พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 16 พระชายาเจ็ดสืบสวนคดี
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 16 พระชายาเจ็ดสืบสวนคดี
เพื่อเป็นการทำความดีชดใช้ความผิด นางกำนัลคนนั้นย่อมพูดทุกสิ่งที่รู้ เอ่ยปากขึ้นมาทันทีว่า “ใช่แล้ว เหนียงเหนียงทาขี้ผึ้งสีขาวชนิดหนึ่งทุกวัน บอกว่าสามารถทำให้ขาวขึ้นสวยขึ้นได้ เวลาอาบน้ำตอนกลางคืนก็จะโรยผงแป้งมากมายลงไปด้วย หม่อมฉันเคยถาม แต่ก็ถูกเหนียงเหนียงตำหนิหลังจากนั้นจึงไม่กล้าพูดมากอีก แต่ว่ากันว่าเหนียงเหนียงได้ดูแลตนเองเช่นนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าวังแล้วเพคะ”
เฟิ่งชิงหัวหันไปโค้งตัวและเอ่ยกับฮ่องเต้เซวียนถ่งว่า “เสด็จพ่อ หากเป็นอย่างที่นางพูด คนที่อยากจะให้ซุนผินเหนียงเหนียงตายไม่ได้มีแค่สองคน อย่างน้อยก็มีสามคนเพคะ”
“คนร้ายสามคน”คราวนี้ ฮ่องเต้เซวียนถ่งรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ก็แค่นางสนมคนหนึ่ง ทำไมจึงได้ทำให้คนมากมายอยากจะฆ่านาง
แม้ว่าปกติแล้วซุนผินจะมีนิสัยเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่ในสายตาเขาแล้วล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อใคร
เฟิ่งชิงหัวพยักหน้า “ใช่แล้วเพคะ เมื่อคำนวณตามลำดับเวลาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหนียงเหนียงใช้ยากระตุ้นความขาวแค่คนเดียว คนคนนี้มีจิตใจที่ลึกล้ำมาก ถึงกับใช้เวลาหลายปีในการสร้างอุบัติเหตุครั้งนี้ ส่วนคนที่วางยาพิษเหนียงเหนียง เห็นได้ชัดว่าวางแผนในการกระทำผิด ส่วนคนที่ใช้อาวุธสังหาร เป็นเพราะสาเหตุบางอย่างที่ไปกระตุ้นความโกรธจึงได้ลงมือสังหาร เพราะว่า การลงมือในสถานที่ที่อยู่ไม่ห่างจากบริเวณของฮองเฮา การถูกจับได้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้สูงมาก หรือบางที อาจเป็นเพราะเหนียงเหนียงไปเห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นเข้า และพอดีกับ คนคนนั้น เหนียงเหนียงก็รู้จัก ทั้งยังคุ้นเคยกันดีด้วย”
เฟิ่งชิงหัวเอ่ยอย่างมั่นใจมาก ราวกับได้เห็นด้วยตาตนเอง ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นฮองเฮาก็เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ถูกต้อง พระชายาเจ็ดพูดถูก คนร้ายสามคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่เหมือนข้าเลยสักนิด ฮ่องเต้เพคะ หม่อมฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แม้จะไม่รู้ว่าทำไมซุนผินจึงมาที่ตำหนักของหม่อมฉัน แต่ถ้าหากหม่อมฉันต้องการจะลงมือกับนางจริงๆ จะเลือกสถานที่ของตนเองทำไม เห็นได้ชัดนี่เป็นการโยนความผิดให้ข้า เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนร้าวฉาน”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งหันไปมองเฟิ่งชิงหัว “ฟังที่เจ้าพูดมาแล้ว ฆาตกรไม่ใช่หนึ่งในสี่คนนี้ใช่หรือไม่”
เฟิ่งชิงหัวส่ายหน้า “ไม่เพคะ ในบรรดาสี่คนนี้ ต้องมีคนพูดโกหก ในกลุ่มพวกเขา อย่างน้อยต้องมีหนึ่งคน ที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับฆาตกร เพราะว่า เพราะการจะลงมือนางสนมในวังหลัง อย่างไรเสียก็ต้องมีคนช่วย อีกอย่าง เพื่อที่ฆาตกรจะมั่นใจได้ว่าซุนผินเหนียงเหนียงตายจริงหรือไม่ จะต้องกลับมายังสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง แม้จะไม่มาด้วยตนเอง ก็ต้องหาคนมาช่วยดู”
ฮ่องเต้เซวียนถ่งรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดมีเหตุผลมาก ยกมือขึ้นโบกพลางพูดว่า “เอาตัวคนพวกนี้ออกไป ลงทัณฑ์อย่างหนัก จนกว่าพวกเขาจะยอมสารภาพความจริงออกมา”
ทันใดนั้น ในตำหนักก็เต็มไปด้วยเสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิตของคนเหล่านั้น เพียงแต่ไม่ช้าก็ถูกอุดปากพร้อมกับลากตัวออกไปไม่สามารถเปล่งเสียงใดๆออกมาได้อีก
ฮ่องเต้เซวียนถ่งหันไปมองลูกชายตนเอง “เจ้าว่าเรื่องนี้ควรจะมอบหมายให้ใครจัดการดี”
คนที่ตายคือพระสนม แม้ว่าทางกรมคลังจะมีหน้าที่ตรวจสอบโดยตรง แต่อย่างไรเสียก็ต้องมีคนมาคอยกำกับดูแลจึงจะได้
ปกติแล้วเรื่องเช่นนี้จะมอบหมายให้รัชทายาทเป็นผู้ดูแลจัดการ แต่ว่าตอนนี้ฮองเฮาก็ถูกเชื่อมโยงว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ย่อมไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน
จ้านเป่ยเซียวแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปทางพระชายาของตนเอง “ลูกคิดว่า พระชายาของลูกรับหน้าที่นี้ได้”
“เอ๋”ฮ่องเต้เซวียนถ่งเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าลูกชายของตนเองจะมีความคิดเช่นนี้
“พระชายาได้เห็นกับตาตนเองเกี่ยวกับการตายของซุนผิน ไม่แน่ว่าอาจจะนึกถึงรายละเอียดต่างๆขึ้นมาได้ โดยเฉพาะนางเข้าใจเกี่ยวกับสภาพศพของซุนผินมากที่สุด บวกกับการอธิบายเมื่อครู่ของนางลูกรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้มอบให้นางไปตรวจสอบ ลูกจะยิ่งวางใจพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้นก็เหลือบตามองเขา ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็น สีหน้ายังคงเคร่งขรึมดุจเดิม ราวกับให้ความสำคัญกับคดีนี้มาก แต่เฟิ่งชิงหัวรู้ดี คนคนนี้ ต้องการจะเล่นงานนางโดยเฉพาะ
ถ้าหากนางสืบจนพบฆาตกรตัวจริง นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้าหากสืบหาไม่เจอ ถึงตอนนั้นชื่อเสียงไม่ดีย่อมตกอยู่ที่ตัวนาง
จ้านเป่ยเซียวประสานสายตากับหญิงสาว ไม่จำเป็นต้องทำไม่ดี มุมปากเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เย็นยะเยือก
ฮ่องเต้เซวียนถ่งนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็มอบหมายให้พระชายาเจ็ดไปจัดการ อีกอย่างให้สั่งการผู้ตรวจการหอต้าหลีรองเจ้ากรมพลเรือน ไปดูแลคดีนี้พร้อมกันด้วย”
เฟิ่งชิงหัวก้าวเข้าไปด้านหน้า เอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “หม่อมฉันรับบัญชา เพียงแต่หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งอยากจะร้องขอ อยากจะขอคนคนหนึ่งมาช่วยหม่อมฉันเพคะ”
“เจ้าต้องการให้ใครไปช่วย”
“ไป๋จื่อหยาง”เฟิ่งชิงหัวเอ่ยเสียงใส จากนั้นก็มองไปทางจ้านเป่ยเซียวอย่างท้าทายแวบหนึ่ง และเป็นดังคาดนางสบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเขา