ผู้ใหญ่จิกับนางพิมพ์ - ตอนที่ 105
ตอนที่105 คลื่นไส้
พิมพ์ลดาสะบัดมือทินพลออก ก็ไม่ได้หันหน้าไปมอง เขา เพียงใช้สองมือปิดหูหนูนาไว้ พูดกับเขาอย่างเย็นชา ว่า “ ทินพล ถ้านายสำนึกผิดแล้วจริงๆ ยังจะเกิดเรื่องในตอน นี้ได้อยู่หรือ? ปีที่แล้วตอนที่อยู่เมืองบี นายรับปากฉันว่า อย่างไร? ตอนนี้นายก็พูดว่านายผิดไปแล้ว นายก็พูดว่านาย จะไม่ทำผิดอีกแล้ว แต่ตอนนี้ล่ะ? ” พิมพ์ลดาถอนหายใจ เฮือกหนึ่ง “ ช่วงเวลานี้ นายคิดทบทวนกับตัวเองให้ดีเถอะ สะปันมีพวกเราดูแล ไม่ต้องการความห่วงใยของนาย ” เธอ พูดจบ มือหนึ่งจูงมือหนูนา อีกมือหนึ่งถือสัมภาระ ออกจาก บ้านตระกูลศรีภัคดี
จากนั้นประตูบ้านถูกปิดดังปัง ทินพลสองมือกุมหัว ลื่น ลงมาคุกเข่าที่มุมกำแพงตามแนวกำแพงด้านหลัง
ในรถแท็กซี่ พิมพ์ลดาครุ่นคิด ตัดสินใจพาหนูนาตรงไป ส่งให้พ่อแม่ของเธอก่อนดีกว่า
ตอนที่อรัญญาเปิดประตูบ้าน เห็นพิมพ์ลดาที่กำลังอุ้ม หนูนาขณะที่มือหนึ่งยังถือถุงเสื้อผ้าถุงใหญ่ ก็ตะลึงงัน อย่างควบคุมไม่ได้ ” ยัยหนู ลูก? ”
ยื่นหนูนาส่งให้คุณแม่อุ้ม พิมพ์ลดาถือเสื้อผ้าของสะปัน กับหนูนาเข้าไปไว้ในห้องก่อน
ตลอดเวลาที่กลับมาบ้านตัวเอง พิมพ์ลดาก็ไม่ได้เล่า เรื่องของสะปันกับทินพลให้พ่อแม่ตัวเองฟัง
เธอรีบไปอยู่เป็นเพื่อนสะปันที่โรงพยาบาล เธอเป็นห่วง ว่าสะปันจะทำอะไรโง่ๆ แต่พอพิมพ์ลดาเดินไปทางปาก ประตู เสียงของหนูนาก็แว่วมา ” แม่เล็ก หม่ามี้ของหนูล่ะ คะ? ”
ใช่แล้ว ทำไมพอเธอรีบก็ลืมไปว่าตัวเองรับปากกับหนูนา ว่า จะพาเธอไปหาหม่ามี้ของเธอล่ะ!
หันกลับไป พิมพ์ลดาเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกอีก ครั้ง เธอคุกเข่าลงตรงหน้าหนูนาที่นั่งบนโซฟา ยิ้มแล้วพูด ว่า “ หนูนา เป็นเด็กดีนะคะ หนูเล่นกับคุณยายแล้วก็คุณตา ไปก่อนสักพัก ตอนนี้แม่เล็กก็จะไปรับหม่ามี้ของหนูมา ดีมั้ย คะ? ”
หนูนาเบะปากเล็กๆ เหมือนอยากร้องไห้ด้วยความ น้อยใจ แต่กลับยังตอบอย่างว่าง่ายว่า “ ค่ะ! ”
เธอตอบตกลงไปที ฟังแล้วพิมพ์ลดาก็แสบจมูกเป็นระ ยะๆ ในลำคอปวดจนทนไม่ไหว
โชคดีที่ญานัทเข้ามาพอดี อุ้มหนูนาออกไป “มาเถอะ หนูนา คุณตาพาหนูไปดูนกแก้วดีมั้ยคะ? ”
เมื่อไม่นานมานี้ ญานัทเพิ่งจะซื้อนกแก้วมาตัวหนึ่ง ก็ แขวนอยู่บนระเบียง
ได้ยินว่านกแก้วสามารถล้อเลียนคำพูดของตัวเองได้ หนูนาเดินออกไปกับคุณตาอย่างว่าง่าย
มองดูคนแก่ท่านนี้อุ้มเด็กเล็กคนหนึ่งออกไปที่ระเบียง อรัญญารีบลากพิมพ์ลดาเข้ามา “ยัยหนู บอกแม่มา สะปัน คนนี้กับทนผลเป็นอะไรไปกันแน่? ทําไมหนูถึงพาหนูนา และนำเสื้อผ้าของพวกเธอสองแม่ลูกกลับมาด้วยล่ะ? ”
พิมพ์ลดา ดวงตา นำน้ำตาที่แทบจะร่วงลงมาเมื่อครู่ นี้ของตัวเองเช็ดทิ้งไป จึงตอบว่า “ สะปันกับทินพลมีปาก เสียงกัน ช่วงสายสะปันยังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นิด หน่อย ไม่กี่วันนี้จึงต้องการมาอยู่ที่บ้านของพวกเราก่อน ”
พิมพ์ลดาไม่ได้บอกอรัญญาเรื่องที่ทินพลทำตัวออก นอกลู่นอกทาง เธอกังวลว่าคนแก่สองคนอย่างพวกเขาถึง เวลาหากปิดปากเงียบไม่ได้ก็จะบอกพ่อแม่ของสะปีนเอาได้ อย่างนั้นแล้วสะปันก็จะเครียดจนน่าเป็นห่วงยิ่งขึ้น
” อะไรนะ? อุบัติเหตุทางรถยนต์? ” พอได้ยินพิมพ์ลดาพูด ว่าสะปันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครู่ต่อมาอรัญญาก็ใจเย็น ลงแล้ว “ งั้น งั้นลูกรอเดี๋ยวนะ แม่จะไปเยี่ยมสะปันที่โรง พยาบาลกับลูกด้วย ” ว่าแล้วอรัญญาก็ตัดสินใจไปเปลี่ยน เสื้อผ้า แต่เดินไปถึงปากประตูห้องแล้ว ก็พูดขึ้นอีกว่า “ ไม่ ไม่! แม่ควรไปทำอาหารเพื่อเอาไปให้สะปันก่อน ”
“ แม่คะ แม่! ” เห็นว่าอรัญญากำลังจะเข้าครัวไป พิมพ์ ลดารีบดึงเธอไว้ “ แม่คะ ไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ ถ้าแม่ไปโรง พยาบาลกับหนูแล้ว หนูนาจะทำอย่างไร? ลำพังพ่อคนเดียว คงเลี้ยงเธอไม่ไหว ” แต่พิมพ์ลดาคิดว่าตอนนี้สิ่งที่สะปัน ขาดแคลนที่สุดไม่ใช่ของกิน แต่เป็นการอยู่เป็นเพื่อนและ
การรับฟังของเพื่อนสนิท
ดังนั้น ภายใต้การพูดเกลี้ยกล่อมของพิมพ์ลดา อรัญญา ล้มเลิกความคิดสองอย่างนี้ของตัวเอง
ยืนข้างถนน พิมพ์ลดายื่นมือเรียกหยุดแท็กซี่คันหนึ่งก็ ขึ้นรถไป พอออกรถ พิมพ์ลดาพลันรู้สึกคลื่นไส้เป็นระยะๆ
แย่แล้ว พอยุ่งพอเร่งรีบ แม้แต่ข้าวกลางวันเธอกลับลืม ทานแล้ว ยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมือ สี่โมงเย็นแล้ว คิดแล้ว พิมพ์ลดาก็ล้มเลิกแผนการที่จะทานข้าวกลางวันแล้ว
ถึงโรงพยาบาลแล้ว เธอไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่แถวนั้น เพื่อซื้อของกินส่วนหนึ่งจากนั้นจึงมาถึงห้องผู้ป่วย เธอรู้ว่า สะปันชอบทานของหวานของศิลปินที่อยู่ในวงการมานาน แล้ว ยังโทร .สั่งจองล่วงหน้าเรียบร้อยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ตอนที่เธอมาถึงห้องพักผู้ป่วย ของหวานก็มาส่งพอดี
แม้กระทั่งตอนที่อารมณ์ไม่ดี ทานของหวานก็ช่วยปรับ อารมณ์ส่วนนั้นได้ ภายใต้การพูดเกลี้ยกล่อมของพิมพ์ลดา ในที่สุดสะปันก็หยิบเค้กชิ้นหนึ่งไปทานเห็นว่าในที่สุดสะ ป้นก็ยอมทานอะไรบ้างแล้ว พิมพ์ลดาก็ดีใจ เธอหยิบครีม พัฟชิ้นหนึ่งใส่ปาก รู้สึกถึงเนื้อครีมก็พลันท่วมท้นไปด้วย ความรู้สึกพอใจที่มีอยู่เต็มปาก แต่ครู่ต่อมา ในกระเพาะของ เธอกลับเกิดกรดไหลย้อนเป็นระยะๆอีกครั้ง
มือป้องปาก พิมพ์ลดารีบลุกขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำในห้องพัก
ผู้ป่วย
โน้มตัวลงตรงหน้าอ่างล้างหน้า พิมพ์ลดาผะอืดผะอมอยู่นาน รู้สึกว่าเหมือนจะต้องอาเจียนทุกอย่างในกระเพาะ อาหารออกมา แต่โก่งคออ้วกอยู่นาน เธอกลับไม่ได้อ้วก อะไรออกมา
เงยหน้าขึ้น เธอเปิดก๊อกน้ำชะล้างบริเวณอ่างล้างหน้า ให้สะอาด ก็ล้างหน้ารอบหนึ่งจึงออกไป
เห็นว่าพิมพ์ลดาเพราะไม่สบายคิ้วจึงขมวดเล็กน้อย สะ ปั้นรีบดึงมือเธอมา ถามเธอว่า “ พิมพ์ลดา เธอไม่เป็นไรใช่ มั้ย? ”
ฝืนทนความรู้สึกไม่สบายในกระเพาะเอาไว้ พิมพ์ลดาสั่น ศีรษะให้เธอ “ ไม่เป็นไรแล้ว อาจเป็นเพราะเมื่อครู่นี้ทานเร็ว ไปหน่อย ”
สะปันอยากให้พิมพ์ลดากลับไปพักผ่อนเร็วหน่อย แต่ พิมพ์ลดายังอยากอยู่เป็นเพื่อนเธอต่ออีกหน่อย เห็นว่าเธอ หลับไปแล้ว จึงจะกลับบ้านไป เธอยังไม่ได้พูดคำนี้ออกไป กลับเห็นตาสองข้างของสะปันมองค้างอยู่ที่ปากประตู
เดิมทีพิมพ์ลดานึกว่าบางทีทินพลอาจเข้ามาแล้ว พอเธอ หันหน้าไปมอง สิ่งที่เห็นกลับเป็นจิรฐา เขาก็เดินทอดน่อง เข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแบบนี้ มาถึงข้างกายเธอ
พิมพ์ลดาดึงสายตากลับมาไม่มองเขา ได้ยินเพียงน้ำ เสียงอบอุ่นของเขาแว่วมาจากเหนือศีรษะ ถามสะปันว่า “สะ
ปัน การบาดเจ็บของคุณโอเคมั้ย? ”
” เออ โอ… โอเค ไม่เป็นไร ” สะปันตอบกลับไปอย่างวกไป วนมา ไม่เข้าใจว่าจิรฐามาได้อย่างไร
รู้สึกถึงสายตาสับสนจากด้านหน้า พิมพ์ลดาเงยหน้ามอง ไปทางสะปัน ใช้สายตาบอกเธอ “ ฉันจะอธิบายกับเธออีก รอบช้าหน่อย ”
จิรฐาอยากรู้ว่า สะปันพักอยู่แผนกไหน ห้องพักผู้ป่วย ห้องไหน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร วันนี้เขาก็ได้ยินพิมพ์ลดา พูดว่าสะปันรู้เรื่องที่ทินพลทำตัวออกนอกลู่นอกทางแล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจว่าสะปันต้องการคนอยู่เป็นเพื่อน แต่ว่า เขา รู้สึกว่าความเข้าใจผิดระหว่างเขากับพิมพ์ลดาก็ไม่มีทางยืด เยื้อต่อไปได้อีก ดังนั้น ตอนที่เขาจัดเตรียมเรื่องของจันวิภา เสร็จแล้ว พริบตาเดียวก็หาที่นี่พบแล้ว
มองจิรฐา สะปันพยายามดึงรอยยิ้มที่มุมปากเส้นหนึ่ง ออกมา มองไปทางพิมพ์ลดา “ พิมพ์ลดา ในเมื่อนายก เทศมนตรีอยู่ที่นี่แล้ว เธอก็กลับไปกับเขาเถอะ ฉันไม่เป็นไร แล้วจริงๆ เธอไม่ต้องเป็นห่วง! “
วันนี้ทั้งวัน สะปันหลั่งน้ำตาแค่ตอนกลางวันตอนที่ได้ เจอพิมพ์ลดาเท่านั้น เวลาหลังจากนั้น แม้พิมพ์ลดาจะไปรับ หนูนา ตอนที่ทิ้งเธอไว้ในห้องพักผู้ป่วยคนเดียว เธอก็แค่นั่ง เงียบๆ
บางทีสะปันก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะจัดการเรื่องของ เธอกับทินพลอย่างไร แต่เธอก็ไม่มีความคิดจะปลิดชีวิตตัว เองทิ้งอย่างแน่นอน เธอรู้ว่าตั้งแต่หลังจากที่พิมพ์ลดาไปรับหนูนากลับมา ก็อยู่เป็นเพื่อนเธอในห้องพักผู้ป่วยห้องนี้มา ตลอด ก็ไม่ได้ไปไหน เพราะเป็นห่วงเธอ แต่ว่า ที่จริงแล้ว ตอนนี้เธอก็อยากอยู่คนเดียวจริงๆ คิดทบทวนสักพัก
“ พิมพ์ลดา กลับไปเถอะ ” เห็นว่าพิมพ์ลดายังลังเลอยู่ สะปันทำให้เธอวางใจ “ ฉันจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ ฉันไม่ได้เป็น ผู้หญิงโง่แบบนั้น ฉันก็อยากคิดทบทวนกับตัวเองให้ดี อยู่ เงียบๆสักพัก
ตอนที่ผู้หญิงสองคนยังไม่พูดข้อสรุปออกมา จิรฐาเปิด ปากพูดว่า “ สะปัน ผมหาคนมาดูแลคุณคนหนึ่งแล้ว ตอน กลางคืนคุณต้องการอะไร ก็เรียกเธอ อีกสักพักเธอจะขน ย้ายเตียงเสริมเคลื่อนที่หลังหนึ่งที่ยืมมาจากโรงพยาบาลมา ไว้ข้างๆเพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณ
ที่แท้ จิรฐาเตรียมทุกอย่างไว้แล้วถึงจะมา
พิมพ์ลดารู้สึกว่า ความคิดน้อยๆส่วนนั้นของเธอ เหมือน จะถูกเขารู้ทันแล้ว แม้แต่คนเฝ้าไข้เขาก็หาให้สะปัน เรียบร้อยแล้ว เธอก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่เป็นเพื่อนสะปันที่นี่ อีก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ก็ไม่ถือว่าเช้าแล้ว
“ นี่…กล้าดียังไง! ” เดิมทีพิมพ์ลดานึกว่าสะปันอาจจะไม่ อยากยอมรับอยู่บ้าง แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นเธอกลับพูด ขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ งั้นท่านนายกเทศมนตรีก็รีบพาพิมพ์ ลดากลับไปก่อนเถอะ ” พูดจบ เธอยังไม่ลืมเสริมประโยค หนึ่งว่า “ ใช่แล้ว วันนี้พิมพ์ลดาก็ไม่ค่อยมีเวลาทานข้าวสัก เท่าไร เมื่อครู่นี้กระเพาะมีปัญหาแล้ว ”
พระเจ้า! พิมพ์ลดาอยากร้องไห้ คุณสะปันคะ! เธอเอง ก็อยู่ในเหตุการณ์สำคัญนี้ด้วย ทำไมยังมีอารมณ์แก้ปัญหา ความสัมพันธ์ให้คู่สามีภรรยาอย่างพวกเราได้อยู่อีกล่ะ!
ที่จริงแล้วตอนที่พิมพ์ลดามาถึงโรงพยาบาลในตอนบ่าย สะปันก็รู้สึกประหลาดใจแล้ว เมื่อคืนพิมพ์ลดายังพูดกับเธอ ว่าวันนี้ต้องไปถ่ายรูปแต่งงานกับจิรฐา แต่ตอนที่มาในตอน บ่าย บนใบหน้าของเธอไม่มีการแต่งหน้าในแบบเจ้าสาว ตอนนั้นในใจของสะปันเองก็สับสนจนไม่สบายใจ จึงไม่ทัน ได้สนใจพิมพ์ลดา แต่เธอก็ดูออกว่า วันนี้พิมพ์ลดาอารมณ์ ไม่ดี
สุดท้ายพิมพ์ลดาก็ไม่ได้ขัดสะปัน แค่ต้องตามจิรฐากลับ บ้านไปอย่างว่าง่าย ออกจากประตูห้องพักผู้ป่วย พิมพ์ลดา หันหน้ามองเธอ ยังยกมือขึ้นโบกให้เธอ
ความเจ็บปวดในใจสะปัน พิมพ์ลดาเข้าใจดี แต่ในเมื่อตัว เธอเองก็อยากจะเก็บซ่อนไว้ พิมพ์ลดาก็ไม่บังคับเธอแล้ว บางทีให้เธอได้มีพื้นที่ส่วนตัวเสียหน่อย คิดทบทวนกับตัว เองให้ดี ก็เป็นเรื่องที่ดี
เดินอยู่ข้างกายจิรฐา พิมพ์ลดากัมหน้าเดินเข้าไปใน ลิฟต์ เธอคิดเรื่องต่างๆนานาอยู่ในใจ ใครจะรู้ว่าพอไม่ระวัง กลับชนเข้ากับหน้าอกของจิรฐา ทั้งที่เธอจำได้ว่าเขาอยู่ข้าง กายเธอ เปลี่ยนมาอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไร
หลังจากประตูลิฟต์ปิดลง จิรฐาถือโอกาสดึงพิมพ์ลดา
เข้าในอ้อมอก
” ยังโกรธอยู่หรือ? ” เขาถาม คางกดอยู่บนไหล่ของพิมพ์
ลดา
ผลออกจากอ้อมกอดของเขา พิมพ์ลดาเพียงพูดอย่าง เรียบเฉยว่า “พวกเรากลับบ้านไปแล้วค่อยคุยเถอะค่ะ ” เธอ ไม่อยากเคลียร์เรื่องความเข้าใจผิดเมื่อตอนกลางวันกับเขา ที่นี่
จิรฐาเห็นพิมพ์ลดาอารมณ์เสียเป็นครั้งแรก ปกติเขาล้วน รู้สึกว่าภรรยาของเขาเป็นกระต่ายเชื่องตัวหนึ่ง แต่วันนี้เขา จึงรู้ว่า ที่แท้เธอก็สามารถกลายเป็นเม่นที่ทิ่มแทงได้ทั้งตัว ตัวหนึ่ง
ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งแล้ว จิรฐาอยากเดินจับมือพิมพ์ลดา ออกไป แต่เธอกลับไม่ให้โอกาสเขา พอออกจากลิฟต์ ก็รีบ ซุกมือน้อยๆสองข้างไว้ในกระเป๋า
เห็นการกระทำนั้นของเธอ จิรฐาก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่ ครู่ต่อมา เขาก็คิดมาตรการใหม่อย่างหนึ่งขึ้นได้แล้ว
ตอนที่รู้สึกแน่นตึงบริเวณเอว ทั้งร่างของพิมพ์ลดาเหมือน จะนิ่งค้างไปแล้ว
เธอเก็บมือทั้งสองข้างไว้แล้ว ไม่ให้จิรฐาดึงไปจับได้ แต่เขากลับตามขึ้นมาในทันที คว้าเอวเธอไว้ ดึงเธอเข้าใน อ้อมอก หันไปทางประตูโรงพยาบาลก็เดินออกไป