พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 163 เปิดโปง
ตอนที่ 163 เปิดโปง
ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ลึกลับซับซ้อนอย่างมาก เขาศึกษามานานหลายสิบปีก็ยังมิเข้าใจ ได้แต่หลอกลวงผู้คนด้วยข้อมูลที่ท่องจำเอาไว้เท่านั้น
ทว่าอันหลิงเกอมองเรื่องภูมิศาสตร์ออกได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวและยังสามารถวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียได้ถึงเพียงนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวเขาก็เทียบการดูพื้นที่หรือฮวยจุ้ยระดับนี้มิติด
การที่เขาคิดหลอกอันหลิงเกอก็เปรียบเสมือนการฝันกลางวันอย่างแท้จริง !
อันหลิงเกอเห็นนักพรตเหงื่อตก แววตาเหม่อลอยก็รู้ทันทีว่าเขากำลังรู้สึกผิดจึงมิกล้าโต้เถียงนางอีก
แม้ในความเป็นจริงแล้วนางก็มิรู้วิธีดูฮวงจุ้ยแต่อย่างใด ส่วนการที่รู้ว่าภูเขาหินลูกนี้มีปัญหาก็เพราะความทรงจำจากชาติที่แล้วนั่นเอง
ในชาติก่อน อันอิงหาวพาอาจารย์ฮวงจุ้ยที่สนิทด้วยมายังจวนโหว อาจารย์ฮวงจุ้ยกวาดสายตามองครู่เดียวก็ชี้มายังภูเขาหินที่ทำลายฮวงจุ้ยลูกนี้และเกลี้ยกล่อมให้บิดาของนางทำลายภูเขาหินลูกนี้ทิ้งเสีย
แม้อันอิงเฉิงสงสัยในตัวอาจารย์ฮวงจุ้ยผู้นี้มาก แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นสหายของอันอิงหาว ดังนั้นเพราะเห็นแก่หน้าอันอิงหาวจึงยอมทำตามคำของอาจารย์ฮวงจุ้ยโดยทำลายภูเขาหินลูกนี้ทิ้ง
หลังจากนั้นก็มีเรื่องมงคลเกิดกับจวนโหวจริง ๆ มิเพียงอันหลิงอีได้รับคำสรรเสริญจากฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงเท่านั้น แต่อันอิงเฉิงยังได้ตำแหน่งที่ดีในราชสำนักอีกด้วย เรื่องดีน้อยใหญ่ก็ตามกันมาติด ๆ
อันอิงเฉิงจึงยกย่องอาจารย์ฮวงจุ้ยผู้นั้นต่อหน้าทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า ย่อมเป็นธรรมดาที่อันหลิงเกอจักจดจำเรื่องนี้ได้ขึ้นใจ
เพราะเหตุนี้นางจึงทำตัวราวกับชำนาญศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยจนทำให้นักพรตตกตะลึงจนกล่าวมิออก
ทางฝั่งหลี่ซื่อก็แอบขบกรามแน่น อันหลิงเกอรู้วิชาแพทย์หรือยิงธนูเก่งก็ช่างเถิด แต่คาดมิถึงว่าแม้แต่ศาสตร์ฮวงจุ้ยก็ชำนาญ
หากเจ้านักพรตหาข้อแก้ตัวอื่นมิได้ แผนในวันนี้ต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน !
หลี่ซื่อเผยแววตากังวลออกมา นางใช้โอกาสที่ฮูหยินผู้เฒ่ามิสังเกตแอบบุ้ยปากไปทางนักพรต
นักพรตกำลังเดาความหมายที่หลี่ซื่อต้องการสื่อ ก็ได้เห็นรอยยิ้มของอันหลิงเกอเริ่มเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เหงื่อบนใบหน้าเขาเยอะตามเช่นกัน
“คุณหนูใหญ่กล่าวถูกแล้ว ภูเขาหินลูกนี้อยู่ผิดตำแหน่งจริง มันจึงส่งผลต่อโชคลาภของจวน” เขาไหลไปตามคำกล่าวของอันหลิงเกอ แต่แล้วในเสี้ยวเวลาต่อมาก็เปลี่ยนคำพูดเสียดื้อ ๆ “เดิมทีจวนโหวเป็นสถานที่สุขสงบ ทว่าได้รับผลกระทบจากภูเขาหินลูกนี้จึงมิได้ดีเหมือนเก่าก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ดีใช้ได้หรือจักเรียกได้ว่าดีกว่าสถานที่ทั่วไปมากแล้ว”
มิว่ากล่าวเยี่ยงไรก็ขอแค่พิสูจน์ว่าเมื่อครู่ตัวเขามิได้โป้ปด อันหลิงเกอก็มิมีทางทำอันใดได้แล้ว
แต่การที่นักพรตพูดกลับกลอกไปมาเยี่ยงนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มสงสัยในตัวเขาและคราวนี้ก็เริ่มมิเชื่อในทุกคำกล่าวแล้ว
“ในเมื่อท่านนักพรตคิดว่าเกอเอ๋อกล่าวถูก เยี่ยงนั้นก็บอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าต้องทำเยี่ยงไรจึงทำให้จวนโหวดีเหมือนเดิม ? ”
เขาเป็นคนทำมาหากินโดยการหลอกลวงมาทั้งชีวิต หากมีความสามารถด้านนี้จริงก็คงมิต้องมารับเงินแสดงละครให้ผู้อื่นหรอก
นักพรตแอบบ่นในใจ แม้แต่สีหน้าก็ดูแข็งกร้าว
เขาฝืนยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจได้ เพราะภูเขาหินลูกนี้มาปิดกั้นโชคลาภเอาไว้ ขอเพียงสั่งให้คนย้ายภูเขาหินออกไปก็สามารถทำให้ฮวงจุ้ยของจวนโหวกลับมาดีเหมือนก่อนได้แล้ว”
“แค่ย้ายภูเขาหินออกไปก็ได้แล้วหรือ ? ”
อันหลิงเกอถามอีกครั้ง นักพรตจึงยิ่งตกตะลึงเพราะกลัวว่านางจักถามแปลก ๆ อันใดออกมาจนทำให้ฐานะที่แท้จริงของเขาเปิดเผย
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของอันหลิงเกอ นักพรตผู้นี้ก็ได้แต่แสร้งมิได้ยิน
เขาเดินไปด้านหน้าสองสามก้าวด้วยท่าทางสูงส่ง เมื่อเดินมาถึงหน้าภูเขาหินก็สำรวจจนถี่ถ้วน หลังจากนั้นก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงยกมือลูบเคราแล้วกล่าวว่า “ข้าเห็นภูเขาหินลูกนี้แกะสลักอย่างงดงาม แต่น่าเสียดายที่อยู่ในตำแหน่งมิดีจนส่งผลต่อโชคลาภของจวนโหว เพียงแค่ย้ายภูเขาหินลูกนี้ออกไป โชคของจวนโหวก็กลับมาดังเดิม”
“ท่านนักพรตมั่นใจหรือ ? ” อันหลิงเกอมองราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่จ้องเหยื่อ แววตาแฝงไปด้วยความดุร้ายและกระหายเลือด
แววตาคู่นี้ทำให้นักพรตใจสั่น รู้สึกถึงความเย็นที่แล่นจากศีรษะจรดเท้า มันทำให้เขาออกห่างจากตัวอันหลิงเกอสองสามก้าว หลังจากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมา
“ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้าฝึกมานานเพียงนี้แค่ฮวงจุ้ยเล็กน้อยจักมองผิดพลาดได้เยี่ยงไร”
อันหลิงเกอฉีกยิ้ม ภายนอกเห็นว่าเป็นรอยยิ้มน่าเสน่หาแต่มันแฝงไปด้วยความเยือกเย็นของการเข่นฆ่า ทำให้คนที่เห็นหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
“แม้ภูเขาหินวางทับหลังมังกรเอาไว้ ทว่าในเวลาเดียวกันก็เป็นดวงตาพยัคฆ์ด้วย”
อันหลิงเกอชี้ไปทางเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็ปรากฏภาพพยัคฆ์ซ่อนมังกรหมอบขึ้นมา เมื่อมองจากจุดภูเขาหินลูกนี้ไปทางเรือนชิงเฟิงจักคล้ายกับเห็นพยัคฆ์กระโจนออกจากภูเขา
หลี่ซื่อมองตามที่อันหลิงเกอกล่าวและก็เห็นกรงเล็บของพยัคฆ์ตกอยู่ที่กลางจวนโหวโดยภูเขาหินลูกนี้อยู่ในตำแหน่งดวงตาพยัคฆ์พอดี
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นนางก็ตกตะลึงเพราะเมื่อครู่อันหลิงเกอบอกว่าภูเขาหินลูกนี้ทับหลังมังกร นักพรตจึงไหลไปตามสถานการณ์โดยบอกว่าภูเขาหินอยู่ในตำแหน่งมิดี จำเป็นต้องย้ายออกโดยเร็ว
แต่ตอนนี้อันหลิงเกอเปลี่ยนมาบอกว่าภูเขาหินลูกนี้ก็อยู่ในตำแหน่งตาพยัคฆ์เช่นกัน เยี่ยงนั้นมันมิได้บอกว่าภูเขาอยู่ในตำแหน่งดีมากหรอกหรือ แล้วจักย้ายออกไปได้เยี่ยงไร ?
จนถึงตอนนี้นางเพิ่งเข้าใจในจุดประสงค์ของคนชั้นต่ำนี้
รู้แล้วว่าเหตุใดอันหลิงเกอมิรีบแก้ตัวและยังมิพูดมาก ทว่าแต่ละประโยคกลับทำให้นักพรตอับอายและเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา
อันหลิงเกออยากพิสูจน์ว่านักพรตเป็นพวกหลวงลวงเพื่อให้ดวงอัปมงคลของนางกลายเป็นเรื่องโกหกไปด้วย
อันหลิงเกอชั้นต่ำช่างเจ้าเล่ห์และเหลี่ยมจัดยิ่งนัก !
หลี่ซื่อคิดได้เช่นนั้นก็กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นพร้อมแววตาสั่นไหว
แต่อย่าหวังว่าการเปิดโปงตัวตนของนักพรตผู้นี้จักง่ายเพียงเพราะกล่าวมิกี่ประโยค
หลี่ซื่อคลี่ยิ้มราวกับมิรู้เห็นเรื่องนี้ “คำพูดของเกอเอ๋อน่าขันยิ่งนัก สุดท้ายมังกรหรือพยัคฆ์สิ่งไหนสำคัญกว่ากันแม้แต่เด็กสามขวบก็ยังรู้ หรือเกอเอ๋อต้องการบอกว่ามิอยากให้ท่านนักพรตช่วยทำให้จวนโหวกลับมารุ่งเรือง ? ”
นี่ถึงเรียกว่าตัวอัปมงคล
หลี่ซื่อกดเสียงพึมพำออกมาเหมือนกำลังบ่นกับตนเอง แต่ก็ยังพ่นประโยคสุดท้ายให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเพื่อเตือนสติว่าอันหลิงเกอเป็นตัวอัปมงคล
ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเผยใบหน้าเคร่งขรึมออกมา นางจ้องมองไปยังภูเขาหินลูกนั้น แต่มิว่ามองเยี่ยงไรก็รู้สึกขัดหูขัดตา ประเดี๋ยวก็ทับหลังมังกร เดี๋ยวก็เป็นดวงตาพยัคฆ์ สุดท้ายก็ต้องจัดการให้เร็วที่สุด
“เกอเอ๋อ ท่านนักพรตฝึกฝนมาหลายปี พวกเราทำตามที่เขากล่าวเถิด เจ้าอย่าเข้ามายุ่งอีกเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าทำให้คำกล่าวของอันหลิงเกอกลายเป็นการกระทำที่ก่อความวุ่นวายของเด็กและบ่งบอกว่ายอมเชื่อนักพรตผู้หลอกลวงดีกว่าเชื่อคำกล่าวของหลานสาว
อันหลิงเกอรู้สึกเสียใจ แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ตรงหน้าจึงต้องกลั้นความเสียใจเอาไว้ “ท่านย่าเจ้าคะ หลานรู้ตั้งนานแล้วว่าภูเขาหินลูกนี้ทับหลังมังกรไว้ แต่มิได้กล่าวเรื่องนี้ให้ท่านฟังมาก่อนเพราะภูเขาหินอยู่ในตำแหน่งตาพยัคฆ์ หากย้ายภูเขาหินออกไปจักทำให้มังกรและพยัคฆ์ขัดแย้งกัน ย่อมมีภัยร้ายตามมา แต่นักพรตมิรู้แม้กระทั่งเรื่องนี้ หลานจึงมั่นใจว่าเขามาเพื่อหลอกลวงเจ้าค่ะ ! ”