พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 188 พบความจริง
ตอนที่ 188 พบความจริง
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งการอย่างรวดเร็ว พอกล่าวว่าจักตรวจสอบเรื่องนี้ก็รีบให้แม่นมอู๋ข้างกายที่มีไหวพริบและฉลาดไปสืบทันที
เมื่อเห็นบรรยากาศในห้องเงียบสนิทมิครึกครื้นเหมือนเดิม หลี่ซื่อจึงรีบส่งเสียงหัวเราะเพื่อสร้างบรรยากาศ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนไปตรวจสอบเรื่องน้ำตาโลหิตของรูปปั้นพระโพธิสัตว์แล้ว ตอนนี้นางต้องสร้างบรรยากาศให้กลับมาครึกครื้นเช่นเดิม ถึงจักแสดงศักยภาพการเข้าหาผู้คนของนางให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เห็น
มีหลี่ซื่อคอยช่วยสร้างบรรยากาศ ฮูหยินและคุณหนูในโถงนั้นก็ต้องไว้หน้านางอยู่บ้าง ดังนั้นจึงกล่าวอวยพรและชมเชยอย่างรื่นเริงจนใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มดีขึ้น
มิว่าในใจนางรู้สึกดีขึ้นจริงหรือไม่ ฮูหยินเหล่านั้นก็ทำอันใดมิได้อยู่แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป 2 เค่อ น้ำชาในโถงนี้ถูกเปลี่ยนไปหลายรอบแล้ว ผลไม้และขนมหวานก็โดนทานไปจนเหลือเพียงครึ่งเดียว แม่นมอู๋ที่ถูกส่งตัวไปตรวจสอบก็กลับมาในที่สุด
นางเป็นสาวใช้คนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าและอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าตั้งแต่ยังเด็กจึงทำงานเก่งมากทีเดียว
นางรีบเดินเข้าไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า ก้มตัวลงและรายงานผลให้ฟัง
“สาวใช้ที่บ่าวพาไปสอบสวนทั้งสามคนนั้น …มีผู้ยอมรับแล้ว…”
หลี่ซื่อเงี่ยหูฟังแต่ก็ได้ยินเพียงมิกี่ประโยคเท่านั้น
นางยังอยากฟังอีก ทว่าอีกฝ่ายเสียงเบามาก อีกทั้งเสียงในห้องโถงก็ดังจึงให้ฟังได้มิชัดเจน
เมื่อเป็นเช่นนั้น หลี่ซื่อก็ถอนหายใจอย่างผิดหวัง ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็สบตาเข้ากับอันหลิงเกอ
อันหลิงเกอนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ แววตามิมีความเกรงกลัวและร้อนรนแต่อย่างใด ท่าทางมั่นใจมากราวกับนางสามารถยืนยันว่าเรื่องนี้มิเกี่ยวข้องกับตนแม้แต่น้อย
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด ใบหน้าของนางทำให้หลี่ซื่อเกิดความรู้สึกมิค่อยดีขึ้นมาราวกับว่ากำลังพลาดอันใดบางอย่าง
หลี่ซื่อกำลังคิดเช่นนี้ก็เห็นใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเคร่งขรึมขึ้นมา ความโกรธในแววตาเห็นได้ชัดมากขึ้น ใบหน้าดูแย่กว่าเดิมเสียอีก
“ยายแก่เยี่ยงข้ายังมิตายก็มีคนสาปแช่งให้ข้าตายจนแทบรอมิไหวแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวคำนี้ออกมาอย่างโมโห ห้องโถงเงียบสนิททันที เงียบกระทั่งเข็มหล่นลงพื้นยังได้ยินเสียงชัดเจน
ดูเหมือนฮูหยินผู้เฒ่ารับรู้ว่าคำกล่าวของนางทำให้ทุกคนในที่นี่รู้สึกอึดอัด นางจึงกวาดตามองฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นแล้วฝืนยิ้มออกมา “วันเกิดของข้ากลับมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกที่น้ำตาโลหิตไหลลงมาปรากฏขึ้น มิเป็นเรื่องมงคลเสียจริง ตอนนี้ข้าหาต้นเหตุเจอแล้วที่แท้คือคนในจวนจงใจนำมันมาสร้างปัญหาให้ข้า แต่ว่าเรื่องภายในครอบครัวก็มิสะดวกให้ทุกท่านรับรู้จึงขอให้ทุกท่านโปรดเข้าใจ”
นี่เป็นการส่งแขกทางอ้อม บรรดาฮูหยินและคุณหนูจักฟังความหมายแฝงมิออกได้เยี่ยงไร ?
พวกนางเตรียมกล่าวอำลา แต่หลี่ซื่อรั้งพวกนางไว้ก่อน
“ท่านแม่ได้ส่งคนตรวจสอบชัดเจนแล้วหรือ ? อีเอ๋อใสซื่อกตัญญู นางมิมีทางส่งรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกให้ท่านเด็ดขาด ในเมื่อตอนนี้ก็ตรวจสอบชัดเจนแล้ว มิสู้กล่าวออกมาต่อหน้าทุกคนดีกว่า เพื่อจักได้คืนความบริสุทธิ์แก่อีเอ๋อด้วยเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อกล่าวเช่นนี้เพราะหวังดีต่ออันหลิงอี สิ่งที่ขอร้องออกมาก็มิได้เกินเลย หากฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้มีเหตุผลและมีเมตตาก็ย่อมตกลงตามที่นางขอ
มิเพียงแต่หลี่ซื่อที่คิดเช่นนี้ กระทั่งฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นก็มีความคิดเหมือนกัน
แม้ว่าพวกนางถูกสั่งสอนมิให้ยุ่งเรื่องผู้อื่น ทว่าพอความสนุกอยู่ตรงหน้า ผู้ใดมิอยากดูบ้างเล่า เพิ่มความรื่นรมย์หลังจิบชาเสียหน่อยมีดีกว่าหรือ ?
ฮูหยินเหล่านั้นเดิมทีเตรียมตัวลุกขึ้นก็นั่งลงและมิขยับอีก ยังมีฮูหยินที่ชอบชมความสนุกเอ่ยขึ้น “ฮูหยินรองกล่าวถูกต้อง มิทราบว่าผู้ใดกล้าทำเรื่องวุ่นวายเยี่ยงนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดท่าน ในเมื่อความจริงเปิดเผยแล้ว ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจนเจ้าค่ะ”
“ใช่ ใช่ คนที่ทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้จิตใจย่อมโหดเหี้ยมมิธรรมดา ฮูหยินผู้เฒ่ามิต้องช่วยนางปิดบังแล้ว ท่านยังไว้หน้านางด้วยเหตุใด ? ”
ฮูหยินเหล่านั้นพูดติด ๆ กัน ส่งผลให้ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มลังเล
ดวงตาฝ้าฟางของนางมองหวังซื่อทีหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้าคิดเยี่ยงไร ? ”
แม้นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวแต่ก็ถูกผู้คนมากมายพบเห็นแล้ว หากมิจัดการให้ดีก็เกรงจักเกิดข่าวลือเสียหายออกไป
หวังซื่อไตร่ตรองแล้วจึงกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าคิดว่าเรื่องนี้มิควรปล่อยไปโดยง่ายเจ้าค่ะ ควรนำผู้ที่อยู่เบื้องหลังออกมาต่อหน้าทุกคน มิฉะนั้นอย่าว่าแต่ท่านแม่เลย แม้แต่ข้าก็มิยอมเจ้าค่ะ”
เมื่อครู่นางตกใจจนเกือบล้มลงพื้น จักกล่าวเยี่ยงนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าสั่งแม่นมอู๋ด้านข้าง “เจ้าไปนำตัวเข้ามา ข้าจักถามนางว่าเหตุใดต้องทำเรื่องเยี่ยงนี้ ! ”
แม่นมอู๋ตอบรับแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
มินานนักนางก็นำคนผู้หนึ่งที่ปิดหน้าปิดตาไว้เข้ามา ดูจากชุดที่สวมย่อมเป็นสาวใช้ในจวน
หลี่ซื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ แต่ใบหน้าแสดงความตกใจมากพลางชี้ไปที่เสื้อผ้าของสาวใช้แล้วกล่าวว่า “เหตุใดคนผู้นี้จึงสวมชุดสาวใช้ของเรือนเกอเอ๋อได้เล่า ? ”
ชุดสาวใช้ในแต่ละเรือนของจวนโหวมิเหมือนกัน แม้มองผิวเผินมิค่อยแตกต่าง แต่หลี่ซื่อที่ดูแลจวนมาหลายปีจักมิรู้ได้เยี่ยงไรว่าเรือนไหนมีชุดแบบใด
เพียงเห็นผ้าคาดเอวสีฟ้า นางก็รู้ว่าสาวใช้ที่ถูกมัดไว้คือคนจากเรือนอันหลิงเกอ
ตอนที่หลี่ซื่อกล่าวออกมายังชี้นิ้วไปที่อันหลิงเกอด้วย จงใจบอกให้ทุกคนรู้ว่ารูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกที่มีน้ำตาโลหิตเลือดไหลเป็นอันหลิงเกอทำขึ้นมา
ส่วนอันหลิงอีได้เตรียมคำกล่าวไว้แล้ว เมื่อเห็นหลี่ซื่อเริ่มพูดจึงรีบเสริม “หรือพี่หญิงใหญ่สั่งคนมาสับเปลี่ยนของขวัญของข้า ? ”
รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกนี้เดิมทีเป็นของอันหลิงเกอ แต่มิรู้เหตุใดถึงได้มาอยู่ในมือตนได้ อย่างไรก็ตามขอเพียงคนที่ถูกจับได้เป็นคนของอันหลิงเกอก็ย่อมมิอาจแก้ตัวได้อีก
พอคิดได้เยี่ยงนี้แววตาของอันหลิงอียิ่งฉายความชั่วร้าย มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย หากมิมองให้ดีก็สังเกตท่าทางดีใจของนางมิออก
“คุณหนูใหญ่คงมิได้ทำเรื่องเยี่ยงนี้กระมัง ? ”
จางหว่านหยีบุตรีของท่านราชเลขาที่อยู่ตรงนี้เอ่ยขัดขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสงสัย สายตาที่มองไปทางอันหลิงอีก็แฝงไว้ด้วยความมิเชื่อถือ
เดิมทีเรื่องนี้มิเกี่ยวกับนาง แต่ครั้งก่อนอันหลิงเกอได้แสดงความสามารถในสำนักศึกษาจิงตู ทำให้นางมีใจอยากเป็นมิตรด้วย ดังนั้นจึงช่วยกล่าวแทนอันหลิงเกอ
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็เหลือบมองจางหว่านหยีด้วยความแปลกใจ ราวกับคาดมิถึงว่าบุตรีแห่งจวนช่างชูจักออกหน้าช่วยอันหลิงเกอ
อย่างไรก็ตามนางยังมิได้ตัดสินทันที เพียงสั่งให้แม่นมอู๋เอาผ้าที่ปิดหน้าของสาวใช้เจ้าของผ้าคาดเอวสีฟ้าออก