ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง - บทที่ 91 ตรงไปตรงมา
“คุณชายสวี่…”
ต้องเผชิญกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นเคยนี้ เดิมทีเว่ยเยวียนและคนอื่นๆ สามารถค้นหาได้จากรายชื่อภายในของสำนักโหราจารย์ได้ โดยค้นหาจากบรรดาลูกศิษย์ห้าคนที่ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ด้วยตัวเองที่มีอยู่ของท่านโหราจารย์
‘แปลก เจ้าพนักงานคนนี้เรียกว่า ‘คุณชายสวี่’ แทนที่จะเป็น ‘ศิษย์พี่สวี่’ คนที่เปิดห้องเรียนสอนไม่ใช่ศิษย์ของสำนักโหราจารย์ แต่เป็นคนนอก’
‘แซ่สวี่…หรือว่าจะเป็น…’ ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เป็นประกาย ลางก็คาดเดาอย่างมั่นใจอยู่ภายในใจ และพระองค์ก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะไปตรวจสอบ
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเว่ยเยวียนก็แสดงอาการเข้าใจขึ้นมาทันที และก็คาดเดาบางอย่างได้เช่นกัน
ซ่งชิงเคยบอกเขาว่า สวี่ชีอัน เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจ แต่ในเวลานั้นเว่ยเยวียนไม่ได้สนใจมากนัก เพราะถึงอย่างไรซ่งชิงนั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งของสำนักโหราจารย์
คำว่าอัจฉริยบุคคลในความหมายของเขา อาจจะแค่มีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีทางเทียบกับนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน จนได้รับการขนานนามว่า ‘อาจารย์ของข้า’
เว่ยเยวียนเหลือบมองลูกบุญธรรมทั้งสอง ใบหน้าและแววตาของพวกเขามีความฉงนและงุนงงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ได้เชื่อมโยงคุณชายสวี่และสวี่ชีอันเข้าด้วยกัน คำพูดที่ซ่งชิงพูดในวันนั้น ทั้งสองคนก็ลืมไปแล้วเช่นกัน
“พ่อบุญธรรม สำนักโหราจารย์มีคนแซ่สวี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หนานกงเชี่ยนโหรว รับผิดชอบด้านข่าวกรองและการลงทัณฑ์ สำหรับคนที่ปรากฏตัวอย่างขึ้นกะทันหันแบบนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง
หยางเยี่ยนซึ่งไม่ชอบพูดเอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปทางเว่ยเยวียนด้วยแววตาขอคำยืนยัน
แม้ว่าฆ้องทองคำทั้งสองจะลืมความคิดเห็นของซ่งชิงที่เกี่ยวกับสวี่ชีอันในวันนั้นไปแล้ว แต่คำพูดของเจียงลวี่จงเมื่อวันก่อน พวกเขายังจำได้
เว่ยเยวียนยิ้ม “ขึ้นไปดูก็จะรู้เอง”
องค์หญิงใหญ่ทรงยกชายกระโปรงขึ้น เดินขึ้นหอไปด้วยกิริยาท่าทางที่งดงาม นางมีรูปร่างสูงผอม สมส่วน เห็นเพียงด้านหลังก็เห็นได้ถึงความงดงามอย่างไร้ที่ติ
ไม่จำเป็นต้องมองหน้าตรงก็รู้ว่าเป็นที่สาวงามที่มีความสามารถและมีสง่าราศี
…
“แก่นแท้ของการเล่นแร่แปรธาตุคือการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน”
บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุที่ฉลาดนำคำพูดของสวี่ชีอันมาตอบคำถามของเขา
“ดึงส่วนสำคัญออกมาจากสรรพสิ่ง แล้วนำมาแปรเป็นของล้ำค่า” และยังมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ตอบตามประสบการณ์ของตัวเอง
นักเล่นแร่แปรธาตุที่ต่ำกว่าระดับหกไม่ได้ตอบ ต่างฟังอย่างตั้งใจ ส่วนนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกต่างพากันแสดงความคิดเห็นของตัวเองไม่หยุด
ส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นด้านเดียว โดยตอบตามประสบการณ์ของตนเอง…ส่วนคนที่เลียนแบบคำพูดของข้านั้น ก็รู้แต่เพียงด้านเดียวเท่านั้น…ความรู้เชิงทฤษฎีของสำนักโหราจารย์นั้นยังไม่เพียงพอ
สวี่ชีอันฟังอย่างอดทนโดยไม่ได้เห็นด้วยและไม่ได้คัดค้าน
หลังจากที่บรรดาเจ้าพนักงานแสดงความคิดเห็นเสร็จแล้ว ต่างก็มองไปที่ซ่งชิงอย่างพร้อมเพรียง
ซ่งชิงเป็นศิษย์ที่ท่านโหราจารย์ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ด้วยตัวเอง และเป็นเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในสำนักโหราจารย์ เขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุโดยไม่ยอมเลื่อนขั้น หลงใหลในการเล่นแร่แปรธาตุแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่สนใจระดับที่สูงขึ้นแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่ระดับสี่และระดับห้าคนอื่นๆ นั้นด้อยกว่าเขาในด้านการเล่นแร่แปรธาตุทุกคน
ซ่งชิงส่ายหัวและถอนหายใจยาว
‘…ศิษย์พี่ซ่งหมายความว่าอย่างไร’ ขณะที่บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุต่างกำลังรู้สึกข้องใจอยู่นั้น ก็ได้ยินสวี่ชีอันปรบมือ
ทุกคนต่างหันความสนใจไปที่อัจฉริยบุคคลในการเล่นแร่แปรธาตุท่านนี้ทันที
สวี่ชีอันสบตาทุกคน แล้วถอนหายใจและพูดว่า “ในสำนักโหราจารย์นี้ ในด้านการเล่นแร่แปรธาตุมีเพียงศิษย์พี่ซ่งเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกเลื่อมใส และถือว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่สามารถเทียบกับข้าได้”
บรรดาเจ้าพนักงานสำนักโหราจารย์ต่างรู้สึกนับถือขึ้นมาในทันที
ซ่งชิงยิ้มเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ยืดตัวขึ้น
สวี่ชีอันพูดต่อว่า “ความหมายของศิษย์พี่ซ่งจริงๆ แล้วหมายความว่า สิ่งที่ทุกคนในที่นี้พูดล้วนถูกต้อง แต่ไม่ครอบคลุมดังนั้นจึงไม่นับว่าถูกต้อง”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าครุ่นคิด
สวี่ชีอันพูดอย่างฉะฉานว่า “การเล่นแร่แปรธาตุมีขอบเขตที่กว้างมาก ทุกคนในที่นี้อาจจะพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างเลือนรางและคลุมเครือ…เอ่อ เดิมที ข้ารับปากศิษย์พี่ซ่งชิงเรื่องการสอนความรู้ด้านหนึ่งให้กับพวกเจ้า ปรากฏว่าศิษย์พี่ซ่งชิงกลับต้องการให้ข้าใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะสอนเพิ่มอีกหน่อย ขยายความให้กว้างอีกหน่อย และลึกซึ้งอีกหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ แววตาของบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุก็ร้อนรุ่มขึ้นในทันที
“ขอบคุณศิษย์พี่ซ่ง ขอบคุณคุณชายสวี่”
“คุณชายสวี่เริ่มกันเลย ข้าอดทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว”
เสียงโห่ร้องดังก้องขึ้นมาในทันที และดังไปถึงพระกรรณขององค์หญิงใหญ่ที่กำลังพระดำเนินขึ้นชั้นเจ็ด พระองค์ชะงักพระบาท ไม่ได้เสด็จเข้าไปทันที แต่กลับทรงทอดพระเนตรคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะจากระยะไกลและซ่อนตัว ทรงมองดูชายหนุ่มที่ยืนชี้แนะบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดด้วยคำพูดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
‘สวี่ชีอัน เป็นเขาจริงๆ ด้วย!’
เว่ยเยวียนหยุดชะงักพร้อมกัน เมื่อเห็นสวี่ชีอันสีหน้าก็ชะงักนิดหนึ่ง แล้วก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
ในขณะที่เว่ยเยวียนชะงักเท้า หนานกงเชี่ยนโหรวที่มีบุคลิกอ่อนโยนและหยางเยี่ยนที่ปากเบี้ยวก็มองข้ามไหล่ขององค์หญิงใหญ่และเว่ยเยวียนเห็นสวี่ชีอันแบบไม่ชัดเจน
‘ที่แท้สิ่งที่เจียงลวี่จงพูดนั้นล้วนเป็นความจริง…’ หยางเยี่ยนจ้องมองสวี่ชีอันอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าเบาๆ
‘ฆ้องทองแดงคนนี้ต้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น ไม่ว่าใครก็อย่าคิดมาแย่งชิง’
เดิมทีหนานกงเชี่ยนโหรวต้องการเข้าไปนั่งฟัง ดูซิว่าเจ้าหมอนี่จะสอนอะไรได้ แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าองค์หญิงใหญ่และพ่อบุญธรรมไม่ต้องการจะรบกวนจึงต้องอดทนไว้ ยืนอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
สวี่ชีอันพูดว่า “แก่นแท้ของการเล่นแร่แปรธาตุคือการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน นี่คือบรรทัดฐานที่สำคัญแต่ไม่ชัดเจน มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุอย่างซ่งชิงเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ วันนี้ค่อยๆ เริ่มจากง่ายไปหายาก ทุกท่านฟังข้าอธิบายอย่างช้าๆ”
“เมื่อพูดถึงการเล่นแร่แปรธาตุ คนภายนอกมักจะนึกถึงยาอายุวัฒนะและยารักษาโรค คนที่พอมีความรู้อยู่บ้าง สิ่งที่ปรากฏในสมองจะต้องเป็นแบบนี้อย่างแน่นอน…” สวี่ชีอันพูดถึงตรงนี้ก็ชี้ไปที่เครื่องประดับเรียบง่ายที่ผมของฉู่ไฉ่เวย “โลหะ!”
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุพยักหน้าเบาๆ
“สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกพวกเจ้าก็คือ นี่เป็นเพียงสองด้านของการเล่นแร่แปรธาตุ ข้าแยกพวกมันเป็นด้านการแพทย์และด้านวัสดุ นักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ศึกษาเฉพาะในสองด้านนี้ มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่ข้ามไปศึกษาด้านอื่น แต่มีเพียงศิษย์พี่ซ่งที่สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ด้านเดียวเท่านั้น”
นักเล่นแร่แปรธาตุมองไปที่ซ่งชิงทันที ซ่งชิงตกตะลึง ราวกับได้พบคนรู้ใจ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
เขารู้ว่าสวี่ชีอันกำลังจะเน้นสอนด้านการตัดต่ออวัยวะของเขาแล้ว
บางทีการสอนครั้งนี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่เขาจะก้าวเข้าสู่วงการการเล่นแร่แปรธาตุที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งชิงก็เริ่มหายใจเร็ว
ด้านนอกองค์หญิงใหญ่และเว่ยเยวียนอดมองไปที่ซ่งชิงไม่ได้ ศิษย์คนเก่งของท่านโหราจารย์คนนี้ ทั้งสองคนต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี
รู้ว่าเขามักจะทำการเล่นแร่แปรธาตุที่น่ากลัวอยู่เสมอจนกระทั่งเคยถูกท่านโหราจารย์กักตัวด้วยเหตุนี้อีกด้วย
ความรู้เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุของสวี่ชีอันนั้นล้ำลึกถึงระดับนี้แล้วเหรอ สามารถชี้แนะซ่งชิงได้เหรอ
“ทิศทางการศึกษาของศิษย์พี่ซ่งชิงคือด้านสิ่งมีชีวิต” สวี่ชีอันกล่าวว่า “ถูกต้อง การเล่นแร่แปรธาตุไม่ได้เจาะจงศึกษาแต่สิ่งที่ตายแล้วเท่านั้น สิ่งมีชีวิตก็อยู่ในขอบเขตของการเล่นแร่แปรธาตุด้วยเช่นกัน”
นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งยืนขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “คุณชายสวี่ ท่านโหราจารย์เคยกล่าวไว้ว่า ชีวิตไม่อยู่ในขอบเขตของการเล่นแร่แปรธาตุ”
แม้ว่าจะเลื่อมใสในความรู้ด้านการเล่นแร่แปรธาตุของสวี่ชีอัน แต่คำพูดเหล่านี้ละเมิดคำเตือนของท่านโหราจารย์ และตรงข้ามกับความคิดของเขา
นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าสงสัยและไม่เชื่อถือเช่นกัน
องค์หญิงใหญ่หันพระพักตร์ ทอดพระเนตรมองเว่ยเยวียนด้วยสายพระเนตรสอบถาม ฝ่ายหลังยิ้มๆ และพูดเบาๆ ว่า “กระหม่อมเห็นด้วยกับท่านโหราจารย์พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ทรงพยักพระพักตร์และทอดพระเนตรไปที่สวี่ชีอันอีกครั้งและทรงรอดูว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร
“นั่นเป็นเพราะวิธีการของศิษย์พี่ซ่งชิงนั้นผิด ดังนั้นท่านโหราจารย์จึงได้วิพากษ์วิจารณ์เขา แต่ทิศทางของเขาไม่ผิด” สวี่ชีอันกล่าว
แน่นอนว่าเขาจะไม่โต้เถียงกับท่านโหราจารย์ และแม้ว่าเขาจะเถียงชนะ แต่ถ้าผู้เฒ่าโหราจารย์เกิดไม่พอใจ ดีไม่ดี เกิดซัดเขาตายด้วยจะไปคร่ำครวญกับใครได้
เมื่อซ่งชิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งและอดทนฟังสิ่งที่เขาพูดต่อไป
“ทุกท่านลองนึกดู พวกเราสามารถสกัดโลหะออกจากแร่ สกัดโลหะที่แข็งยิ่งกว่าออกจากโลหะ กลั่นยาจากสมุนไพรได้ แต่พวกเราไม่สามารถสกัดยาจากโลหะได้ และไม่สามารถสกัดโลหะจากสมุนไพรได้ สวี่ชีอันหยุดถาม “เป็นเพราะเหตุใด”
“สมุนไพรก็คือสมุนไพร แร่ก็คือแร่ คำถามข้อนี้ของคุณชายสวี่แปลกยิ่งนัก”
“ฮ่าฮ่า ถ้าสามารถสกัดโลหะจากสมุนไพรได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็คงสามารถสกัดทองคำและเงินจากข้าวได้เช่นกันใช่ หรือไม่”
ในสายตาของนักเล่นแร่แปรธาตุ คำถามของสวี่ชีอันดูเหมือนกำลังถามว่า ทำไมพระอาทิตย์จึงขึ้นทางทิศตะวันออก ทำไมคนไม่กินข้าวจะต้องอดตาย ทำไมในหนึ่งวันมีจึงมีสิบสองชั่วยาม
บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุกระซิบกระซาบกัน แต่ดูเหมือนซ่งชิงจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เหล่าศิษย์น้องเสียงดังจนสมองของเขาสับสน จนไม่สามารถครุ่นคิดอย่างสงบได้
‘ปัง!’
ซ่งชิงตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น “หุบปากให้หมด!”
หลังจากคำรามแล้ว เขาก็หน้าแดงและหายใจเร็ว จ้องมองไปที่สวี่ชีอัน “เจ้าพูดต่อ รีบพูด!!”
บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุหยุดพูด พวกเขาไม่ค่อยเห็นศิษย์พี่ซ่งเป็นแบบนี้ ในขณะเดียวกันก็ตระหนักว่าสิ่งที่สวี่ชีอันกำลังพูด เป็นความรู้ในการเล่นแร่แปรธาตุที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง
สายตาของสวี่ชีอันมองข้ามบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุ ก็เห็นเว่ยเยวียนจากระยะไกลและรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที
…โวะ ถูกหัวหน้ามามุงดูขณะกำลังอวดเก่ง…สวี่ชีอันเกิดความคิดต่อต้านตามสัญชาตญาณ นี่เป็นการขาดความมั่นใจอย่างหนึ่ง
การเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโหราจารย์ เปรียบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ผู้รอบคอบกลุ่มหนึ่ง พวกเขาสนใจแค่เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ได้สนใจความเป็นมาของการเล่นแร่แปรธาตุ
แม้ว่าจะรู้สึกสงสัยก็จะมองข้ามไปโดยอัตโนมัติ ขอเพียงสามารถเรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุที่ลึกซึ้ง พวกเขาก็จะไม่สนใจสิ่งอื่น
เว่ยเยวียนนั้นไม่เหมือนกัน เว่ยเยวียนเป็นนักการเมือง นักการทหาร และนักยุทธศาสตร์ รายล้อมไปด้วยคนฉลาดมากมาย
คนฉลาดมักคิดมาก
กลยุทธ์ของสวี่ชีอันที่ปฏิบัติต่อนักเล่นแร่แปรธาตุก็คือการอวดเก่งต่อหน้าผู้คนและแสร้งคุยโวโอ้อวดยิ่งดี และกลยุทธ์ที่ปฏิบัติต่อเว่ยเยวียนก็คือ แสดงความซื่อสัตย์ แสร้งเป็นคนไม่มีพิษมีภัยในขอบเขตที่เหมาะสม
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่การอวดเก่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นการตรงไปตรงมา
ในเวลานี้ เว่ยเยวียนพยักหน้ากับสวี่ชีอันเล็กน้อย
เฮ้อ…หากคิดอีกมุมหนึ่ง การแสดงคุณค่าของตนเองต่อหน้าหัวหน้า ก็เป็นวิธีดึงดูดความสนใจและเพิ่มเงินที่ได้ผล
สวี่ชีอันหายใจเข้าลึกๆ ขจัดความคิดที่ไม่ซื่อ แล้วกลับไปให้ความสำคัญกับห้องเรียน
………………………………………