พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 49 เพื่อนเก่า
“เซียวจ้าน! ที่นี่มีธุระอะไรให้แกเสนอหน้าออกมา? ฉันคุยกับลูกสาวฉันอยู่ เกี่ยวอะไรกับแกด้วย? ไสหัวไปด้านข้างนู่น มาปล่อยไก่อะไรตรงนี้!”
สวีเฟินรีบต่อว่าด้วยเสียงดุทันที ยังลงมือผลักออกอีก
แต่ว่า ปล่อยให้หล่อนผลักไป เซียวจ้านยังยืนตรงอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด พูดด้วยสายตาเย็นเยือก “คุณลืมคำพูดเมื่อกี้ของผู้กองฟางแล้วงั้นเหรอ?”
ได้ยินคำพูดนี้ สวีเฟินสั่นไปทั้งตัว ชั่วขณะนั้นในหัวสมองนึกถึงภาพที่เมื่อสักครู่ผู้กองฟางพาทหารถือปืนสิบกว่านายขึ้นมา ทันใดนั้นสั่นเทาไปหมด กลัวจนถอยหลังไปสองสามก้าว
เจียงเฉินเห็นแบบนี้ ประคองแม่ตนเองเอาไว้ ชี้หน้าเซียวจ้านตะโกนใส่ด้วยเสียงดุ “แกเป็นใครกัน ถึงกล้ายกผู้กองฟางมาข่มขู่ฉันกับแม่ฉัน? แกก็แค่ทหารปลดประจำการเท่านั้นเอง ผู้กองฟางพอจะดูแลแกได้ครั้งสองครั้ง ยังสามารถดูแลแกได้ทุกครั้งงั้นเหรอ? ที่นี่คือตระกูลเจียง แกอยากจะมีชีวิตอยู่ที่นี่ ก็ต้องก้มหัวให้ฉัน!”
“ถูกต้อง! ก้มหัว!” สวีเฟินโวยวายตาม รู้สึกอัดอั้นตันใจ
สายตาเซียวจ้านเย็นชา หัวเราะหึๆ เพิ่งเตรียมจะลงมือ เจียงอวี่โหรวทางนั้นก็ดึงเซียวจ้านไว้ ส่ายหน้าด้วยสายตาอ่อนแรง จากนั้นพูดกับสวีเฟินและเจียงเฉินว่า “แม่ เจียงเฉิน ทั้งสองคนกลับไปก่อนเถอะ ส่วนเรื่องนี้ หนูจะจัดการให้ดีเอง”
ได้ยินเจียงอวี่โหรวตอบรับมาแล้ว สวีเฟินถึงทำเสียงเย็นชาทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “เชอะ! เจียงอวี่โหรว ดีที่สุดเธอรีบจัดการให้ฉันหน่อย! ตอนนี้หน้าที่การงานน้องชายเธอก้าวหน้าขึ้น ไม่แน่ว่าอนาคตจะสามารถกลายเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทได้! ถึงตอนนั้น พวกเธอล้วนต้องขอร้องเฉินเอ๋อร์ให้ช่วยพวกเธอ!”
เจียงเฉินก็กระชับเสื้อสูทของตนเองอย่างภูมิใจ จากนั้นพาสวีเฟินเดินวางมาดออกไปจากที่นี่
เหมือนกับว่า เจียงอวี่โหรวช่วยพวกเขาเป็นเรื่องสมควรด้วยเหตุผล
เซียวจ้านถอนหายใจแบบหมดหนทางแล้วพูดว่า “เจียงเฉินคนนั้น ไม่มีความรู้ความสามารถ เธอจะให้เขาเข้าร่วมโครงการร่วมมือในครั้งนี้จริงเหรอ?”
เจียงอวี่โหรวก็ลังเลมาก ตอบว่า “……โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นน้องชายฉัน”
เซียวจ้านไม่ได้พูดอะไร หมุนตัวไปอยู่เป็นเพื่อนเข่อเข่อแล้ว
วันต่อมา เจียงอวี่โหรวกำลังเตรียมเอกสารต่างๆ อยู่ในบ้าน ยุ่งจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ เซียวจ้านก็อุ้มเข่อเข่อออกไปข้างนอกเตรียมซื้อของใช้ภายในบ้านสักหน่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบ้านน้อยมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ธรรมดา ยังต้องตกแต่งข้าวของอีกมาก
เดินในร้านของแต่งบ้านบริเวณใกล้ๆ เซียวจ้านซื้อของมาไม่น้อย ให้พนักงานส่งไปที่ตระกูลเจียงโดยตรง
ตอนที่เซียวจ้านกำลังเตรียมออกจากร้านของแต่งบ้าน เสียงที่ไม่เข้าพวกเสียงหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลัง
“โอ๊ะๆๆ? ฉันยังคิดว่าฉันมองผิดไปเสียอีก นี่ไม่ใช่เซียวจ้านเหรอ? โอ้มายก็อด ฉันยังคิดว่าตายไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว นึกไม่ถึง นายกลับมาซูหางแล้ว?”
เสียงนี้ มาพร้อมน้ำเสียงที่หยอกเล่นและเหยียดหยาม ยังมีความจองหองและกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่บ้าง
เซียวจ้านหยุดฝีเท้า หันหน้ามองไป ก็มองเห็นใบหน้าอันหล่อเหล่าใบหนึ่ง สวมชุดสูทสีน้ำเงิน ด้านหลังมีบอดี้การ์ดชุดสูทที่ใส่แว่นดำสี่คนตามอยู่
“ฮาๆๆ ยังเป็นนายจริงด้วย! ฉันยังคิดว่าจำคนผิดซะอีกล่ะ? เฮ้อ นี่คือลูกสาวนายเหรอ? ทำไมดูแล้วเหมือนลูกนอกสมรสของเจียงอวี่โหรวแห่งตระกูลเจียงคนนั้นเลยล่ะ อ่อ ใช่แล้ว หลายวันก่อนฉันได้ยินข่าวมา นายก็คือลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลเจียง?”
ผู้ชายอายุน้อยหล่อเหลาคนนั้น หน้าตาเต็มไปด้วยแววอันยั่วยุและเหยียดหยาม ยังอยากเข้ามาบีบแก้มน้อยๆ ของเข่อเข่ออีกต่างหาก แต่ว่าโดนเข่อเข่อหลบออกแล้ว
เซียวจ้านขมวดคิ้ว เขารู้จักผู้ชายตรงหน้า
สามารถพูดได้ว่า เมื่อก่อน พวกเขาเป็นถึงเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันแจ
คุณชายตระกูลจ้าวแห่งซูหาง ตระกูลจ้าวคือหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของธุรกิจที่อยู่อาศัยแห่งซูหาง ความสามารถรุ่งโรจน์ ทรัพย์สินเกินหนึ่งพันล้าน
เมื่อก่อน จ้าวเจิ้งหมิงคนนี้กับเซียวจ้านเป็นถึงเพื่อนที่ใส่กางเกงตัวเดียวกัน แต่ว่า ตั้งแต่ตระกูลเซียวเกิดเรื่อง ตระกูลจ้าวแห่งนี้ก็ตัดขาดกับตระกูลเซียวถึงที่สุด
จ้าวเจิ้งหมิงสมัยก่อน เป็นเพราะอยู่ด้วยกันกับเซียวจ้าน นั่นคือทั้งประจบประแจง ทั้งเอาอกเอาใจ ก้มหัวคุกเข่าให้แบบไร้ศักดิ์ศรี
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาจ้าวเจิ้งหมิงเป็นคุณชายของตระกูลจ้าว และเซียวจ้านตรงหน้า ก็เป็นพวกจนตรอกแล้ว
ดังนั้น ความเกลียดชังที่ซ่อนในใจลึกของจ้าวเจิ้งหมิงมาเนิ่นนาน จึงระเบิดออกในเวลานี้
“นายมีธุระเหรอ?” เซียวจ้านถามอย่างเย็นชา
จ้าวเจิ้งหมิงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ทั้งสองข้าง พูดจาด้วยสีหน้ายั่วยุ “ไม่มีธุระอะไรมากหรอก แค่รู้สึกว่า โชคดีมันไม่ได้อยู่กับนายไปตลอดจริงๆ นะ นึกไม่ถึง คุณชายเซียวในสมัยก่อน ปัจจุบันนี้กลายเป็นพวกจนตรอก ยังต้องแต่งงานเข้าไปตระกูลเซียวเพื่อใช้ชีวิตไปวันๆ น่าเศร้าจริงๆ เลย ทำไม นายมาซื้อของเหรอ? ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะ ชั้นนี้ล้วนเป็นกิจการของตระกูลฉัน ขอแค่ตอนนี้นายคุกเข่าลงมาร้องเสียงหมาสักหน่อย แล้วก็คำนับสักสองสามที วันนี้นายอยากซื้ออะไร ฉันส่งให้นายได้หมดเลย เป็นยังไง? การแลกเปลี่ยนอันนี้นับไหม?”
มุมปากจ้าวเจิ้งหมิงดูมุ่งร้าย สิ่งที่สดใหม่ในความทรงจำของเขาก็คือ ความอัปยศที่เมื่อก่อนตนเองประสบปัญหาอยากให้เซียวจ้านช่วยเหลือ เซียวจ้านให้เขาคุกเข่าลงมาแล้วโขกศีรษะคำนับสามที
ปัจจุบันนี้ เขาอยากแก้แค้น
เซียวจ้านขมวดคิ้ว บอกว่า “จ้าวเจิ้งหมิง นึกไม่ถึงว่าผ่านไปหลายปีขนาดนี้ นายยังไม่เปลี่ยนเลย ทำให้คนขยะแขยงเหมือนเดิม”
พูดจบ เซียวจ้านหมุนตัวอยากออกไป ขี้เกียจพูดอะไรมากกับเขา
ตั้งแต่เริ่มต้น เขาก็รู้ว่าจุดประสงค์ที่จ้าวเจิ้งหมิงเข้าใกล้ตนเอง เนื่องจากตอนนั้นให้เขาคุกเข่าคำนับ นั่นก็คือการทดสอบ
ได้ยินคำพูดนี้ จ้าวเจิ้งหมิงโกรธแล้ว ตะโกนว่า “อยากไป? ใครให้นายไปกัน?”
พอพูดจบลง บอดี้การ์ดสี่คนด้านหลังของเขาเดินเข้ามา ล้อมเซียวจ้านเอาไว้ทันที
เซียวจ้านขมวดคิ้ว หมุนตัวมองจ้าวเจิ้งหมิง ถามด้วยเสียงเย็นเฉียบ “นายอยากทำอะไร?”
จ้าวเจิ้งหมิงหัวเราะหึๆ สองที เดินมาถึงด้านหน้าของเซียวจ้าน จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา บอกว่า “ง่ายมาก แก้แค้นไง! ขอแค่นายคุกเข่าลงมาก้มหัวคำนับสามที นายก็สามารถไปได้ ไม่อย่างนั้น วันนี้นายออกไปไม่ได้”
พูดอยู่ จ้าวเจิ้งหมิงยังหัวเราะแบบได้ใจพลันพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่เป็นธรรมมากใช่ไหม? นี่ก็คือความจริง ฉันในตอนนี้ ทำให้นายคุกเข่าลงแทบเท้าได้โดยสิ้นเชิง! เพราะว่า ฉันเป็นคุณชายของตระกูลจ้าว ส่วนนาย เป็นแค่พวกจนตรอกคนหนึ่ง เป็นเหมือนมดที่ใครจะบีบก็ได้!”
“โอ้? นายคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาก? ตระกูลจ้าวเก่งกาจมาก?” เซียวจ้านพูดจาแล้วหัวเราะเยาะนิ่งๆ
จ้าวเจิ้งหมิงพอได้ยิน สีหน้าแข็งทื่อ ตะโกนว่า “เซียวจ้าน! แกอวดดีอะไร? ตอนนี้แกก็เป็นแค่ไอ้สวะ! แกเอาอะไรมาเทียบกับฉัน? ต่อให้ตอนนี้ฉันทำแกพิการไป ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ฉันเตือนแกไว้นะ ดีที่สุดรีบคุกเข่าเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้น ฉันไม่รับรองว่าจะลงมือกับลูกสาวแกหรือเปล่า!”
พอได้ยิน หน้าตาเซียวจ้านปะทุเปลวไฟอันโกรธแค้นขึ้นมา
เรื่องที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือการข่มขู่ของคนอื่น
โดยเฉพาะ ยังเอาความปลอดภัยของลูกสาวตนเองมาข่มขู่ตนเอง
“จ้าวเจิ้งหมิง ให้ทางเลือกนายสองข้อ ข้อแรกคือ คุกเข่าลงมาขอโทษฉัน สำหรับพฤติกรรมของนายเมื่อกี้ ข้อสองคือ เตรียมรับบทลงโทษที่ตระกูลจ้าวพังพินาศให้พร้อม” เซียวจ้านพูดอย่างเรียบนิ่ง
“ฮาๆๆ!”
จ้าวเจิ้งหมิงหัวเราะบ้าคลั่ง บอกว่า “แกว่าอะไรนะ? ด้วยสภาพแกในตอนนี้? เซียวจ้าน แกกำลังล้อฉันเล่นรึไง? แกมีความสามารถอะไรจะเอาออกมาสู้ได้?”
“ยืนอึ้งกันอยู่ทำอะไร! จัดการให้ฉัน! ตีจนมันคุกเข่าถึงค่อยหยุด!” จ้าวเจิ้งหมิงโมโหแล้ว
ชั่วพริบตาเดียว บอดี้การ์ดสี่คนนั้นก็ควงหมัดต่อยไปยังเซียวจ้าน
เซียวจ้านขมวดคิ้ว ความอาฆาตแค้นบนตัวผุดขึ้น ในอ้อมอกอุ้มเข่อเข่อที่ตกใจเอาไว้ ลงมือฉับพลัน
ปึงๆ!
ชั่วขณะนั้น ร่างของบอดี้การ์ดสี่คนกระเด็นออกไป
จ้าวเจิ้งหมิงเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ หนังตากระตุก รีบล้วงมือถือออกมา พูดอย่างโมโห “แม่งเอ๊ยพาลูกน้องเข้ามาให้ฉันทั้งหมด! เดี๋ยวนี้!”
ชั่วพริบตา ร้านของแต่งบ้านทั้งชั้นหนึ่ง ในร้านค้าพวกนั้น ยังมีทางเข้าออกทุกแห่ง นักเลงที่ถือกระบองและมีดนับร้อยคนกรูกันเข้ามาแล้ว
คนพวกนี้ ส่วนหนึ่งเป็นลูกน้องของร้านของแต่งบ้าน อีกส่วนหนึ่งก็คือนักเลงที่จ้าวเจิ้งหมิงเลี้ยงไว้ แต่ละคนจิตใจเหี้ยมโหด
ทันใดนั้นเอง ชั้นหนึ่งนี้ บริเวณทางเดินทั้งหมด ก็ถูกปิดกั้นไว้แน่นหนา และประตูกันขโมยตรงทางเข้าออกถูกดึงลงเสียงดังครื้นๆ
ส่วนเซียวจ้าน ก็ถูกล้อมเอาไว้ด้านในสุด