พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 80 เผชิญหน้ากลางโถง
ตอนที่ 80 เผชิญหน้ากลางโถง ในเรือนฉีอู๋ดังก้องไปด้วยเสียงร้องของแม่นมจ้าว มีบ่าวรับใช้มิน้อยที่แอบดูอยู่ คำกล่าวของหงเถาที่กล่าวออกมาด้วยเสียงดังก็เพื่อให้บ่าวรับใช้ที่แอบฟังได้ยินชัดเจน “แม้ว่าฮูหยินรองจักใจดี แต่ก็มิอาจปล่อยคนที่มีความโลภมิรู้จักพอจนขโมยทรัพย์สินในจวนโหวไปหรอก วันนี้แม่นมจ้าวเป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าเห็นแล้ว ต่อไปพวกเจ้าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดีกว่านี้ ” เมื่อคำกล่าวของหงเถาจบลง เหมือนกำลังสั่งให้คนรับใช้ดูแลอันหลิงเกอให้ดีแต่แท้จริงเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แม่นมจ้าวอยู่ในจวนมาหลายปีทั้งยังเป็นแม่นมของคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองยังหาจุดผิดพลาดของนางได้ แล้วคนใช้ที่ไร้ตัวตนเยี่ยงพวกเขาควรทำอย่างไร ? หรือต้องหันไปพึ่งพาฮูหยินรองเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ? เมื่อเห็นบ่าวรับใช้พากันครุ่นคิดในเรื่องที่นางกล่าวออกไป หงเถาก็มองอย่างภูมิใจ จากนั้นจึงบอกให้บ่าวรับใช้พาแม่นมจ้าวออกจากเรือนฉีอู๋ไป เมื่อปี้จูเห็นหงเถาพาแม่นมจ้าวออกไปแล้ว นางก็มิได้รั้งเอาไว้ ทว่าหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและรินน้ำชาให้อันหลิงเกอ “แม่นมจ้าวผู้นี้สมควรถูกฮูหยินรองจัดการแล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอเห็นท่าทางดีใจของปี้จูก็ตีเข้าที่หน้าผากของนางเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วกล่าวออกไปว่า “เจ้านี่นะ คงอยากให้แม่นมจ้าวโดนไล่ออกจากเรือนฉีอู๋ตั้งนานแล้วสิ” “ข้าบอกอี๋เหนียงว่าถูกแม่นมจ้าวสั่งสอนให้แกล้งโง่ ตอนนี้อี๋เหนียงทำอันใดข้ามิได้จึงลงมือกับแม่นมจ้าวเป็นธรรมดา แต่แม่นมคงมิย่อมให้ตนถูกกล่าวหาโดยง่าย นางทำงานให้อี๋เหนียงมาหลายปีจักต้องรู้ความลับของอี๋เหนียงอยู่มิน้อย เรารีบไปหาท่านย่าเพื่อขอร้องแทนแม่นมจ้าวดีกว่า” ปี้จูได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงเกอก็เข้าใจในทันที หลายปีมานี้หลี่ซื่อซื้อตัวแม่นมจ้าวให้ช่วยทำเรื่องมากมาย นางต้องรู้เรื่องอะไรมาบ้าง หากคุณหนูรู้ไว้ก็น่าจักเป็นสิ่งที่ดีมิน้อย เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น ทั้งสองคนก็รีบไปยังเรือนชิงเฟิงอย่างเร่งรีบ ปี้จูเดินตามหลังอันหลิงเกอพลันร้องเรียก “คุณหนูเดินช้าหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ แม่นมจ้าวมิถูกฮูหยินรองส่งไปให้ทางการเร็วเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ อย่างน้อยนางต้องถามความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าเสียก่อน” อันหลิงเกอมิได้หันกลับไปแต่ก็ตอบปี้จู “แม่นมจ้าวดูแลข้างกายข้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แม้จักเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ในใจข้าก็ยกเป็นผู้ใกล้ชิดคนหนึ่ง ข้าจักเห็นนางถูกใส่ร้ายโดยมิสนใจมิได้หรือไร ข้าต้องไปขอร้องท่านย่าให้ปล่อยแม่นมจ้าว” ในเมื่อหลี่ซื่อสามารถเชือดไก่ให้ลิงดูในเรือนของนางได้ เหตุใดนางมิสามารถใจกว้างต่อคนรับใช้ได้เล่า ใจมนุษย์จักอยู่ฝั่งไหนก็หารู้ไม่ ….. ณ เรือนชิงเฟิง ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งพักผ่อนก็ถูกบ่าวข้างกายเรียกให้ตื่น “ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินรองส่งคนมาบอกว่าจับโจรที่ขโมยสมบัติในห้องเก็บสมบัติได้แล้วเจ้าค่ะ นางอยากมาถามความคิดเห็นของท่านว่าควรจัดการเยี่ยงไรดี” เพียงแค่หัวขโมยตัวเล็ก ๆ หลี่ซื่ออยากจัดการเยี่ยงไรก็จัดการไปสิ เหตุใดต้องมารบกวนเวลาพักผ่อนนางด้วย ? เมื่อวานเกิดเรื่องติดต่อกันสองสามเรื่อง วันนี้เพิ่งได้นอนพักผ่อนก็ถูกกวนอีกแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก ทว่าก็ให้คนรับใช้นำทางไปที่ห้องโถง เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงห้องโถงก็นั่งบนเก้าอี้พลางมองแม่นมจ้าวที่ถูกบ่าวรับใช้จับตัวมาด้วยความสงสัย “นี่คือโจรที่พวกเจ้าจับได้หรือ ? ” หลี่ซื่อก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียนท่านแม่ วันนี้บ่าวรับใช้ของข้าไปหาแม่นมจ้าวเพื่อสนทนามิกี่คำ มิคาดว่าจักพบของที่ถูกขโมยไปเหล่านี้อยู่ในหอนอนของนาง อีกทั้งนางกำลังเตรียมเก็บเสื้อผ้าหลบหนีออกจากจวนเจ้าค่ะ” หงเถากล่าวเสริมขึ้นมาว่า “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ข้าน้อยเห็นนางกำลังหลบหนีจึงร้องเรียกบ่าวรับใช้มาจับตัวนางไว้ก่อนเจ้าค่ะ” “ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้ามิส่งนางให้ทางการ ? เจ้าควรจัดการเยี่ยงไรก็รีบจัดการ มิจำเป็นต้องถามข้า” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาเหลือบไปทางหลี่ซื่อด้วยความหมายลึกซึ้ง “หลี่ซื่อ เจ้าดูแลจวนโหวก็ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรรายงานสิ่งใดควรตัดสินใจด้วยตนเอง หากเรื่องเล็กน้อยเยี่ยงนี้ยังต้องรายงานข้า แล้วข้าจักให้เจ้าดูแลจวนโหวเพื่ออันใด ? ” “ท่านแม่สั่งสอนได้ถูกเจ้าค่ะ” หลี่ซื่อถูกลงโทษคุกเข่าไปหนึ่งวันจึงเข้าใจถึงอำนาจของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดี นางเริ่มเชื่อฟังมากขึ้น “เพียงแค่บ่าวรับใช้ผู้นี้ตำแหน่งมิธรรมดา นางเป็นถึงแม่นมของเกอเอ๋อตั้งแต่เล็ก ข้ากลัวว่าจัดการแล้วฝั่งเกอเอ๋อจักมิพอใจเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “อ้อ ที่แท้ก็เป็นแม่นมของเกอเอ๋อ” นางเหลียวมองที่ตัวแม่นมจ้าว “นางก็ดูเป็นคนเรียบร้อยดี เหตุใดจึงทำเรื่องเยี่ยงนี้เล่า ? ” “ใช่เจ้าค่ะ หากมิใช่หงเถาไปพบสมบัติที่นางเก็บซ่อนเอาไว้ ข้าก็มิเชื่อว่าแม่นมจ้าวจักเป็นคนเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ ” หลี่ซื่อกล่าวพร้อมยิ้มออกมาอย่างได้ใจ “เพียงแต่นางอาจโดนสั่ง…” “เหลวไหล ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าแย้งออกมา “เกอเอ๋อมีจิตใจดีงาม มิมีความคิดเยี่ยงนี้หรอก นางจักสั่งให้แม่นมไปขโมยสมบัติในจวนด้วยเหตุใด? เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปกป้องอันหลิงเกอ หลี่ซื่อก็หุบปากแต่ภายในใจแอบยิ้มเยาะ นางมิได้สนใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าจักคิดเยี่ยงไร เพียงปลูกความสงสัยไว้ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าไว้ ต่อไปถ้าอยากลำเอียงเข้าข้างอันหลิงเกอจักได้คิดให้ดีก่อน ทั้งสองสนทนาและเตรียมตัวส่งแม่นมจ้าวไปให้ทางการ อันหลิงเกอก็เดินเข้ามาพอดี “เกอเอ๋อ คาราวะท่านย่าเจ้าค่ะ” นางคำนับให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหันไปมองแม่นมจ้าวทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ “ท่านย่า เกอเอ๋อขอร้องให้ปล่อยแม่นมจ้าวเถิดเจ้าค่ะ” นางมาถึงก็กล่าวคำนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วแววตาก็เคร่งขรึมทันที “เกอเอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังกล่าวอันใดออกมา ? ” “เกอเอ๋อรู้เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอตอบพร้อมพยักหน้ารับ “ตอนที่สาวใช้ของอี๋เหนียงเรียกคนมาจับแม่นมจ้าว เกอเอ๋อก็อยู่ในเรือนด้วยเจ้าค่ะ” “แต่ท่านย่าเจ้าคะ แม่นมจ้าวมิใช่โจรเป็นแน่เจ้าค่ะ นางเป็นแม่นมของหลานและดูแลรับใช้จวนโหวมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากเป็นลูกของคนรับใช้เก่าแก่ของจวน ทุกคำกล่าวและทุกการกระทำถูกฝึกมาโดยจวนโหวเป็นอย่างดี นางจักทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้หรือเจ้าคะ ? หลานคิดว่านางต้องถูกปรักปรำอย่างแน่นอน ท่านย่าได้โปรดมอบความยุติธรรมให้แม่นมจ้าวด้วยเจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวเป็นบุตรของบ่าวรับใช้ในจวนโหวเยี่ยงนั้นหรือ ? ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับนึกขึ้นได้ว่าในตอนแรกฮูหยินใหญ่มารดาของอันหลิงเกอเป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่งที่ถูกแต่งเข้าจวนโหวเพราะวาสนาและความบังเอิญ รอบตัวมิมีหญิงรับใช้แม้แต่คนเดียว แม่นมจ้าวผู้นี้คือคนที่นางเลือกจากกลุ่มบ่าวแล้วมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตนเอง ในเมื่อเป็นบุตรของบ่าวรับใช้ในจวน เรื่องนี้ก็สมควรสอบถามให้ชัดเจน ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาให้หญิงรับใช้ข้างกาย “ปล่อยแม่นมจ้าว แล้วให้นางพูดด้วยตนเอง” หลี่ซื่อตกใจทันทีที่ได้ฟังจึงรีบเข้าไปปราม แต่เห็นบ่าวรับใช้ปล่อยแม่นมจ้าวแล้ว แม้กระทั่งผ้าที่อุดปากไว้ถูกดึงออก “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านต้องช่วยข้าน้อยตัดสินอย่างเป็นธรรมนะเจ้าคะ”
ตอนที่ 80 เผชิญหน้ากลางโถง
ในเรือนฉีอู๋ดังก้องไปด้วยเสียงร้องของแม่นมจ้าว มีบ่าวรับใช้มิน้อยที่แอบดูอยู่ คำกล่าวของหงเถาที่กล่าวออกมาด้วยเสียงดังก็เพื่อให้บ่าวรับใช้ที่แอบฟังได้ยินชัดเจน
“แม้ว่าฮูหยินรองจักใจดี แต่ก็มิอาจปล่อยคนที่มีความโลภมิรู้จักพอจนขโมยทรัพย์สินในจวนโหวไปหรอก วันนี้แม่นมจ้าวเป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าเห็นแล้ว ต่อไปพวกเจ้าจงดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดีกว่านี้ ”
เมื่อคำกล่าวของหงเถาจบลง เหมือนกำลังสั่งให้คนรับใช้ดูแลอันหลิงเกอให้ดีแต่แท้จริงเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
แม่นมจ้าวอยู่ในจวนมาหลายปีทั้งยังเป็นแม่นมของคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองยังหาจุดผิดพลาดของนางได้ แล้วคนใช้ที่ไร้ตัวตนเยี่ยงพวกเขาควรทำอย่างไร ? หรือต้องหันไปพึ่งพาฮูหยินรองเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ?
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้พากันครุ่นคิดในเรื่องที่นางกล่าวออกไป หงเถาก็มองอย่างภูมิใจ จากนั้นจึงบอกให้บ่าวรับใช้พาแม่นมจ้าวออกจากเรือนฉีอู๋ไป
เมื่อปี้จูเห็นหงเถาพาแม่นมจ้าวออกไปแล้ว นางก็มิได้รั้งเอาไว้ ทว่าหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและรินน้ำชาให้อันหลิงเกอ
“แม่นมจ้าวผู้นี้สมควรถูกฮูหยินรองจัดการแล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเห็นท่าทางดีใจของปี้จูก็ตีเข้าที่หน้าผากของนางเบา ๆ ทีหนึ่งแล้วกล่าวออกไปว่า “เจ้านี่นะ คงอยากให้แม่นมจ้าวโดนไล่ออกจากเรือนฉีอู๋ตั้งนานแล้วสิ”
“ข้าบอกอี๋เหนียงว่าถูกแม่นมจ้าวสั่งสอนให้แกล้งโง่ ตอนนี้อี๋เหนียงทำอันใดข้ามิได้จึงลงมือกับแม่นมจ้าวเป็นธรรมดา แต่แม่นมคงมิย่อมให้ตนถูกกล่าวหาโดยง่าย นางทำงานให้อี๋เหนียงมาหลายปีจักต้องรู้ความลับของอี๋เหนียงอยู่มิน้อย เรารีบไปหาท่านย่าเพื่อขอร้องแทนแม่นมจ้าวดีกว่า”
ปี้จูได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงเกอก็เข้าใจในทันที หลายปีมานี้หลี่ซื่อซื้อตัวแม่นมจ้าวให้ช่วยทำเรื่องมากมาย นางต้องรู้เรื่องอะไรมาบ้าง หากคุณหนูรู้ไว้ก็น่าจักเป็นสิ่งที่ดีมิน้อย
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น ทั้งสองคนก็รีบไปยังเรือนชิงเฟิงอย่างเร่งรีบ ปี้จูเดินตามหลังอันหลิงเกอพลันร้องเรียก
“คุณหนูเดินช้าหน่อยก็ได้เจ้าค่ะ แม่นมจ้าวมิถูกฮูหยินรองส่งไปให้ทางการเร็วเพียงนั้นหรอกเจ้าค่ะ อย่างน้อยนางต้องถามความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าเสียก่อน”
อันหลิงเกอมิได้หันกลับไปแต่ก็ตอบปี้จู
“แม่นมจ้าวดูแลข้างกายข้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แม้จักเป็นเพียงคนรับใช้ แต่ในใจข้าก็ยกเป็นผู้ใกล้ชิดคนหนึ่ง ข้าจักเห็นนางถูกใส่ร้ายโดยมิสนใจมิได้หรือไร ข้าต้องไปขอร้องท่านย่าให้ปล่อยแม่นมจ้าว”
ในเมื่อหลี่ซื่อสามารถเชือดไก่ให้ลิงดูในเรือนของนางได้ เหตุใดนางมิสามารถใจกว้างต่อคนรับใช้ได้เล่า
ใจมนุษย์จักอยู่ฝั่งไหนก็หารู้ไม่
…..
ณ เรือนชิงเฟิง
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งพักผ่อนก็ถูกบ่าวข้างกายเรียกให้ตื่น
“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินรองส่งคนมาบอกว่าจับโจรที่ขโมยสมบัติในห้องเก็บสมบัติได้แล้วเจ้าค่ะ นางอยากมาถามความคิดเห็นของท่านว่าควรจัดการเยี่ยงไรดี”
เพียงแค่หัวขโมยตัวเล็ก ๆ หลี่ซื่ออยากจัดการเยี่ยงไรก็จัดการไปสิ เหตุใดต้องมารบกวนเวลาพักผ่อนนางด้วย ?
เมื่อวานเกิดเรื่องติดต่อกันสองสามเรื่อง วันนี้เพิ่งได้นอนพักผ่อนก็ถูกกวนอีกแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกรำคาญใจยิ่งนัก ทว่าก็ให้คนรับใช้นำทางไปที่ห้องโถง
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามาถึงห้องโถงก็นั่งบนเก้าอี้พลางมองแม่นมจ้าวที่ถูกบ่าวรับใช้จับตัวมาด้วยความสงสัย
“นี่คือโจรที่พวกเจ้าจับได้หรือ ? ”
หลี่ซื่อก้าวออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรียนท่านแม่ วันนี้บ่าวรับใช้ของข้าไปหาแม่นมจ้าวเพื่อสนทนามิกี่คำ มิคาดว่าจักพบของที่ถูกขโมยไปเหล่านี้อยู่ในหอนอนของนาง อีกทั้งนางกำลังเตรียมเก็บเสื้อผ้าหลบหนีออกจากจวนเจ้าค่ะ”
หงเถากล่าวเสริมขึ้นมาว่า “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ข้าน้อยเห็นนางกำลังหลบหนีจึงร้องเรียกบ่าวรับใช้มาจับตัวนางไว้ก่อนเจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้ามิส่งนางให้ทางการ ? เจ้าควรจัดการเยี่ยงไรก็รีบจัดการ มิจำเป็นต้องถามข้า”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตาเหลือบไปทางหลี่ซื่อด้วยความหมายลึกซึ้ง
“หลี่ซื่อ เจ้าดูแลจวนโหวก็ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรรายงานสิ่งใดควรตัดสินใจด้วยตนเอง หากเรื่องเล็กน้อยเยี่ยงนี้ยังต้องรายงานข้า แล้วข้าจักให้เจ้าดูแลจวนโหวเพื่ออันใด ? ”
“ท่านแม่สั่งสอนได้ถูกเจ้าค่ะ”
หลี่ซื่อถูกลงโทษคุกเข่าไปหนึ่งวันจึงเข้าใจถึงอำนาจของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดี นางเริ่มเชื่อฟังมากขึ้น
“เพียงแค่บ่าวรับใช้ผู้นี้ตำแหน่งมิธรรมดา นางเป็นถึงแม่นมของเกอเอ๋อตั้งแต่เล็ก ข้ากลัวว่าจัดการแล้วฝั่งเกอเอ๋อจักมิพอใจเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแม่นมของเกอเอ๋อ”
นางเหลียวมองที่ตัวแม่นมจ้าว
“นางก็ดูเป็นคนเรียบร้อยดี เหตุใดจึงทำเรื่องเยี่ยงนี้เล่า ? ”
“ใช่เจ้าค่ะ หากมิใช่หงเถาไปพบสมบัติที่นางเก็บซ่อนเอาไว้ ข้าก็มิเชื่อว่าแม่นมจ้าวจักเป็นคนเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ ”
หลี่ซื่อกล่าวพร้อมยิ้มออกมาอย่างได้ใจ
“เพียงแต่นางอาจโดนสั่ง…”
“เหลวไหล ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าแย้งออกมา
“เกอเอ๋อมีจิตใจดีงาม มิมีความคิดเยี่ยงนี้หรอก
นางจักสั่งให้แม่นมไปขโมยสมบัติในจวนด้วยเหตุใด?
เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยปกป้องอันหลิงเกอ หลี่ซื่อก็หุบปากแต่ภายในใจแอบยิ้มเยาะ
นางมิได้สนใจว่าฮูหยินผู้เฒ่าจักคิดเยี่ยงไร เพียงปลูกความสงสัยไว้ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าไว้ ต่อไปถ้าอยากลำเอียงเข้าข้างอันหลิงเกอจักได้คิดให้ดีก่อน
ทั้งสองสนทนาและเตรียมตัวส่งแม่นมจ้าวไปให้ทางการ อันหลิงเกอก็เดินเข้ามาพอดี
“เกอเอ๋อ คาราวะท่านย่าเจ้าค่ะ”
นางคำนับให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหันไปมองแม่นมจ้าวทีหนึ่ง จากนั้นกล่าวออกมาอย่างลำบากใจ
“ท่านย่า เกอเอ๋อขอร้องให้ปล่อยแม่นมจ้าวเถิดเจ้าค่ะ”
นางมาถึงก็กล่าวคำนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วแววตาก็เคร่งขรึมทันที
“เกอเอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังกล่าวอันใดออกมา ? ”
“เกอเอ๋อรู้เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอตอบพร้อมพยักหน้ารับ
“ตอนที่สาวใช้ของอี๋เหนียงเรียกคนมาจับแม่นมจ้าว เกอเอ๋อก็อยู่ในเรือนด้วยเจ้าค่ะ”
“แต่ท่านย่าเจ้าคะ แม่นมจ้าวมิใช่โจรเป็นแน่เจ้าค่ะ นางเป็นแม่นมของหลานและดูแลรับใช้จวนโหวมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากเป็นลูกของคนรับใช้เก่าแก่ของจวน ทุกคำกล่าวและทุกการกระทำถูกฝึกมาโดยจวนโหวเป็นอย่างดี นางจักทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้หรือเจ้าคะ ? หลานคิดว่านางต้องถูกปรักปรำอย่างแน่นอน ท่านย่าได้โปรดมอบความยุติธรรมให้แม่นมจ้าวด้วยเจ้าค่ะ”
แม่นมจ้าวเป็นบุตรของบ่าวรับใช้ในจวนโหวเยี่ยงนั้นหรือ ?
ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับนึกขึ้นได้ว่าในตอนแรกฮูหยินใหญ่มารดาของอันหลิงเกอเป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่งที่ถูกแต่งเข้าจวนโหวเพราะวาสนาและความบังเอิญ รอบตัวมิมีหญิงรับใช้แม้แต่คนเดียว แม่นมจ้าวผู้นี้คือคนที่นางเลือกจากกลุ่มบ่าวแล้วมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตนเอง
ในเมื่อเป็นบุตรของบ่าวรับใช้ในจวน เรื่องนี้ก็สมควรสอบถามให้ชัดเจน
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาให้หญิงรับใช้ข้างกาย
“ปล่อยแม่นมจ้าว แล้วให้นางพูดด้วยตนเอง”
หลี่ซื่อตกใจทันทีที่ได้ฟังจึงรีบเข้าไปปราม แต่เห็นบ่าวรับใช้ปล่อยแม่นมจ้าวแล้ว แม้กระทั่งผ้าที่อุดปากไว้ถูกดึงออก
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านต้องช่วยข้าน้อยตัดสินอย่างเป็นธรรมนะเจ้าคะ”