ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนล่มสลาย - ตอนที่ 12
“ปิด”
เย่เฉินจ้องมองไปยังแท่นหินสีทองซึ่งเป็นแกนหลักของหมู่บ้าน และกล่าวกับตัวเอง
“ ไม่คิดว่า คำสั่งการสร้างหมู่บ้านระดับพระเจ้านั้นฝืนสวรรค์ขนาดนี้ … ”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เฉินก็เดินออกจากแท่นหิน แท่นหินสีทองขนาดใหญ่ค่อยๆจมลงสู่พื้นและจากนั้นก็หายไป
“ นายท่าน!” ทันใดนั้นน้ำเสียงดีใจของเตียวเหิงก็ดังมาจากข้างนอก
เย่เฉินผงะไปชั่วครู่แล้วหันไปมองเตียวเหิงที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ท่านลอร์ด! มีชาวบ้านมาใหม่หกสิบคน ได้ขออพยพมาอาศัยในหมู่บ้านหลุนฮุย!” เตียวเหิงโค้งคำนับและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
หกสิบ……
เย่เฉินงุนงงไปชั่วขณะแล้วยิ้ม
คุณลักษณะของหมู่บ้านหลุนฮุยสามารถดึงดูดผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
แต่ละหมู่บ้านจะสามารถดึงดูดผู้อพยพในจำนวนที่แตกต่างกันตามระดับของคำสั่งสร้างหมู่บ้าน ส่วนใหญ่จะมีอย่างน้อยสามคนหรือสูงสุดยี่สิบคน
แต่สำหรับหมู่บ้านหลุนฮุย ตอนนี้มีผู้อพยพมา 20 คนซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุด บวกกับการเพิ่มขึ้นสามเท่ากลายเป็น 60 คน
การสร้างอาณาจักรทรัพยากรไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือประชากร
ยิ่งมีประชากรมากเท่าไหร่คุณสามารถดำเนินสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้นเท่านั้น
“ มีคนที่มีทักษะพิเศษอยู่ไหม” เย่เฉินมองไปยังผู้อพยพที่อยู่ไกลออกไป พวกเขากำลังตกใจกับราชาพยัคฆ์และอสรพิษดำ
จากนั้นหันไปถามเตียวเหิง
“ครับท่านลอร์ด หนึ่งในนั้นมีผู้อาวุโสที่สามารถบ่มเหล้า ช่างตีเหล็กอาวุโส ช่างต่อเรือระดับกลาง
และผู้ฝึกสัตว์ระดับกลาง “เตียวเหิงกล่าวด้วยท่าทีตื่นเต้น
เพื่อพัฒนาดินแดนนอกจากต้องมีประชากรแล้วยังต้องการคนที่มีทักษะที่หลากหลาย
ยกตัวอย่างเช่นถ้าไม่มีช่างตีเหล็กก็ไม่มีทางที่จะผลิตอาวุธหรือชุดเกราะได้ หากคุณต้องการสิ่งเหล่านั้น คุณก็ทำได้เพียงแค่ซื้อได้เท่านั้น
ในยามที่ไม่มีสงครามคุณอาจจะยังสามารถซื้อได้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะซื้ออาวุธและชุดเกราะระดับสูงได้ นับประสาอะไรกับในช่วงสงคราม คุณไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย แม้กระทั่งขยะเพราะทุกอย่างจะกลายเป็นที่ต้องการของกองกำลังต่างๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ต้องการคนที่มีทักษะต่างๆเพื่อพัฒนาดินแดนเพื่อสร้างรากฐานให้แข็งแรง
หากวางรากฐานไม่ดี มันจะส่งผลต่อดินแดนในระยะยาว ซึ่งเย่เฉินไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเหล่านี้
“ไปเจอพวกเขากัน” หลังจากได้ยิน ดวงตาของเย่เฉินก็สว่างขึ้นจากนั้นเขาก็เดินไปหาผู้ลี้ภัย
ผู้อพยพหลายคนสวมเสื้อผ้าเก่าๆที่มีรอยปะ และบางคนก็ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยซ้ำ
มีเพียงสองคนใส่เสื้อผ้าค่อนข้างดูดี หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนที่มีผิวคล้ำร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
“นี่คือหัวหน้าหมู่บ้านหลุนฮุยของเราและเป็นลอร์ดของพวกเจ้า … ” เตียวเหิง รีบตะโกนใส่ผู้ลี้ภัยเมื่อ เย่เฉินหยุดเดิน
“ คารวะท่านลอร์ด!” เมื่อผู้ลี้ภัยได้ยินดังนั้น ความพวกเขาก็ตกใจและรีบโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพทันที
เย่เฉินยิ้มและพยักหน้าจากนั้นกล่าวว่า: “อย่าเกรงกลัวไป ข้าไม่ใช่เสือกินคน”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ผู้ลี้ภัยก็ต่างรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
เดิมทีพวกเขากังวลว่าเย่เฉินจะไม่ต้อนรับพวกเขาและขับไล่พวกเขาออกไป
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านลอร์ดหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้น จะพูดคุยด้วยไม่ยาก และไม่มีท่าทีที่จะขับไล่พวกเขาไป
มิฉะนั้นเขาคงจะไม่คุยกับพวกเขาอย่างเรียบง่ายเช่นนี้
เมื่อมองไปที่ผู้ลี้ภัยที่ใบหน้าเริ่มแสดงความตื่นเต้น เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:
“ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าจะกลายเป็นสมาชิกของหมู่บ้านหลุนฮุยอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเคยทำอะไรมาก่อน เมื่อเจ้ามาอยู่ที่นี้แล้วเจ้าก็เป็นคนของหมู่บ้านหลุนฮุย เจ้าจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่! และข้าสัญญาว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ! “
“ ขอบคุณท่านลอร์ด ขอบคุณท่านลอร์ด!” ผู้ลี้ภัยรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยิน จากนั้นก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นทีละคน
เย่เฉินพยักหน้าจากนั้นหันไปยังเตียวเหิง
เมื่อเห็นดังนั้นเตียวเหิงรีบเดินไปข้างหน้าและเรียกคนทำเหล้า ช่างตีเหล็กช่างต่อเรือและนักฝึกสัตว์มา
เย่เฉินพูดกับพวกเขาทีละคน ทั้งสี่คนรีบตอบเย่เฉินอย่างตื่นเต้น
เนื่องจากเย่เฉินเป็นนายท่านของพวกเขาและพวกเขาเป็นเพียงชาวบ้าน เย่เฉินพูดกับพวกเขาตามลำพังแสดงให้เห็นว่านายท่านให้ความสำคัญกับพวกเขา แล้วจะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร
นักวิชาการ, เกษตรกร, กิจการค้าและอุตสาหกรรมอยู่ในระดับสามในกลุ่มคนงาน ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงสูงเป็นธรรมดา
แน่นอนว่าเย่เฉินคิดว่าช่างนั้นมีค่า แม้แต่คนอื่น ๆ ก็ยังต้องให้ความสนใจ
เพียงแค่ว่าระดับสูงหรือต่ำนั้นมีความสำคัญ และมีไม่กี่คนที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด
“ เตียวเหิง ไปมอบหมายงานเถอะ คนที่ตัดต้นไม้ได้ก็ให้ไปตัดต้นไม้ คนที่ทำฟาร์มก็ให้ไปทำฟาร์มแต่ก่อนอื่นให้สร้างตลาดก่อน ข้าต้องใช้มันแล้วสร้างห้องโถงพยาบาลและร้านตีเหล็กด้วย “เย่เฉินหันไปที่เตียวเหิงและออกคำสั่ง
ในหมู่บ้านระดับสามมีอาคารสามหลังที่ไม่จำเป็นต้องมีแบบแปลน เย่เฉินจึงไม่ลังเลที่จะเลือกตลาดเช่นเดียวกับห้องโถงพยาบาลและร้านตีเหล็ก
ตลาดเป็นสถานที่สำหรับการค้าขาย แน่นอนว่าตลาดที่นี่ไม่ได้เหมือนกับสมัยโบราณจริงๆ
หากคุณต้องการซื้อ ก็ซื้อได้ทันที เพียงต้องใช้ความพยายามแค่ครู่เดียว
“ ขอรับนายท่าน” เตียวเหิงโค้งคำนับจากนั้นก็พาผู้ลี้ภัยไปด้านข้างเพื่อเริ่มมอบหมายงาน
“ท่านลอร์ดราชาพยัคฆ์และอสรพิษดำนั้นข้าไม่สามารถผ่ามันได้” เตียวเมิ่งเดินมาที่ด้านข้างของเย่เฉินด้วยสีหน้าหดหู่และกล่าว
หลังจากที่เตียวเมิ่งสร้างกระท่อมสองหลังเสร็จ เขาก็รีบไปจัดการซากศพสัตว์ร้ายทั้งสองตัว แต่ผลคือมีดของเขาไม่สามารถทำลายผิวหนังได้เลย
เมื่อเย่เฉินได้ยินเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม และหันหน้ามองไปยังเตียวหยูอยู่ข้างๆศพสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ทั้งสอง
เมื่อเห็นสายตาที่คาดหวังของเตียวหยู เย่เฉินจึงพูดอย่างไม่ลังเล: “ไปดูกัน!”
หลังจากพูดจบเขาก็ตรงไปที่ด้านข้างของเตียวหยู
“ รออยู่หรอ?” เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าค่ะ” ใบหน้าของเตียวหยูแดงระเรื่ออย่างไม่มีเหตุผลจากนั้นก็ตอบด้วยเสียงกระซิบ
“งั้นข้าจะลองดู!” เย่เฉินพูดจบแล้วด้วยการเคลื่อนไหวด้วยมือขวาของเขาหอกสังหารก็ปรากฏขึ้นทันที
จากนั้นก็แทงไปยังราชาพยัคฆ์
“ฉึก”
หอกสังหารแทงทะลุท้องของราชาพยัคฆ์ได้อย่างง่ายดาย
“หืม?” เสียงแห่งความตกใจของเตียวเมิ่งดังขึ้นและตรงไปยังท้องของราชาพยัคฆ์ในทันที จากนั้นก็แนบหูขวากับท้องของราชาพยัคฆ์
“ เตียวเมิ่ง เกิดอะไรขึ้น?” เย่เฉินถามด้วยความสับสน
“ ขอแสดงความยินดีกับท่านลอร์ด ถ้าผู้ต่ำต้อยคาดเดาถูกต้อง ควรจะมีลูกของราชาพยัคฆ์อยู่ในท้อง ” เตียวเมิ่งมองไปที่เย่เฉินด้วยความประหลาดใจและกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ
“อะไรนะ?” เย่เฉินตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ในวินาทีต่อมามีใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง
นี้มันลูกของราชาพยัคฆ์ บ้าเอ้ย!!! ฉันแทงมันตายไปรึยัง!