกเธอนะกู้ชิวอี๋ ถ้าหากสามปีหลังจากนี้เย่เฉินนั่นไม่ทำตามสัญญา ฉันเฉินตัวตัวคนนี้คนแรกที่จะไม่ให้อภัยเขา!ถึงตอนนั้นฉันจะแฉผู้ชายเนรคุณคนนี้ลงเน็ตให้ได้!”
กู้ชิวอี๋รีบพูดว่า “อย่าพูดมั่ว!ครอบครัวพี่เย่เฉินทั้งบ้านมีบุญคุณต่อบ้านฉันทั้งครอบครัว เมื่อก่อนพ่อของเขาช่วยเหลือบ้านฉันไว้มาก ชีวิตของพ่อฉันก็ได้พี่เย่เฉินเป็นคนช่วยไว้ มีบุญคุณอันใหญ่หลวงขนาดนี้ ไม่ว่าพี่เย่เฉินจะทำการตัดสินใจยังไง ฉันก็ยินดียอมรับมันอย่างเต็มใจ”
เฉินตัวตัวร้อนรนอย่างกับมดในกระทะร้อน “กู้ชิวอี๋ เธอคิดแบบนี้ได้ยังไง? เขามีบุญคุณต่อครอบครัวเธอ แต่แล้วเธอไม่ได้มีใจกับเขาหรือไง? วิดีโอที่ฉายในตอนเปิดงานคอนเสิร์ต ก็คือการเสียสละที่เธอมีให้เขามาหลายปีมานี้ไม่ใช่หรือไง? หรือว่าเพียงเพราะเขาช่วยพ่อเธอไว้ ความเสียสละหลายปีมานี้ของเธอ เขาก็สามารถทิ้งเธอไปได้อย่างนี้งั้นหรอ?”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างรำคาญอยู่บ้างเล็กน้อยว่า “โอ๊ยพอแล้ว เธอพูดมากจริงๆ!รีบช่วยฉันถอดชุดเจ้าสาวออกเร็ว เดี๋ยวฉันยังต้องรีบขึ้นเครื่องอีก”
เฉินตัวตัวรีบถามว่า “เธอไปคืนนี้เลย?”
“ใช่แล้ว” กู้ชิวอี๋พูด “งานคอนเสิร์ตจบแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีธุระอะไรของฉันแล้ว เธออยู่ที่นี่ติดตามผลกับบริษัทผู้บริหาร ฉันกลับเย่นจิงไปก่อน เตรียมความพร้อมของงานคอนเสิร์ตงานหน้า”
เฉินตัวตัวพูดว่า “นั่นก็ไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นเครื่องไปดึกขนาดนี้หรอกมั้ง พักผ่อนสักคืน แล้วค่อยไปพรุ่งนี้ก็เหมือนกันนี่นา