พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 168 จวนเฉิงเซี่ยงพังทลาย
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 168 จวนเฉิงเซี่ยงพังทลาย
จ้านเป่ยเซียวผู้ซึ่งต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนในสนามรบ คิดว่าเขาบรรลุถึงขั้นที่เกิดเรื่องก็ไม่ตกใจและสงบแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นสายรุ้งสามนิ้วในฝ่ามือ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
เขาทำท่างี่เง่าโดยไม่รู้ตัว กุมมือเข้าหากัน ก็เห็นสายรุ้งตกลงมาที่ปลายนิ้วของเขา
เฟิ่งชิงหัวยิ้มและพูดว่า “สิ่งนี้สามารถเห็นได้เท่านั้น ไม่สามารถสัมผัสได้”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” จ้านเป่ยเซียวสงสัย
รุ้ง จะปรากฏในเวลากลางคืนได้อย่างไร
เฟิ่งชิงหัวยิ้มและพูดว่า “นี้เรียกว่าการหักเหของแสง ข้าจะบอกเจ้าอย่างไรดีนะ สายรุ้งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ รุ้งที่เรามักจะเห็นนั้นเกิดจากการสะท้อนของแสงและหยดน้ำในอากาศเมื่อถูกแสงแดด เกิดจากการสะท้อนและหักเหของแสง สิ่งนี้ข้าทำขึ้นเพราะข้าทำปริซึมด้วยอัญมณีสองก้อนนี้กับแสงจันทร์ในมุมที่พอเหมาะ ทิศทางการเดินทางของแสงหักเห และแยกแสงสีขาวดั้งเดิมออกเป็นแถบแสงสีแดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม และม่วง ดังนั้น แสงจันทร์จึงกลายเป็นสามสีอยู่ในอุ้งมือของเจ้า อันที่จริง ถ้าซูมเข้าไปอีกหน่อยจะเห็นสีทั้งหมดเจ็ดสี”
“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” จ้านเป่ยเซียวรู้สึกเพียงว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่ รุ้งไม่ใช่อะไร แต่การสามารถสร้างรุ้งได้ทุกที่ทุกเวลานั้นเก่งกาจมาก
เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างลวก ๆ “ตอนเป็นเด็กข้าเเบื่อ ๆ ข้าถือสิ่งของบางอย่างแล้ววาดไปมาก็ค้นพบ”
จ้านเป่ยเซียวพยักหน้าโดยไม่สงสัย เขามองสายรุ้งในมือ
จนกระทั่งดึกดื่น เฟิ่งชิงหัวได้หลับสนิทบนเตียงนุ่มๆ แต่ในห้องด้านใน จ้านเป่ยเซียวเหยียดฝ่ามือออกและจ้องมองอย่างตั้งใจ ไม่สามารถหลับได้
จวนเฉิงเซี่ยง ในขณะนี้ ได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว และบางครั้งก็มีเสียงตีฆ้องไม้ไผ่ดังขึ้นอย่างทุกคืน ทหารทหารอารักขาในจวนเริ่มหย่อนยานแล้ว ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ เพื่อพักผ่อน
ทันใดนั้น ทั่วทั้งจวนเฉิงเซี่ยงเกิดเสียงดังขึ้น เสียงดังกึกก้อง แม้แต่พื้นดินก็สั่นสะเทือน
เหล่าทหารอารักขาชักดาบเข้าหากัน อยากจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีใครโจมตีจวนเฉิงเซี่ยงในตอนกลางคืนหรือไม่
พื้นที่โดยรอบมืดครึ้ม ใบหน้าของคนที่เข้าใกล้เต็มไปด้วยฝุ่น ดูสกปรก
เดิมทีหนานกงจี๋หลับไปแล้ว เขาลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียง วิ่งออกไปก่อนที่เขาจะมีเวลาสวมเสื้อคลุม ยืนอยู่หน้าประตูแล้วตะโกนเสียงดัง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ทหารอารักขาวิ่งเข้ามาและพูดอย่างตัวสั่นต่อหน้าเขา “นายท่าน ไม่พบสิ่งผิดปกติ ไม่มีคนลอบสังหารจวนเฉิงเซี่ยง คือ คือ”
“คืออะไร!” หนานกงพูดอย่างโกรธจัด
“คือพื้นดินของจวนเฉิงเซี่พังทลายลงมา จากห้องทำงานไปจนถึงสวนหลังเรือน ทุกอย่างพังทลายลง และน้ำในสระก็ล้นออกมา นอกจากนี้ ห้องทำงานของท่านยังสั่นสะเทือนตกลงไปใต้ดิน อาจจะ อาจจะเป็นเพราะเกิดจากแผ่นดินไหวขอรับ?” ทหารอารักขาพูดอย่างระแวดระวัง
“พูดไร้สาระ! แผ่นดินไหวมาจากไหน เดี๋ยวก่อน ห้องทำงาน!” หนานกงจี๋ตอบสนอง ตกใจทันที และรีบเดินไปที่ห้องทำงาน
เห็นเพียงดอกไม้และต้นไม้ในอาคารซึ่งแต่เดิมปลูกอยู่บนพื้นดิน ตอนนี้จมอยู่ใต้ดินลึกสี่ห้าเมตร มองแวบเดียว มืดสนิทและมองไม่เห็นอะไรเลย
หนานกงจี๋ขาอ่อน เกือบจะหมดสติ
“เร็วเข้า ขุดที่นี่เร็ว เร็วเข้า” หนานกงจี๋พูดด้วยปากสั่นเทา คิดได้ว่าหินเหล่านี้หล่นลงไป คนผู้นั้นอาจประสบอุบัติเหตุ และผลที่ตามมานั้น หนานกงจี๋รู้สึกเพียงหลังที่เย็นเฉียบ
หนานกงจี๋รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ โดยหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และด้านล่างไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทหารอารักขาอุทานว่า “เฉิงเซี่ยง!”
หนานกงตกใจ เสียงสั่น “พบอะไร?”
ทหารอารักขาพูดว่า “เฉิงเซี่ยง เป็นตัวนิ่ม ตัวนิ่มเยอะมากขอรับ? ต้องเป็นตัวนิ่มที่ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน พื้นดินรับน้ำหนักไม่ไหวจึงถล่มลงไปขอรับ”
หนานกงจี๋พูดด้วยโทสะ “ฆ่าตัวนิ่มเหล่านี้ให้หมด!”
แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน และใต้ดินเป็นอาณาเขตของตัวนิ่ม เมื่อทหารอารักขาฟันดาบลงไป ตัวนิ่มเหล่านั้นก็มุดเข้าไปในถ้ำแล้ว
หนานกงจี๋ยืนอยู่ข้างบน เฝ้าดูทหารอารักขาเหล่านี้ถือดาบจัดการตัวนิ่มอย่างกระสับกระส่าย สีหน้าเขาบึ้งขรึมจนดูไม่ได้
หลังจากวุ่นวายมาทั้งคืน ในที่สุดทหารอารักขาเหล่านี้ก็เคลียร์เส้นทางออกมาได้ หนานกงจี๋กระโดดลงไปอย่างร้อนใจ ตามตำแหน่งของห้องลับ เมื่อเขาเห็นว่าถ้ำยังเพียงอีกครึ่งหนึ่ง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและอธิษฐานขอให้คนๆนั้นปลอดภัย
แต่หลังจากที่เขาเข้าไปในถ้ำ เขาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น และคนๆ นั้นหนีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“มานี่ ค้นจวนเฉิงเซี่ยงให้ทั่ว ทุกซอกทุกมุมก็ค้นให้หมด มีคนน่าสงสัยก็จับมาพบข้าทั้งหมด!” หนานกงจี๋พูดอย่างโกรธจัด
อย่างไรก็ตาม คนๆ นั้นดูเหมือนจะหายวับไปกับฝุ่น และไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ
ในวันรุ่งขึ้น เมื่อเฟิ่งชิงหัวได้ยินข่าว นางตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังและพูดไม่หยุดว่า “สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า!”
หลิวหยิ่งมองพระชายาอ๋อง จากนั้นก็มองนายท่าน ส่ายหัว คิดในใจว่าพระชายาอ๋องได้รับบาดเจ็บแบบไหนจากเฉิงเซี่ยงกัน และนางมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าเกิดแผ่นดินไหวในจวนเฉิงเซี่ยง
แม้แต่จ้านเป่ยเซียวยังพูดว่า “ถ้าเจ้ามีความสุข คืนนี้ข้าจะหาคนทำให้จวนเฉิงเซี่ยงอีกครึ่งหนึ่งถล่มลงมา”
หลังได้ยิน เฟิ่งชิงหัวอารมณ์ดีตลอดทั้งเช้า จนกระทั่งเห็นภาพวาดที่ฉีเป่าเจส่งมา
หลิวหยิ่งพูด “ก่อนอื่นคนๆนี้ปลอมตัวและถูกค้นพบโดยคนจองฉีเป่าเจ ตอนนี้นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเขา”
จ้านเป่ยเซียวชำเลืองมอง รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย หน้าตาดูธรรมดามาก และมองไปที่เฟิ่งชิงหัว “เจ้ารู้จักคนๆ นี้?”
“รู้จัก และคุ้นเคยมากด้วย ข้าไม่คิดว่าจะเป็นเขา” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฟิ่งชิงหัว แต่ในดวงตามีร่องรอยของความเย็นชา
หลิวหยิ่งรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าคน ๆ นี้ถึงวาระแล้ว ซึ่งน่าจะเคยทำให้พระชายาอ๋องไม่พอใจมาก่อน
“ข้าจะออกจากจวน” เฟิ่งชิงหัวประกาศเสียงดัง แต่สายตาของนางจับจ้องไปที่จ้านเป่ยเซียวเพื่อบอกเขาโดยเฉพาะ
ใจของหลิวหยิ่งกระตุก กลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอีก เขาหดคอโดยไม่รู้ตัว
คาดไม่ถึงว่าเสียงของนายท่านดังมาจากเหนือศีรษะ “เหม่ออะไรอยู่ ไม่ได้ยินว่าพระชายาอ๋องจะออกจากจวนหรือ ยังไม่รีบไปเตรียทรถม้า?”
มุมปากของหลิวหยิ่งกระตุก นายท่าน หลักการของท่านล่ะ บอกว่าพูดแล้วไม่คืนคำไม่ใชหรือ?
บทที่ 167 มอบสายรุ้งสามนิ้วให้เจ้า
บทที่ 169 ท่านอ๋องไร้หลักการ