พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 128 โต้กลับ
ตอนที่ 128 โต้กลับ
จ้าวหลานหยู่ออกจากจวนโหวไปด้วยความมิพอใจ ส่วนอันอิงเฉิงกลับโล่งอกและกังวลไปพร้อมกัน
เขาจ้องมองเด็กสาวที่มีท่าทางว่านอนสอนง่ายตรงหน้า คิ้วยังขมวดมุ่นดังเดิม แม้มิได้ต่อว่าอันใดแต่ก็ถามนางว่า “ตอนนี้องค์ชายเจ็ดก็ออกไปแล้ว เจ้าบอกพ่อมาดีกว่าว่าเหตุใดต้องกักตุนสมุนไพรไว้เยอะถึงเพียงนี้ ? ”
ใบหน้าของอันหลิงเกอดูตื่นกลัว นางก้มหน้ามิกล้าสบสายตา ท่าทางรู้สึกผิดทำให้หลี่ซื่อยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ คิดว่าต้องให้อันหลิงเกอกล่าวความจริงออกมาให้ได้
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นนางก็คลี่ยิ้มแล้วเผยท่าทางเอาใจใส่แสนอ่อนโยนออกมา “เกอเอ๋อมิต้องกลัว เจ้าบอกเหตุผลออกมาเถิด แม้องค์ชายเจ็ดสงสัยว่าเจ้าสมคบคิดกับศัตรู แต่ท่านโหวเชื่อในตัวเจ้านะ”
อันหลิงเกอยังก้มหน้าก้มตามิส่งเสียงอันใดออกมา
เมื่อครู่นางยังดูเยือกเย็นมาโดยตลอด แต่ในเวลานี้ทำท่าทางร้อนรนชนิดที่หาดูได้ยาก
หลี่ซื่อเห็นอันหลิงเกอมิยอมกล่าว มุมปากก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมแสดงใบหน้าตกใจมาก “หรือที่เกอเอ๋อมิยอมกล่าวจักเป็นเหมือนที่องค์ชายเจ็ดตรัสจริง ๆ เจ้ากักตุนยาสมุนไพรเพื่อแคว้นชิงเยว่ วางแผนทรยศแผ่นดินอย่างนั้นหรือ ? ”
หลี่ซื่อแสร้งปิดปากทำท่าทางตกใจและหันไปมองอันอิงเฉิงด้วยความกังวล “เราจักทำเยี่ยงไรดีเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านโหวก็ปฏิเสธองค์ชายเจ็ดเพื่อช่วยเกอเอ๋อ หากองค์ชายเจ็ดเจอหลักฐานขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดว่าเกอเอ๋อกักตุนยาสมุนไพรเพราะได้รับคำสั่งจากท่านโหว จักมิทำให้จวนโหวเดือดร้อนด้วยหรือเจ้าคะ ? ”
อันอิงเฉิงได้ยินคำกล่าวของหลี่ซื่อชัดเต็มสองหูทำให้ใบหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม
เขาใช้สองมือไพล่หลัง แววตาที่น่าเกรงขามก็ฉายความโกรธขึ้นแล้ว
หลี่ซื่อลอบสังเกตท่าทางของอันอิงเฉิงมาโดยตลอด เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นก็รีบแสดงท่าทางอ่อนโยนและรู้ใจอีกฝ่ายในทันที “ท่านโหวมิจำเป็นต้องกังวลมากหรอกเจ้าค่ะ องค์ชายเจ็ดเพิ่งออกไปมินาน พวกเรายังมีโอกาสแก้ไขอยู่ ขอแค่ตอนนี้เรามอบตัวเกอเอ๋อให้องค์ชายเจ็ดจัดการ จวนโหวก็จักรอดพ้นจากเรื่องนี้แล้วเจ้าค่ะ”
ระหว่างการให้คนทั้งจวนโหวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียสละอันหลิงเกอแค่คนเดียว ท่านโหวตัดสินใจเยี่ยงไรนางมิต้องคิดเลย
อันอิงเฉิงมิลังเล คิ้วขมวดเป็นปมและกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึมแต่มิได้ระเบิดอารมณ์ออกมา “เกอเอ๋อ ถ้าเจ้ายังมิบอกว่ากักตุนยาสมุนไพรด้วยเหตุใด พ่อก็ได้แต่มอบตัวเจ้าให้องค์ชายเจ็ดและให้พระองค์สืบสวนเรื่องนี้เอง”
“ช้าก่อนเจ้าค่ะท่านพ่อ” อันหลิงเกอกล่าวด้วยความร้อนรนแต่ดวงตามองไปที่หลี่ซื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเสียใจ “ก่อนหน้านี้น้องสามตั้งใจทำร้ายลูก แต่ลูกก็ทำเพื่อจวนโดยเสนอให้โยนความผิดใส่สาวใช้ ตอนนี้ลูกกำลังโดนองค์ชายเจ็ดปรักปรำ แต่หลี่อี๋เหนียงยุแยงให้ท่านพ่อส่งตัวลูกไปรับโทษ นี่หรือสิ่งที่ท่านบอกว่าจักดูแลข้าเหมือนบุตรสาวในไส้ ? ”
หลี่ซื่อคาดมิถึงว่าในเวลานี้อันหลิงเกอมิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน แต่มากล่าวพาดพิงนางแทน
ใบหน้าของหลี่ซื่อแข็งทื่อและเห็นอันอิงเฉิงกวาดตามองนางด้วยความสงสัย นางจึงรีบทำท่าทางหวังดี “เกอเอ๋อ เรื่องนี้ให้จวนโหวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยมิได้ ตัวข้าอยากช่วยเจ้าปกปิดแต่ก็หยุดการสืบขององค์ชายเจ็ดมิได้ ถ้าอย่างไรเจ้ายอมรับโทษเสียเถิด โทษหนักจักได้เบาบาง”
อันหลิงเกอมองต่ำ ขนตางอนยาวปิดซ่อนแววตาที่แท้จริงเอาไว้
“ข้ารู้ว่าหลี่อี๋เหนียงมิเชื่อข้าอยู่แล้ว”
อันหลิงเกอยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ดวงตาคู่งามคลอไปด้วยน้ำตาและริมฝีปากแดงสวยก็ซีดเล็กน้อย “ตอนนั้นท่านแม่จากไปเร็ว หลี่อี๋เหนียงบอกว่าเห็นข้าแล้วรู้สึกดี คิดว่ามีวาสนาต่อข้าเลยจักดูแลให้เหมือนลูกแท้ ๆ แต่ตอนนี้หลี่อี๋เหนียงทำกับข้าเหมือนคนนอก ยอมเชื่อคำให้ร้ายขององค์ชายเจ็ด แต่มิยอมเชื่อในตัวข้า”
หลี่ซื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้ว คิดว่าอันหลิงเกอกำลังเบี่ยงเบนความสนใจ
นางอุตส่าห์พยายามโน้มน้าวท่านโหวให้มอบตัวอันหลิงเกอแด่องค์ชายเจ็ด ดังนั้นนางจักยอมให้อันหลิงเกอผ่านเรื่องนี้ไปอย่างง่ายดายมิได้เด็ดขาด
หลี่ซื่อรีบแสดงใบหน้าเศร้าสร้อยออกมา “เหตุใดข้าจักมิเชื่อเจ้า เพียงแต่เกอเอ๋อมิยอมกล่าวความจริงออกมา หรือเจ้ามีความคิดมิดีซ่อนอยู่ ? ”
นางกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมา ทำตัวเป็นมารดาที่ดีต่อหน้าอันอิงเฉิง “เพื่อจวนโหวแห่งนี้ ข้าก็ได้แต่แนะนำให้ท่านโหวส่งตัวเจ้าแด่องค์ชายเจ็ดเท่านั้น”
ส่วนอันหลิงเกอก้มหน้ามองเท้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจพอสมควร “ที่ข้ากักตุนยาสมุนไพรเพราะเดิมทีเพื่อศึกษาวิธีปรุงยา ก่อนหน้านี้ข้าบังเอิญเห็นเว่ยอี๋เหนียงชงชาเก่งสามารถช่วยท่านย่าบำรุงร่างกายได้ ข้าจึงคิดเรียนปรุงยาให้ได้ก่อนวันเกิดท่านย่า ปกติก็ว่างมิมีอันใดทำอยู่แล้วจึงคิดทำยาบำรุงให้ท่านย่า ถือเป็นความกตัญญูที่มีต่อท่าน แต่คิดมิถึงว่าจักโดนองค์ชายเจ็ดกล่าวหาว่าสมคบคิดกับศัตรู หลี่อี๋เหนียงก็ยังยุให้ท่านพ่อมอบตัวข้า นั่นมิได้แปลว่าต้องการเอาโทษข้าหรอกหรือ การกระทำของท่านต่างหากที่ทำให้จวนโหวตกที่นั่งลำบาก ! ”
เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวก็ทำให้อันอิงเฉิงตกตะลึง เผยใบหน้าประหลาดใจออกมาเพราะมิว่าเยี่ยงไรเขาก็คาดมิถึงว่าการที่อันหลิงเกอกักตุนยาสมุนไพรจักเป็นเพราะเหตุนี้
“เด็กคนนี้ เหตุใดมิกล่าวออกมาตั้งแต่แรก ? ”
ใบหน้าของอันอิงเฉิงไร้ความโกรธแล้วเปลี่ยนเป็นความอับอายแทน
เมื่อนึกย้อนไป เพื่อให้เขาครองตำแหน่งโหวอย่างมั่งคง ท่านแม่จึงยอมสละชีวิตที่รุ่งเรืองในเมืองหลวงและพาครอบครัวน้องรองกับน้องสามไปอยู่เรือนบรรพบุรุษที่ห่างไกลความเจริญ เขากลับมิเคยคิดตอบแทนบุญคุณมารดาสักครั้ง แม้แต่เรื่องที่เกอเอ๋อทำให้ท่านยังดีกว่าเขาหลายเท่า
อันอิงเฉิงรู้สึกละลายใจจึงมิกล้าถามถึงเจตนาของอันหลิงเกออีก
“ที่แท้เจ้าก็ทำเพื่อท่านย่าจึงลงทุนมากมายถึงเพียงนี้ แต่พ่อเข้าใจผิด คิดว่าเจ้า… เมื่อครู่องค์ชายเจ็ดยังมาปรักปรำเจ้าอีก พ่อทำให้เจ้าได้รับความมิเป็นธรรมแล้ว”
อันหลิงเกอตอบออกไปด้วยเสียงขึ้นจมูกเหมือนเด็กโดนปรักปรำแล้วมีคนเข้าใจเสียที ความสุขและความตื้นตันมิอาจเก็บซ่อนได้อีกต่อไป “เกอเอ๋อมิรู้สึกว่าเยี่ยงนั้นเลยเจ้าค่ะ แค่ท่านพ่อเชื่อในตัวลูก เกอเอ๋อก็ดีใจมากแล้วเจ้าค่ะ”
แววตาของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความยินดี ทว่าเป็นดวงตาคู่เดียวกันที่ทำให้อันอิงเฉิงมิกล้ามอง
ครู่หนึ่งเขาก็หันมาสบสายตาอันหลิงเกอพร้อมกระแอมไอเบา ๆ ทำท่าทางราวกับว่ามิมีเรื่องอันใดแล้วก็แยกย้ายกันเถิด “ในเมื่อความจริงกระจ่างแล้วพ่อจักให้คนส่งจดหมายถึงองค์ชายเจ็ด มิเช่นนั้นพระองค์อาจปรักปรำเจ้าได้มิเลิก”
หลี่ซื่อเห็นอันหลิงเกอได้รับความไว้วางใจจากอันอิงเฉิงอย่างง่ายดาย รอยยิ้มบนใบหน้าก็มลายหายไปทันที “ในเมื่อเกอเอ๋อมีใจกตัญญู แล้วเหตุใดตอนที่องค์ชายเจ็ดถาม เจ้าจึงมิกล่าวออกมา ? ”
“เมื่อครู่ข้าก็กล่าวแล้วว่ากักตุนยาสมุนไพรเพื่อศึกษาการปรุงยา ส่วนเรื่องเตรียมทำยาบำรุงให้ท่านย่า ข้ามิอยากเปิดเผยออกไป เพราะกลัวผู้อื่นเข้าใจผิดว่าข้าตั้งใจใช้ของพวกนี้มาเอาใจท่านย่า”
หลี่ซื่อยังอยากกล่าวบางอย่าง แต่อันอิงเฉิงถลึงตาใส่นางและมองมาด้วยสายตาเด็ดขาด “เจ้าเงียบได้แล้ว หรือเจ้าหวังให้เกอเอ๋อเป็นกบฏแล้วทำให้จวนโหวของพวกเราตกที่นั่งลำบากถึงจักพอใจ ? ”