พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 44 จดทะเบียนสมรส
เซียวจ้านหัวเราะอย่างหลงรักมาก แสงแดดส่องใบหน้าของเขาพอดี หล่อเหลาขนาดนั้น อ่อนโยนขนาดนั้น
“จริงสิ” เซียวจ้านลูบศีรษะของเจียงอวี่โหรวเบาๆ
ทันใดนั้นเจียงอวี่โหรวหน้าแดง หลบอยู่ในอ้อมอกของเซียวจ้านอย่างเขินอาย พึมพำอยู่ไม่รู้ว่าพูดอะไร
จากนั้น เธอถึงนั่งตัวตรงขึ้น สูดหายใจทีหนึ่ง กุมหมัดเอาไว้ พูดให้กำลังใจตัวเอง “ได้! ฉันเจียงอวี่โหรว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องพยายามสู้! ต้องเข้มแข็ง!”
วันนั้น เจียงอวี่โหรวกลับถึงบ้านก็หาหนังสือข้อมูลที่เกี่ยวกับเจียงซื่อ กรุ๊ปเจ็ดแปดเล่มออกมาแล้ว ยังมีหนังสือการวางแผนโครงการส่วนหนึ่งด้วย
เห็นเจียงอวี่โหรวอ่านหนังสือแบบไม่มีหลักการอ่านมาครึ่งวันแล้วก็ไม่ได้ข้อมูลอะไร เซียวจ้านหัวเราะอย่างจำใจ เลือกหนังสือให้เธอใหม่อีกสองสามเล่มแล้วบอกว่า “อ่านสองสามเล่มนี้”
เจียงอวี่โหรวยักคิ้ว กะพริบตาอย่างสงสัยมองเซียวจ้านไป ถามว่า “ทำไมนายถึงรู้มากขนาดนี้? นายไม่ใช่เป็นทหารมาเหรอ ในค่ายทหารก็สอนเรื่องพวกนี้กับพวกนายเหรอ?”
เซียวจ้านยักไหล่ตอบว่า “เธอลืมแล้วรึไง ไม่ว่าอย่างไรเมื่อก่อนฉันก็เป็นคุณชายของตระกูลเซียว สัมผัสทางด้านนี้มามากกว่าเธอ ฉันก็เรียนบริหารบริษัท คุ้นเคยกับโครงการการร่วมมือสารพัด ตอนนั้น พ่อแม่ฉัน……”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเซียวจ้านเย็นลงมากะทันหัน อารมณ์ก็เย็นเฉียบลงไปถึงจุดเยือกแข็งแล้ว
เขามองหนังสือสองสามเล่มในมือ ท่าทางโดดเดี่ยวพอสมควร บอกว่า “อีกไม่กี่วัน ฉันอยากไปทำความสะอาดสุสานให้พ่อแม่ฉัน”
เจียงอวี่โหรวรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันจะไปเป็นเพื่อนนาย ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็เป็นพ่อแม่สามีของฉัน ถึงแม้ พวกเรายังไม่ได้……ไม่ได้แต่งงาน……”
เซียวจ้านเหมือนคิดอะไรได้ ดึงเจียงอวี่โหรวไว้อย่างไม่สนใจ วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากตระกูลเจียงตลอดทาง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เซียวจ้านกับเจียงอวี่โหรวเดินออกมาจากในสำนักงานเขต สิ่งที่ถือไว้ในมือพวกเขา ก็คือทะเบียนสมรสสีแดงสด
เซียวจ้านอุ้มเจียงอวี่โหรวขึ้นมาจากตรงนั้นทันที เงยหน้ามองเธอ ยิ้มบอกว่า “ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอก็คือภรรยาของฉันแล้ว ฉันก็คือสามีของเธอแล้ว!”
ในเบ้าตาของเจียงอวี่โหรวแดงๆ น้ำตาที่คลออยู่ไหลออก โอบคอของเซียวจ้านไว้ ตอบว่า“อืม”อย่างหนักแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ในมือถือทะเบียนสมรสไว้ ถูกเซียวจ้านอุ้มไว้แล้วหมุนวนอยู่ที่เดิม
วินาทีนั้น วันนั้น คือความโรแมนติกที่เป็นของเจียงอวี่โหรวกับเซียวจ้าน
ถึงแม้มันจะหยาบมาก แต่ว่าพวกเขาสองคนรู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบาย
รอตอนที่พวกเขากลับถึงบ้านน้อยตระกูลเจียง เจียงอวี่โหรวยังถือทะเบียนสมรสไว้แบบวางไม่ลง
“โอ๊ย พวกเธอไปที่ไหนมากัน? ฉันตามหาพวกเธอตั้งนานแล้ว!” ทันใดนั้นสวีเฟินเดินออกมาจากในบ้าน พูดแบบสีหน้าร้อนใจ
ด้านหลัง ยังมีเจียงเฉินที่สีหน้าคลุมเครือตามมา
“แม่? ทำไมพวกคุณมากัน…..” พอเจียงอวี่โหรวประหม่า รีบร้อนซ่อนทะเบียนสมรสในมือเอาไว้ด้านหลังทันที บนหน้าฝืนยิ้มออกมา
เดิมทีสวีเฟินอยากพูดอะไร แต่ว่าหล่อนสังเกตเห็นการกระทำอันนี้ของเจียงอวี่โหรวเข้าแล้ว ชี้ไปทางด้านหลังเธอถามว่า “เธอซ่อนของอะไรไว้? เอาออกมาให้ฉันดูหน่อย”
“ไม่……ไม่มี ไม่มีอะไรค่ะ”
เจียงอวี่โหรวยังอยากซ่อน แต่ว่าถูกสวีเฟินแย่งเอาไปโดยตรง ตอนนั้น สวีเฟินร้องเสียงดังจนคอแทบแตก “ทะเบียนสมรส! คาดไม่ถึงเธอจดทะเบียนสมรสกับเซียวจ้านแล้ว!!! พระเจ้า! เจียงอวี่โหรว สมองเธอมันพังแล้ว! เธอจดทะเบียนสมรสกับพวกจนตรอกคนนี้?”
เจียงอวี่โหรวประหม่ามาก ในใจก็หวาดกลัว พูดอธิบาย “แม่คะ หนู……หนูรักเซียวจ้าน โดยเฉพาะ เขาเป็นพ่อของเข่อเข่อ”
“รักบ้ารักบออะไร? พวกเธอเพิ่งรู้จักกันมานานแค่ไหนเอง! ถ้าไม่ใช่เขาเมาเหล้าแล้วมาขืนใจเธอ เธอก็ได้เป็นคุณนายตระกูลร่ำรวยตั้งแต่แรกแล้ว! เป็นเขาทำลายชีวิตของเธอ เธอรู้ไหม? คาดไม่ถึงเธอยังจดทะเบียนสมรสกับเขา! น่าโมโหจริงๆ เลย! รีบไปหย่าเดี๋ยวนี้!” สวีเฟินโวยวาย ยกมือขึ้นแล้วกระชากเจียงอวี่โหรวแล้วอยากออกไป
แต่ว่า เซียวจ้านยื่นมือมาจับแขนของสวีเฟินไว้ทันที พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณน้าครับ ช่วยระวังการกระทำและคำพูดด้วย!”
กำลังพูด เขาโอบไหล่ที่อ่อนนุ่มของเจียงอวี่โหรวไว้ บอกว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หล่อน เจียงอวี่โหรวก็คือภรรยาของผมเซียวจ้าน เป็นคนที่ผมจะปกป้องไปทั้งชีวิต! ไม่ว่าพวกคุณจะพูดยังไง ผมก็จะไม่หย่ากับหล่อนทั้งนั้น! โดยเฉพาะ ผมขอเตือนคุณไว้! ต่อไปพูดจาให้เกียรติกับอวี่โหรวหน่อย!”
สวีเฟินระเบิดอารมณ์ในเวลานั้นแล้ว
แต่ไหนแต่ไรหล่อนไม่เคยโดนตำหนิ วันนี้ถูกเซียวจ้านทำให้โมโหแทบแย่
“แกพูดอะไรกัน! แกถือว่าตัวเองเป็นใคร! เจียงอวี่โหรวคือลูกสาวฉัน ถึงแม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ว่าในทางกฎหมาย ฉันก็คือแม่ของหล่อน! พวกแกจดทะเบียนสมรสกัน ฉันไม่เห็นด้วย! ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!” สวีเฟินพูดเสียงดัง โมโหเดือดดาล
หล่อนยังอยากแนะนำคุณชายตระกูลเศรษฐีหรือว่าเจ้าของกิจการสองสามคนให้เจียงอวี่โหรวล่ะ
ไม่ว่าอย่างไร อยู่ที่ซูหางหน้าตาของเจียงอวี่โหรวยังเป็นเลิศ ถึงแม้มีลูกแล้ว แต่ว่าย่อมไม่กระทบต่อการแต่งงานกับคนรวย
ในซูหาง มีคุณชายเศรษฐีมากเท่าไรที่มีลูกไม่ได้ มีลูกแล้ว ยังพอดีเลย!
เซียวจ้านขี้เกียจสนใจหล่อน ดึงเจียงอวี่โหรวเดินผ่านด้านหน้าสวีเฟินไปโดยตรง
เวลานั้นสวีเฟินก็ร้อนใจแล้ว ตามเข้าไป พูดเสียงดัง “แกๆๆ……แกมันกำเริบเสิบสานเหลือเกิน! คาดไม่ถึงไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา! ฉันเป็นถึงเจ้าของบ้านนี้นะ! ถ้าฉันให้พวกแกไสหัวออกไป พวกแกก็ต้องรีบเก็บกระเป๋าไสหัวไปทันที!”
ตึง!
ทันใดนั้น เซียวจ้านหยุดฝีเท้า บนตัวผุดไฟโกรธและความอาฆาตเกินคำบรรยายขึ้นมา
สวีเฟินตามเข้ามาตลอดทาง เกือบชนเขาเข้า
“งั้นผมต้องเตือนสติคุณหน่อย ถ้าไล่พวกเราออกไป การร่วมงานกับลี่หมิน กรุ๊ป ลูกชายแสนดีของคุณ เดิมทีไม่มีโอกาสเข้าร่วม!” เซียวจ้านหมุนตัวแบบเย็นชา ตอบกลับอย่างโมโห
เวลานี้ สวีเฟินพูดไม่ออกแล้ว ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เจียงเฉินรีบพุ่งเข้ามาทันที ดึงแม่ของตนเองเอาไว้ พูดแบบยิ้มกว้าง “พี่เขย พี่อย่าโกรธเลย แม่ผมก็แค่ร้อนใจ พวกเราเข้ามากันครั้งนี้ จะมาดูหน่อยว่าพี่เตรียมตัวเป็นยังไงบ้าง”
พูดอยู่ เจียงเฉินยังยกกล่องของขวัญสองสามอันจากด้านข้างขึ้นมา บอกว่า “พี่ดูสิ แม่ผมซื้อของบำรุงมาให้พี่สาวโดยเฉพาะ นี่แม่ผมไม่ใช่เป็นห่วงร่างกายของพี่สาวเหรอ”
“หึๆ”
เซียวจ้านหัวเราะเยาะ บอกว่า “พวกคุณเป็นห่วงร่างกายของอวี่โหรว? ผมว่าเจตนาไม่ใช่สิ่งนี้แต่เป็นสิ่งอื่นมากกว่ามั้ง……ถือกล่องของขวัญของพวกคุณไว้ แล้วไปให้พ้น!”
“นี่! เซียวจ้าน นายพูดจายังไงกัน! แม่ฉันหวังดีเอาของขวัญมาให้พวกนาย นายอย่ามาทำเป็นจองหองหน่อยเลย!” เจียงเฉินระเบิดอารมณ์เช่นกัน
ไม่ง่ายที่ตนเองจะวางสถานะและศักดิ์ศรีลงเพื่อเข้ามาเอาใจพวกเขา คาดไม่ถึงพวกเขายังไม่รับน้ำใจไว้ด้วยความขอบคุณ
“ถ้ายังไม่ไปอีก! ผมจะโยนพวกคุณออกไป!”
เซียวจ้านไม่ได้เกรงใจ เคลื่อนร่างกายอันแข็งแรงมาข้างหน้า ทำเอาเจียงเฉินตกใจจนหิ้วกล่องของขวัญและพาสวีเฟินวิ่งออกไปแบบล้มลุกคลุกคลาน
“เซียวจ้าน! แกอย่าได้ใจไป! รอต่อไป แกเจอหายนะแน่!”
ก่อนออกไป เจียงเฉินยังทิ้งท้ายด้วยคำพูดโหดร้ายประโยคหนึ่ง
เซียวจ้านส่ายหน้าอย่างจำใจ หันหน้าแล้วมองเห็นเจียงอวี่โหรวที่มองตนเองด้วยท่าทางเลื่อมใส
“ทำไมเหรอ? บนหน้าฉันมีอะไร?” เซียวจ้านลูบหน้าแล้วถามขึ้น
เจียงอวี่โหรวส่ายหน้า ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มออกมา บอกว่า “ขอบคุณนะ”
เซียวจ้านหัวเราะแล้วพูดว่า “เธอเป็นภรรยาฉันนะ ฉันจะไม่ให้ใครรังแกเธอหรอก”