พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 41 จอมพลเป่ยเหลียง
“ตึกๆๆ!”
ชั่วขณะนั้น ทหารรักษาการณ์ที่ถือปืนสี่นายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เล็งปากกระบอกปืนไปยังเซียวจ้าน
เหตุการณ์ฉากนี้ ทำเอาผู้คนตกใจกันไม่น้อย ล้วนถอยออกกันไปไกลๆ กลัวว่าจะติดร่างแหประสบเคราะห์ร้ายไปด้วย
หัวหน้าที่นำทีมมาคนหนึ่ง คือยศระดับสอง สวมชุดทหารสีเขียวเข้ม และใส่รองเท้าคอมแบตเดินมา จ้องเซียวจ้านด้วยสีหน้าเย็นชา รับบัตรเชิญสองใบจากในมืออู๋ควนเย่เข้ามาเปรียบเทียบดูอย่างละเอียดสักหน่อย
“กล้าปลอมแปลงบัตรเชิญของงานเลี้ยง คือโทษประหารชีวิต!” หัวหน้าจางคนนั้นตะโกนแบบโมโหออกมา
พอคนอื่นๆ ของตระกูลเจียงได้ยิน ต่างตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ ในใจยิ่งเกลียดเซียวจ้านแทบแย่
“แย่แล้วๆ โทษประหารชีวิตเลย โอ้มายก็อด!”
“ต้องโทษเซียวจ้าน! ทำไมเขาถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้! พวกเราคงไม่ต้องตายกันจริงๆ หรอกมั้ง?”
“ใครก็ได้เข้ามาที! ก็พวกเขาสามคนนี้ ยังมีคนตรงนี้ที่ถือบัตรเชิญแบบนี้ไว้ ควบคุมตัวเอาไว้ทั้งหมด!” หัวหน้าจางคนนั้นตะโกนสั่งแบบเข้มงวด
“ตึกๆๆ!”
ชั่วขณะนั้น ทหารรักษาการณ์ที่ถือปืนสิบกว่านายวิ่งมาจากที่ไกลๆ ไม่นานก็ควบคุมคนของตระกูลเจียงที่ถือบัตรเชิญแบบนี้อยู่ในมือเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
ทันใดนั้น เสียงอันคับแค้นใจดังลั่นไปทั่ว
“อ่า อย่ามาจับพวกเราสิ! พวกเราไม่อยากตายนะ!”
“นี่ไม่เกี่ยวกับพวกฉันเลย เป็นเขา เป็นเซียวจ้านคนนั้นปลอมแปลง! เป็นเขาเอามาให้พวกฉัน! พวกฉันไม่เข้าไปแล้วยังไม่พออีกเหรอ?”
“ใช่! พวกนายอย่าจับผิดคนเด็ดขาด! เซียวจ้าน ล้วนเป็นเพราะแก! แกไอ้คนวอนโดนฆ่า!”
เวลานี้ คนของตระกูลเจียงสิบกว่าคนจ้องเซียวจ้านด้วยสายตาเกลียดชังแล้วตะโกนด่าทอ ตอนนี้อยากฆ่าเขาจนใจแทบขาด
สวีเฟินก็โมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัวเช่นกัน แต่ว่าถูกทหารรักษาการณ์ที่ถือปืนควบคุมตัวเอาไว้ สีหน้าเธอดูหวาดกลัวมาก ชี้หน้าเซียวจ้านแล้วตำหนิเสียงดังว่า “ล้วนเป็นเพราะแก! ไอ้คนดวงซวยอย่างแกนี้! ทำไมแกไม่ไปตายซะ!”
เจียงเฉินก็กลัวสุดขีดเหมือนกัน พูดอ้อนวอนว่า “หัวหน้าครับ นี่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราจริงๆ! เป็นเขาที่ทำ! อยากจับก็ไปจับเขา! ไม่อย่างนั้นพวกเราก็ไม่เข้าไปแล้ว……ขอร้องพวกคุณนะ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
พูดอยู่ เจียงเฉินยังขาอ่อนทรุดตัวลงไปโดยตรง ร่ำไห้แบบน้ำตาน้ำมูกนองหน้าพลางร้องทุกข์
เหตุการณ์ที่เหมือนละครแบบนี้ ทำเอาคนมีชื่อเสียงชั้นนำของซูหางที่อยู่โดยรอบ ต่างหัวเราะเยาะกันขึ้นมา มองดูเรื่องน่าอับอายของคนตระกูลเจียงกันอยู่
บนหน้าท่านปู่เจียงไท่ชาง เต็มไปด้วยแววความอับอาย อยากหารูมุดเข้าไปซ่อนจนใจแทบขาด
ช่างขายขี้หน้าเหลือเกิน!
เป็นความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวง!
เขามีชีวิตอยู่มาเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว วันนี้เป็นครั้งหนึ่งที่ขายขี้หน้าที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขาโดยแท้จริง
แต่ทว่า เซียวจ้านกลับพูดกับหัวหน้าจางคนนั้นแบบไม่รีบร้อน และไม่แสดงตัวต่ำต้อยหรือโอหังด้วย “เป็นของปลอมหรือเปล่า ผมแนะนำว่าดีที่สุดคุณถามผู้บังคับบัญชาของคุณดูสักหน่อย!”
เซียวจ้านโกรธเคืองแล้ว
เขายอมมาเข้าร่วมงานเลี้ยงงานนี้ ล้วนเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของหานลี่หมิน
เขาเป็นถึงจอมพลเป่ยเหลียงผู้ยิ่งใหญ่
ต่อให้เป็นสี่ผู้อาวุโสแห่งหอมังกรเชิญเขา ก็ต้องมาเชิญด้วยตนเอง
หัวหน้าจางคนนั้นขมวดคิ้ว และกลัวเกิดเรื่องวุ่นวายที่ไม่จำเป็น จึงทำเสียงเชอะแบบเย็นชา “ดีมาก! ในเมื่อนายไม่ยอมรับ งั้นฉันจะทำให้นายตายแบบยินยอมจนได้เอง!”
พูดจบ หัวหน้าจางรีบต่อสายโทรศัพท์ดาวเทียมไปหาผู้บังคับบัญชาในสถานที่จัดงานเลี้ยงแล้ว
“อะไรนะครับ? ครับๆๆ! ผมทราบแล้วครับ!”
ไม่นาน สีหน้าของหัวหน้าจางก็เปลี่ยนไปถึงที่สุด จากนั้น เขาวางสายโทรศัพท์แบบนัยน์ตาตกใจกลัวเต็มที่ จ้องเซียวจ้านมาตลอด
อู๋ควนเย่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอ พูดว่า “หัวหน้าครับ ท่านจะปล่อยเจ้าหมอนี่ไปง่ายๆ ไม่ได้นะครับ! คาดไม่ถึงเขากล้าปลอมแปลง จะต้องลงโทษให้หนักเลยครับ! ดีที่สุดจับพวกเขาเอาไว้! ตัดสินประหารชีวิต!!!”
ป้าบ!
หัวหน้าจางคนนั้นหมุนตัวมาแล้วก็ตบไปทีหนึ่ง ตบบนหน้าของอู๋ควนเย่ด้วยความโกรธเคือง ตวาดใส่ “พูดบ้าบอคอแตกอะไร! ของปลอมอะไร? ที่อยู่ในมือคุณเซียวคือบัตรเชิญพิเศษ! ยังจะสูงศักดิ์มากกว่าบัตรเชิญในมือนายอีก!!!”
ซี๊ดๆ!
คนมีชื่อเสียงของซูหางในที่นั้น ทั้งหมดล้วนรู้สึกตื่นตกใจกัน
อะไรนะ?
บัตรเชิญพิเศษ?
อู๋ควนเย่รู้สึกงุนงงยิ่งกว่าเดิม มองหัวหน้าจางด้วยสีหน้าสงสัย ส่ายหน้าบอกว่า “เป็นไปไม่ได้! หัวหน้า! ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ! เขาก็แค่พวกจนตรอกคนหนึ่ง เขาจะได้รับบัตรเชิญพิเศษได้อย่างไรกันครับ? นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดครับ!”
ปึง!
หัวหน้าจางคนนั้นยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ถีบอู๋ควนเย่กระเด็นไปสามเมตร และล้มลงพื้นอย่างหนักอึ้ง ชักปืนออกมาจากเอว เล็งระหว่างคิ้วของเขาจากบนลงล่าง พูดด้วยเสียงหนาวเย็น “นี่คือนายกำลังสงสัยฉัน หรือว่ากำลังสงสัยผู้พันหาน!!!”
“หา? ไม่……ผมไม่กล้า……ผมผิดไปแล้วครับ หัวหน้าได้โปรดยกโทษ……”
อู๋ควนเย่จับท้องเอาไว้ คุกเข่าบนพื้นโขกศีรษะไม่หยุด สีหน้าแดงเข้มขึ้นไปหมด ทั้งตัวกำลังสั่นเทาไปหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เล็งเขาอยู่คือปืนเลยนะ!
หัวหน้าจางคนนั้นทำเสียงเหอะอย่างเย็นชา จากนั้น ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าของเซียวจ้าน ยืนตรงและทำความเคารพทันที พูดว่า “คุณเซียวครับ เชิญท่านเข้างานได้ครับ!”
สีหน้าเซียวจ้านนิ่งเฉย พยักหน้า ดึงมือที่เย็นเฉียบของเจียงอวี่โหรวไว้ แล้วก้าวเท้าเดินผ่านด้านหน้าผู้คนที่รู้สึกประหลาดใจเข้าไปทางสถานที่จัดงาน
“ยังมีพวกเรา พวกเราก็คือบัตรเชิญพิเศษเหมือนกัน!” เวลานี้สวีเฟินถือบัตรเชิญพิเศษในมือเอาไว้ หน้าตาตื่นเต้นเต็มที่
นี่ก็เปลี่ยนเร็วอย่างกับรถไฟเหาะ วินาทีก่อนหน้ายังกังวลว่าใช่โทษประหารชีวิตหรือไม่ วินาทีต่อมากลายเป็นแขกที่สูงศักดิ์ที่สุดแล้ว
เจียงเฉินลุกขึ้นมาจากบนพื้นแบบหน้าไม่อายเช่นกัน ถลึงตาใส่ทหารรักษาการณ์ด้วยสีหน้าหยิ่งยโส บอกว่า “เห็นแล้วหรือยัง บัตรเชิญพิเศษในมือของฉัน! สูงศักดิ์มาก! ยังไม่รีบหลบทางให้คุณชายอย่างฉันอีก!”
คนตระกูลเจียงคนอื่นๆ ก็เอะอะโวยวายอยากเข้าไป อยากจะมองเห็นสถานที่จัดงาน และยิ่งอยากเป็นคนแรกที่เข้าไปเห็นผู้พันหานลี่หมินหรือว่าจอมพลเป่ยเหลียง
หัวหน้าจางคนนั้นไม่อยากรับผิดชอบ จึงรีบให้ผ่านทันที
แต่ว่า เซียวจ้านกลับหยุดฝีเท้าลงทันใด หันหน้ามองคนตระกูลเจียงที่โวยวายกันกลุ่มหนึ่ง บอกว่า “เมื่อกี้พวกคุณไม่ใช่บอกว่า บัตรเชิญนี้เป็นของปลอม ไม่เกี่ยวข้องกับพวกคุณเหรอ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ หัวหน้าจาง ยึดบัตรเชิญในมือพวกเขาเลยเถอะ”
พูดจบ เซียวจ้านลากเจียงอวี่โหรวที่ยังมึนงงพอสมควรไปโดยตรง ในอ้อมแขนอุ้มเข่อเข่อไว้ เดินเข้าไปยังสถานที่จัดงานอย่างนิ่งสงบ
หน้าประตู คนตระกูลเจียงล้วนตกตะลึงกันหมด
ทหารรักษาการณ์ที่หน้าประตู ก็ยกปืนขึ้นมาขวางพวกเขาเอาไว้แล้ว
หัวหน้าจางคนนั้นพูดด้วยเสียงหนาวเย็น “เข้ามากันสิ ยึดบัตรเชิญในมือพวกเขาเอาไว้ จากนั้น ไล่ออกไป!”
“นี่ๆๆ พวกนายทำแบบนี้ไม่ได้! นี่เป็นถึงบัตรเชิญพิเศษนะ!”
“เซียวจ้าน! แกทำอะไร? แกกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!”
“หัวหน้าคะ นี่เป็นถึงบัตรเชิญพิเศษ ถ้าคุณไล่พวกเราออกไป ก็เท่ากับว่าไม่เคารพต่อผู้พันหาน! ฉันจะเข้าไป!” สวีเฟินไม่สนใจ ถือโอกาสช่วงที่คนไม่ทันสังเกตบุกเข้าไปโดยตรง
คนตระกูลเจียงคนอื่นๆ เห็นแบบนี้ ก็พุ่งเข้าไปเช่นกัน
หัวหน้าจางจำใจ เป็นความจริง บัตรเชิญใบนั้นเป็นบัตรเชิญพิเศษ เขายังไม่กล้าลงมือโหดร้ายจริงๆ ถ้าเกิดผิดใจผู้พันหานเข้า มันไม่คุ้มค่า
กลับเป็นอู๋ควนเย่ ซึ่งขณะนี้สีหน้าอึมครึม สุดท้ายถึงเข้าไปในสถานที่จัดงานแล้ว
งานเลี้ยงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ทุกคนดื่มอวยพรพูดคุยกันไม่หยุด สนุกสนานกลมเกลียวกัน
และในเวลานี้เอง หานลี่หมินที่สวมเครื่องแบบทหาร ติดดาวบนบ่า เดินมาตรงหน้าผู้คนจากด้านหลังเวทีด้วยรูปร่างสูงตรงและลักษณะท่าทางหนักแน่น ยืนอยู่บนแท่นกล่าวปราศรัย
“นั่นผู้พันหาน!”
“ไม่เสียแรงเป็นผู้นำของกองทัพแห่งซูหาง ออร่าอันนี้ ช่างรุนแรงเหลือเกินจริงๆ!”
“ผู้พันหานอายุไม่ถึงสามปีเลยมั้ง ก็ได้เป็นผู้พันแล้ว อนาคตต้องเป็นนายพลแน่!”
คนดังของซูหางกลุ่มหนึ่งยกยอและดื่มฉลองกันไม่หยุด หานลี่หมินใช้มือทั้งสองกดๆ ลงกลางอากาศ เอามือไพล่หลัง กล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด “ผมดีใจมาก ที่ทุกท่านสละเวลามาร่วมงานเลี้ยงที่ผมจัดขึ้นเป็นพิเศษ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทุกท่านในที่อยู่ในงานนี้ ก็ต้องทำงานร่วมกันแล้ว อยู่ที่นี่ ผมขออวยพรให้ทุกท่าน อนาคตราบรื่น มั่งคั่งร่ำรวย! ไชโย!”
ทุกคนยกแก้วขึ้นมาพร้อมกัน ถือโอกาสสรรเสริญสักหน่อยด้วย
หานลี่หมินหัวเราะเล็กน้อย สายตาตกอยู่บนตัวเซียวจ้านที่อยู่เป็นเพื่อนเข่อเข่อกับเจียงอวี่โหรวตรงมุมหนึ่ง จากนั้นพูดเสียงดังว่า “คิดว่าทุกคนคงรู้กันหมดแล้ว คืนนี้ ในงานเลี้ยงนี้ยังมีแขกผู้มีเกียรติที่พิเศษมากคนหนึ่งด้วย!”
ฮือฮา!
ชั่วขณะนั้น คนทั้งงานต่างฮึกเหิม สายตาของทุกคน ล็อกบนเวทีอย่างบ้าคลั่ง ล้วนกำลังเงยหน้ารอคอยดูจอมพลที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศหลงผู้นั้น จอมพลเป่ยเหลียง!
“อย่างนั้น ต่อไปนี้ ขอให้พวกเราใช้เสียงปรบมือที่ดังกังวานที่สุด ต้อนรับจอมพลเป่ยเหลียง!” หานลี่หมินพูดอย่างกระตือรือร้น “โดยเฉพาะ ความจริงเขาก็อยู่ในฝูงชน เขาก็คือ……”