พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 147 เกลียดชัง
ตอนที่ 147 เกลียดชัง
ขณะที่หวังซื่อมองท่าทางสิ้นหวังของสาวใช้ผู้นั้น นางก็ยกยิ้มมุมปาก “ท่านพี่วางใจได้ ข้ามิมีทางขายนางไปอยู่ในซ่องแน่นอนเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นหวังซื่อก็หยุดพูดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แต่นางเกือบทำร้ายบุตรของข้า ถึงอย่างไรก็ต้องสั่งสอนนางบ้าง ข้าจักให้นางดื่มยาขับเลือดแล้วโยนเข้าห้องเก็บฟืน ปล่อยให้นางเอาชีวิตรอดเองเถิด”
“ไม่นะ นายหญิงปล่อยบ่าวไปเถิด บ่าวมิกล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ! ” หยูเอ๋อรีบขอร้องและหันไปมองอันอิงหาวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “นายท่านรอง นี่เป็นบุตรของท่าน ! ”
“บุตรนายท่านหรือ ? แม้แต่เรือนเจ้ายังมิมีแล้วเด็กที่คลอดออกมาก็เป็นแค่บ่าวคนหนึ่งจักนับเป็นบุตรนายท่านได้เยี่ยงไร ? ” หวังซื่อโบกมือแล้วออกคำสั่งให้สาวใช้คนสนิท “ไปนำยาขับบุตรมา แล้วข้าจักดูพวกเจ้ากรอกปากนางด้วยตนเอง”
เมื่อได้ฟังหยูเอ๋อก็กระวนกระวาย นางโดนโมโม่สองคนจับไว้จึงมิอาจดิ้นให้หลุดได้
ผ่านไปมินานก็มีคนนำยาขับเลือดเข้ามา หวังซื่อรับยามาถือไว้แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปหาหยูเอ๋อ
“วันนี้ข้าจักทำให้เจ้ารู้ว่าการเป็นชู้กับเจ้านายมีจุดจบเยี่ยงไร” นางกระตุกยิ้มมุมปากแล้วส่งสายตาให้สาวใช้คนอื่นก็มีคนช่วยเปิดปากหยูเอ๋อเพื่อให้หวังซื่อสะดวกในการกรอกยา
“ไม่ ! ” หยูเอ๋อส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง สุดท้ายยาในมือหวังซื่อยังไหลเข้ามาในปากนาง
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา ไร้ความงดงามดังเดิม
อันอิงหาวเพียงเหลือบมอง หลังจากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป ทิ้งไว้เพียงหยูเอ๋อที่กุมท้องและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“โยนนางไว้ในห้องเก็บฟืนและห้ามผู้ใดส่งข้าวส่งน้ำให้ตลอดสามวัน”
นายหญิงต้องการเอาชีวิตสาวใช้ผู้นี้โดยมิต้องสงสัย
บรรดาสาวใช้ที่ได้ฟังก็รู้สึกหวาดกลัว จากนั้นก็รีบโยนหยูเอ๋อไว้ที่ห้องเก็บฟืน
“หยูเอ๋อ เจ้าอย่าโทษข้าเพราะคนเดินขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ เจ้าเป็นคนสอนคำเหล่านี้ให้ข้าเอง”
ก่อนที่ประตูห้องเก็บฟืนจักปิดลง ไป๋เจิ้นก็ทิ้งประโยคนั้นให้หยูเอ๋อแล้วหมุนตัวเดินออกมาทันที
ในยามที่หยูเอ๋อคบชู้กับนายท่านรองก็มักรู้สึกว่าตนสูงส่งยิ่งกว่าใครและยังรังแกนางทุกอย่าง ตอนนี้กรรมตามสนองรวดเร็วเสียจริง
ไป๋เจิ้นยกยิ้มที่มุมปากพร้อมหวนคืนสู่การเป็นสาวใช้เรือนหวังซื่ออย่างมีความสุข
ส่วนหยูเอ๋อที่ตอนนี้ทั้งร่างเต็มไปด้วยโลหิตทำให้ตัวนางมีกลิ่นคาวลอยคละคลุ้งออกมา
นางนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นและน้ำตาปิดบังความเกลียดชังที่มิสิ้นสุดในแววตาไว้จนหมด
หวังซื่อและไป๋เจิ้นทำร้ายนางจนตกมาอยู่ในสภาพนี้ หากนางสามารถมีชีวิตออกไปได้ นางจักทำให้ทั้งสองคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต !
ทางฝั่งหลี่ซื่อได้ทราบเรื่องที่หยูเอ๋อโดนกรอกยาขับเลือดแล้วโยนเข้าห้องเก็บฟืนอย่างรวดเร็ว แต่นางก็ยังดื่มชาอย่างใจเย็น จากนั้นก็กล่าวกับหงเถา “เจ้าแอบเอาของกินไปให้นาง แล้วอย่าให้ผู้ใดเห็นเด็ดขาด”
หงเถาขานรับ ทว่าหลี่ซื่อเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา “ไม่ดีกว่า ข้าไปด้วยตนเองดีกว่า”
จากนั้นนางก็บอกให้หงเถาออกไปเตรียมอาหาร เมื่อรอให้ฟ้ามืดแล้วนางก็แอบเข้าไปในห้องเก็บฟืน
“สะใภ้หวังโหดเหี้ยมเสียจริง บุตรในครรภ์ของเจ้าเป็นบุตรนายท่านรองเหมือนกัน นางยังกล้าสั่งให้คนกรอกยาขับเลือดให้เจ้าและส่งมาอยู่ที่ห้องเก็บฟืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บเยี่ยงนี้”
ยามที่เสียงหลี่ซื่อดังขึ้นในห้องเก็บฟืนก็ทำให้หยูเอ๋อที่นอนหลับมิสนิทตื่นขึ้น
“ฮูหยินรอง ท่านมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
เมื่อหยูเอ๋อเห็นคนตรงหน้าอย่างชัดเจน นางก็เผยใบหน้าปีติยินดีขึ้นมา แววตาก็เปล่งประกายแห่งความหวัง “ฮูหยินรองช่วยบ่าวด้วยเจ้าค่ะ รับรองว่าต่อไปบ่าวต้องเป็นวัวเป็นม้าให้ท่านใช้งานอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ข้าจักให้เจ้ามาเป็นวัวเป็นม้าเพื่ออันใด ? ” หลี่ซื่อยิ้มอ่อนโยนให้นาง “ถ้าเจ้ามิได้เป็นคนส่งข่าวให้ข้า เจ้าจักมีสภาพแบบนี้ได้อย่างไร แต่วางใจเถิด ข้าต้องช่วยเจ้าแน่นอน”
หลี่ซื่อหยุดไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นน้ำตาของหยูเอ๋อ นางจึงยอมกล่าวต่อ “แต่ข้าช่วยได้แค่ส่งของกินให้เจ้า ส่วนเจ้าจักผ่านเรื่องนี้ไปได้หรือไม่ก็ต้องพึ่งตัวเจ้าเอง”
ทันใดนั้นใบหน้าของหยูเอ๋อก็เรียบเฉย นางค่อนข้างรู้สึกผิดหวังและประหลาดใจ “ฮูหยินรอง ท่านมิช่วยบ่าวออกไปหรือเจ้าคะ ? ”
หลี่ซื่อเพียงบอกให้คนนำอาหารมาส่ง แม้แต่ท่านหมอก็ยังมิพามาด้วย สุดท้ายก็อยากให้นางหาทางรอดด้วยตนเองแค่นี้หรือ ?
“สะใภ้หวังรู้แล้วว่าเจ้าเป็นคนส่งข่าวให้ข้า ถ้าข้าช่วยเจ้าออกไปในเวลานี้ นางต้องมิปล่อยข้าไปแน่นอน ดังนั้นก็ให้เจ้าอยู่ในห้องเก็บฟืนสักสองสามวัน ปล่อยให้สะใภ้หวังคิดว่าเจ้าได้รับบทเรียนแล้วก็จักเลิกกัดเจ้ามิปล่อยเสียที”
หยูเอ๋อมิคิดว่าคำกล่าวของหลี่ซื่อเป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด เพราะนางเป็นคนใกล้ตายจึงไร้ประโยชน์แล้ว
ทว่าหลี่ซื่อเป็นคนเดียวที่จักช่วยชีวิตนางได้ นางจึงทำได้แค่ขอร้องอ้อนวอน “ฮูหยินรองเจ้าคะ ท่านเมตตาช่วยบ่าวสักครั้งเถิด หากท่านมิช่วย แล้วบ่าวจักข้ามผ่านคืนนี้ได้หรือเจ้าคะ”
หลี่ซื่อย่อมมิมีปล่อยให้มองหยูเอ๋อตายง่าย ๆ หรอก การที่นางมาดูหยูเอ๋อด้วยตนเองก็เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง
“จักให้ข้าช่วยก็ใช่ว่าเป็นไปมิได้”
เมื่อหลี่ซื่อเอ่ยปาก ท่าทีของหยูเอ๋อก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที “บ่าวขอบคุณฮูหยินรองมากเจ้าค่ะ ! ”
“เจ้าเองก็น่าสงสาร เดิมทีวันนี้คนที่ต้องเสียบุตรควรเป็นนายหญิงรอง แต่สุดท้ายเปลี่ยนเป็นเจ้าและยังเกือบจบชีวิตลงด้วย ถ้ามิได้เป็นเพราะคุณหนูใหญ่สอดมือเข้าแทรก เจ้าอาจได้เป็นนายหญิงรองคนใหม่และกลายเป็นนายหญิงของเรือนหลังนี้”
เหมือนว่าหลี่ซื่อเห็นใจหยูเอ๋อ ทว่าในความเป็นจริงนางกำลังชี้นำสาวใช้คนนี้ให้เกิดความเคียดแค้นต่ออันหลิงเกอ
เป็นอย่างที่คิดเพราะหยูเอ๋อได้ยินชื่ออันหลิงเกอ นางก็รีบเอ่ยถามทันที “เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับคุณหนูใหญ่เจ้าคะ ? ”
หลี่ซื่อถอนหายใจยาว จากนั้นก็เล่าเรื่องที่อันหลิงเกอช่วยหวังซื่อไว้เยี่ยงไรให้ฟังโดยละเอียดและในระหว่างนั้นก็ใส่สีตีไข่ลงไปด้วย
เล่าจบหลี่ซื่อก็ถอนหายใจด้วยท่าทางรู้สึกเสียใจพอสมควร “เป็นข้าเองที่มิคิดว่าคุณหนูใหญ่รู้วิชาแพทย์จนทำให้ครั้งนี้สะใภ้หวังปลอดภัยและมาทำร้ายเจ้าแทน”
หยูเอ๋อได้ฟังคำยุยงก็กำหมัดแน่น ก่อนหน้านี้พอรู้ว่าตนตั้งท้องจึงเข้าไปขอพึ่งพิงหลี่ซื่อ เป้าหมายคือยืมมือหลี่ซื่อกำจัดบุตรในครรภ์ของหวังซื่อ และหากทำให้หวังซื่อต้องจบชีวิตเพราะแท้งบุตรได้ยิ่งดี เพราะนางจักสามารถใช้โอกาสนี้บอกกับอันอิงหาวว่าตั้งครรภ์และมิแน่ว่านางอาจได้กลายเป็นนายหญิงรองคนใหม่
ทว่าตอนนี้ทุกอย่างโดนทำลายด้วยน้ำมือคุณหนูใหญ่ ความมั่งคั่งร่ำรวย เสื้อผ้า อาหารหรูหราเลือนหายไปหมด !
เพราะคุณหนูใหญ่เข้ามายุ่งเรื่องชาวบ้านจึงทำให้นางมีจุดจบเช่นนี้ !
หลี่ซื่อมองดวงตาที่สั่นไหวของหยูเอ๋อก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายเริ่มเกลียดชังอันหลิงเกอแล้ว
“น่าเสียดายที่ตอนนี้เกอเอ๋อได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ แม้แต่ข้าก็แตะต้องนางมิได้” หลี่ซื่อเผยสีหน้าจนปัญญา “มิเช่นนั้นข้าคงหาวิธีแก้แค้นให้เจ้าได้”
การที่หลี่ซื่อมิปกปิดความอาฆาตในตัวอันหลิงเกอต่อหน้าหยูเอ๋อ นางก็มิแปลกใจแม้แต่น้อย
“ฮูหยินรองวางใจได้เจ้าค่ะ อีกครึ่งเดือนก็เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของฮูหยินใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นคุณหนูใหญ่ต้องไปทำความสะอาดสุสานมารดา สุสานแห่งนั้นตั้งอยู่บนภูเขาที่ห่างไกลใจกลางเมืองหลวง ถ้าคุณหนูใหญ่เป็นอันใดขึ้นมา หรือมิได้ระวังลื่นตกหน้าผาก็คงมิมีผู้ใดสงสัยฮูหยินรองแน่นอนเจ้าค่ะ”