พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 42 ใครก็แย่งไปไม่ได้
ทุกคนด้านล่างเวที เวลานี้ต่างรู้สึกตื่นตกใจ รอคอยแบบตั้งหน้าตั้งตาชมจอมพลเป่ยเหลียง บุคคลในตำนานของประเทศหลงที่เล่าลือกันผู้นั้น
“ฉันโตมาขนาดนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่จะได้เจอจอมพลสักคนล่ะ!”
“ตื่นเต้นเหลือเกิน! คืนนี้มาคุ้มแน่! เร็วๆๆ เดี๋ยวพวกเราจะต้องถ่ายรูปกับจอมพลเป่ยเหลียงให้ได้แน่นอน!”
ตระกูลเจียงทางนี้ เจียงไท่ชางก็เบียดเสียดอยู่ในฝูงชน ค้ำไม้เท้าไว้ ยืดคอยาวอยากจะดูบุคคลยิ่งใหญ่ในตำนานผู้นั้นสักหน่อย
นั่นเป็นถึงผู้ทรงเกียรติของประเทศหลง เป็นวีรบุรุษในสายตาของพวกเขาทุกคน
“คุณปู่คะ คุณปู่ว่า จอมพลเป่ยเหลียงคนนี้จะสนใจหนูหรือเปล่าคะ? หนูได้ยินมาว่า เขาเพิ่งอายุยี่สิบกว่าๆ เอง!” เวลานี้เจียงเหม่ยเหยียนสะบัดอู๋ควนเย่ทิ้งไปจนไม่เห็นเงาตั้งแต่แรกแล้ว จดจ่ออยากจะได้รับความสนใจจากจอมพลเป่ยเหลียงที่ยังไม่เคยพบหน้า
นี่ถ้าพอจะเข้าไปอยู่ในสายตาเขาได้ คงเหมือนจากนกกระจอกกลายเป็นหงส์(พึ่งพิงคนมีสถานะดีเพื่อเพิ่มฐานะตัวเองให้สูงขึ้น)
“ใช่! อายุยี่สิบกว่าปี เขาไท่ซานตั้งเป็นจอมพล! เป็นคนแรกในยุคปัจจุบันของประเทศหลงเลย! คนแรกเชียว! คนแบบนี้ ต่อให้ตระกูลเจียงของฉันต้องเป็นตัวอะไรก็ยอมรับใช้ทั้งนั้น” เจียงไท่ชางตื่นเต้นจนน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้าตา เหมือนจะสะเทือนอารมณ์มาก
เจียงเฉินที่อยู่ด้านข้างก็สีหน้าเลื่อมใสเต็มที่ บอกว่า “แม่ครับ แม่ว่า จอมพลเป่ยเหลียงคนนี้สรุปเป็นใครกัน? ข่าวเกี่ยวกับเขามีน้อยเหลือเกิน นี่ถ้าพอจะรู้มามากหน่อย พวกเราตระกูลเจียงคงผูกสัมพันธ์ได้มากกว่านี้หน่อย”
สวีเฟินก็พยักหน้าไม่หยุดแล้วพูดว่า “ใช่ๆ แต่ว่าตำแหน่งของพวกเราตระกูลเจียงต่ำเกินไป! ลูกดูรอบๆ สิ คนไหนที่ไม่ใช่บุคคลชั้นนำของซูหางบ้าง ต่อให้อยากผูกสัมพันธ์ ก็มาไม่ถึงพวกเราหรอก”
ไม่เพียงแค่คนตระกูลเจียงที่คิดแบบนี้ ผู้คนมากมายล้วนคิดแบบนี้
และเวลานี้ หานลี่หมินยืนอยู่บนเวที สายตกอยู่บนตัวของเซียวจ้านที่อยู่มุมหนึ่ง กำลังอยากจะประกาศสถานะของเขาออกไป ทหารที่สวมเครื่องแบบคนหนึ่งจากข้างล่างเวทีก็พุ่งขึ้นมาแล้ว กระซิบที่ข้างหูว่า “ผู้พันหานครับ เมื่อสักครู่จอมพลเป่ยเหลียงบอกว่า ไม่อยากเปิดเผยสถานะของเขาครับ”
พอได้ยิน หานลี่หมินขมวดคิ้ว สบสายตากับเซียวจ้าน ชั่วขณะหนึ่งเข้าใจอะไรแล้ว จากนั้นพูดแบบหัวเราะเสียงดัง “ทุกท่าน ขอโทษด้วยนะครับ จอมพลเป่ยเหลียงไม่อยากเปิดเผยสถานะของตัวเองชั่วคราว เขาอยู่ข้างกายของพวกคุณ เขาอยากดูสักหน่อยว่า ตัวแทนตระกูลและกิจการของซูหาง ล้วนเป็นคนที่มีทั้งพรสวรรค์และคุณธรรมกันบ้างหรือเปล่า”
“อะไรนะ? จอมพลเป่ยเหลียงก็อยู่ข้างตัวพวกเรา? โอ้มายก็อด! ใครกัน?”
“เชี่ย! ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ คงไม่ถูกเขาได้ยินจนหมดแล้วมั้ง? เขาคงไม่มีอคติกับพวกเราหรอกมั้ง?”
ทันใดนั้น ทุกคนเริ่มมองดูคนข้างกายของตนเอง พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด สุดท้ายไม่พบบุคคลน่าสงสัย
จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกรา ทุกคนล้วนไม่ได้เจอจอมพลเป่ยเหลียงในตำนาน ค่อนข้างผิดหวังทีเดียว
ส่วนเซียวจ้านก็พาเจียงอวี่โหรวและเข่อเข่อ ออกไปจากสถานที่จัดงานแล้ว กลับไปบ้านน้อยขนาดหกสิบเจ็ดสิบตารางเมตรของตระกูลเจียงแล้ว
วันต่อมา ตระกูลเจียงเรียกประชุมตระกูล เป็นเรื่องเกี่ยวกับการร่วมงานกับบริษัทลี่หมิน กรุ๊ป
ในการประชุม ท่านปู่เจียงไท่ชางนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน พูดจาเรียบๆ “วันนี้เรียกทุกคนเข้ามารวมตัว ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น แค่จะประกาศเรื่องหนึ่ง การร่วมงานกับลี่หมิน กรุ๊ปในครั้งนี้ อำนาจทั้งหมดยกให้เจียงเหม่ยเหยียนรับผิดชอบ โครงการทั้งหมดของบริษัทสามารถพักไว้ก่อนชั่วคราว ความสนใจหลัก ทุ่มเทไปที่การร่วมงานในครั้งนี้ทั้งหมด”
ได้ยินคำพูดนี้ คนตระกูลเจียงในที่นั้น มีคนดีใจ และมีคนกังวล
เจียงเหวินฉีกับเซียเหมยดีใจแทบแย่แล้ว บอกว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อวางใจได้ ความสามารถเหม่ยเหยียนของพวกเราเพียงพอแน่นอนครับ การร่วมงานครั้งนี้ ตระกูลพวกเรารอกำไรก้อนโตไว้เลย!”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ เหม่ยเหยียนจะไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” เจียงเหม่ยเหยียนรีบพูดจาออดอ้อนทันที
และเวลานี้เอง สวีเฟินลุกขึ้นยืน หน้าตาเย็นชา ถ้าไม่มีอวี่โหรวของพวกเรา พวกเราก็เอาสัญญามาไม่ได้นะคะ คุณพ่อมาเฉดหัวอวี่โหรวทิ้งแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ!”
สวีเฟินเอาแต่พูดว่าอวี่โหรวของพวกเรา ไม่ใช่ว่าคำนึงถึงเจียงอวี่โหรวจริงๆ แต่ว่าคำนึงถึงลูกชายตนเอง
ถ้าเจียงอวี่โหรวไม่มีส่วนเข้าร่วม งั้นเจียงเฉินจะมีสิทธิ์เข้าร่วมได้อย่างไรล่ะ?
งั้นพวกเขายังจะหาประโยชน์จากในโครงการครั้งนี้ได้อย่างไรล่ะ?
“ผมก็ไม่เห็นด้วยครับ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นโครงการที่พี่สาวผมได้มา ให้เจียงเหม่ยเหยียนรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้ครับ อย่างน้อย ต้องให้ผมเข้าร่วมด้วย!” เวลานี้เจียงเฉินไม่สนใจอะไรแล้ว โดยเฉพาะยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และอนาคตของตนเอง
สวีเฟินหันหน้า และรีบดึงเจียงอวี่โหรวที่นั่งอยู่ในมุม ร้อนใจจนเหงื่อท่วมหน้า พูดว่า “เจียงอวี่โหรว! เธอพูดอะไรหน่อยสิ นี่เป็นโครงการร่วมงานที่ครอบครัวของพวกเราได้มานะ ให้เจียงเหม่ยเหยียนเอาไปฟรีๆ ไม่ได้”
“ใช่ด้วย พี่ พี่ก็พูดอะไรสักอย่างสิ” เจียงเฉินร้อนใจเช่นกัน อยากเอ่ยปากแทนเธอจนใจแทบขาด
เจียงเหวินฉีก็ทำเสียงเหอะแบบเย็นชา พูดว่า “เหอะ! เจียงอวี่โหรวผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างคนหนึ่ง หล่อนจะทำอะไรได้? หล่อนเข้าใจโครงการเหรอ? หล่อนเข้าใจการร่วมงานเหรอ? นอกจากเหม่ยเหยียนของพวกฉันที่เหมาะสม ยังมีใครเหมาะสมยิ่งกว่าอีก?”
“จริง! โครงการนี้ต้องเป็นเหม่ยเหยียนของพวกฉันเท่านั้น!” เซียเหมยก็ตะโกนขึ้นอย่างโมโห
ตามมาด้วย คนกลุ่มหนึ่งซึ่งช่วยพูดแทนครอบครัวของเจียงเหวินฉี สวีเฟินกับเจียงเฉินไม่มีโอกาสพูดแทรกโดยสิ้นเชิง
“โอ๊ย! ลูกสาวแสนดีของฉัน! เธออย่ามัวนั่งโง่อยู่สิ เธอก็พูดอะไรสักอย่างเถอะ!” สวีเฟินในฐานะแม่เลี้ยงคนนี้ ร้อนใจแทบแย่แล้ว
เจียงอวี่โหรวนั่งอยู่ในมุม รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว ตอนนี้ถูกคนกลุ่มหนึ่งจ้องไว้อีก ยิ่งรู้สึกกลัวเพิ่มขึ้น
มือน้อยสองข้างของเธอแกว่งไปแกว่งมาอยู่ไม่นิ่ง มองเซียวจ้านที่อยู่ด้านข้างแล้ว จากนั้นพูดกับสวีเฟินอย่างอ่อนแอ “แม่คะ หนู……หนูก็ไม่รู้ค่ะ หนูทำอะไรไม่เป็นเลย ถ้าไม่อย่างนั้น โครงการนี้ก็ให้……”
“ให้อะไรกันเล่า! ไม่ให้! เธอทำไม่เป็น เจียงเฉินของฉันทำเป็นไง!” สวีเฟินรีบโวยวาย ถลึงตาเขม็งใส่เจียงอวี่โหรวทีหนึ่ง
นี่ทำเอาเจียงอวี่โหรวตกใจจนคอหด ก้มศีรษะลงไปอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรมมากๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรและควรทำอะไร
“ฮาๆ! ได้ยินหรือเปล่า แม้แต่เจียงอวี่โหรวเองก็บอกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ พวกคุณอยากจะทำอะไรล่ะ?” เจียงเหม่ยเหยียนหัวเราะเยาะอย่างภูมิใจ “หรือว่า โครงการร่วมงานอันนี้จะให้หล่อนที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีประสบการณ์มาจัดการเหรอ? งั้นไม่ใช่ว่าทำลายชื่อเสียงตระกูลเจียงของพวกเราย่อยยับเหรอ”
“จริงด้วยๆ! นังตัวดีที่โดนไล่ออกจากตระกูลเจียง มีสิทธิ์อะไรมาเป็นตัวแทนพวกเราตระกูลเจียงร่วมงานกับลี่หมิน กรุ๊ป!”
“ท่านครับ ท่านจะใจอ่อนไม่ได้ จะมาฟังพวกเขาพูดไร้สาระไม่กี่คำแล้วเปลี่ยนความคิดไม่ได้!”
“ถูกต้อง! นี่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างการเติบโตของตระกูลในอนาคตหลายปี!”
เจียงไท่ชางสีหน้าอึมครึมและเย็นชา ตะโกนเสียงดัง บอกว่า “พอแล้ว! ฉันตัดสินใจแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้!”
ท่านปู่สั่งการลงไป ทั้งในห้องประชุมเงียบเสียงลงมา สวีเฟินและเจียงเฉินก็ไม่มีทางเลือก
แต่ว่า เวลานี้ เสียงที่ไม่เข้าพวกเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นกะทันหัน
เซียวจ้านนั่งอยู่ด้านข้างของเจียงอวี่โหรว มองเธอที่ประหม่าอย่างจริงจัง ถามว่า “อวี่โหรว เธอคิดดีแล้วเหรอว่าเธอไม่อยากได้โครงการในครั้งนี้จริงๆ ? ขอเพียงเธออยากได้ ไม่ว่าใคร ล้วนไม่สามารถแย่งไปได้!!”