พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 20 สันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยาก
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 20 สันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยาก
“คนเล่า ไปตายที่ไหนกันหมดแล้ว”จิ่งยี่เริ่มทำหน้าที่ขององครักษ์ เอ่ยเสียงดังขึ้นมา
ม่านเฉ่ากับเซียงเสว่รีบวิ่งออกมาจากห้องทันที คุกเข่าคำนับจ้านเป่ยเซียวอย่างพูดไม่ออก
จิ่งยี่พูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “คอของพวกเจ้าเป็นอะไรไป ทำไมจึงเหมือนถูกตัดลิ้นเลย”
ม่านเฉ่ากับเซียงเสว่รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาทันที
“เงยหน้าขึ้นมาตอบคำถาม ”จ้านเป่ยเซียวเอ่ยเสียงเย็น
ม่านเฉ่าเงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นแต่หนักแน่น แต่ในสายตานั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แต่เซียงเสว่กลับคิดถึงคำพูดของเฟิ่งชิงหัวขึ้นมา เผลดหดตัวลง เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก
ด้วยเหตุนี้ พวกจ้านเป่ยเซียวจึงได้เห็นทั้งสองคนที่เหมือนราวกับดอกลำโพงที่เหี่ยวเฉา หดตัวลงอย่างแห้งเหี่ยว โดยเฉพาะริมฝีปากที่แห้งจนแตกระแหง โดยเฉพาะบนริมฝีปากนั้นมีเลือดไหลซิบออกมา
“นี่พวกเจ้าเป็นอะไรไป แค่ลงโทษไม่ให้กินข้าวหนึ่งมือก็มีสภาพอย่างนี้แล้วหรือ”
ม่านเฉ่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย “พระชายาบอกว่า เพื่อแสดงความจริงใจต่อสิ่งที่นางกระทำผิดไป ไม่เพียงแต่ไม่กินอาหารค่ำ แม้แต่น้ำก็ห้ามดื่มอย่างเด็ดขาด พวกบ่าวเป็นคนของนาง จึงรับโทษแทนนาง”
จิ่งยี่ได้ยินดังนั้น ก็ทำเสียงจุ๊ปาก “ศิษย์พี่ พระชายาดูจะใจดำกว่าท่านเสียอีก อากาศร้อนขนาดนี้ ไม่ให้ดื่มน้ำ เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องแน่”
เหมือนจ้านเป่ยเซียวไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด ถามเสียงขรึมว่า “ตัวนางเล่า”
“พระชายา พระชายาอยู่ในห้องเพคะ”ม่านเฉ่าตอบคำถาม
“คงไม่ได้เป็นลมเพราะหิวเกินไปกระมัง”จิ่งยี่พูดแทรกขึ้น
จ้านเป่ยเซียวได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้ามองเข้าไปในเรือน พอดีกับที่ ประตูเรือนถูกเปิดออก เห็นเพียงหญิงสาวที่สวมชุดปกติยืนอยู่หน้าประตู
ทั้งสองสบตากันในระยะไกล ทั่วทั้งสี่ทิศ เงียบสงบไร้เสียงเคลื่อนไหว
จ้านเป่ยเซียวสายตาคมกริบ เฟิ่งชิงหัวรู้สึกถึงแค่ความไม่สบายใจ รู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง คงไม่ได้ถูกจับได้หรอกกระมัง
นิ่งไว้ ต้องนิ่งเอาไว้ น่าจะไม่เป็นอะไร
เฟิ่งชิงหัวแอบกำมือแน่น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าไปยังบันไดหิน เลียนแบบท่าทีของคุณหนูตระกูลใหญ่ ท่าทีสง่างาม เดินไปจนถึงตรงหน้าจ้านเป่ยเซียว คำนับอย่างนอบน้อม
“หม่อมฉันคำนับท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมาที่นี่ด้วยธุระอันใด”
คิ้วของจ้านเป่ยเซียวขมวดขึ้นเป็นปม รู้สึกว่ามีบางจุดที่ไม่ปกติ หญิงสาวคนนี้ ดูเชื่อฟังเกินไปแล้ว ไม่ปกติ
จิ่งยี่รู้สึกตกใจจนอ้าปากค้าง นี่มันนางปีศาจที่ระเบิดห้องยาของเขา และยังข่มขู่เขาด้วย
ทำไมตอนนี้จึงดูเหมือนหญิงสาวปกติทั่วไป เป็นเหมือนภรรยาทั่วไปไม่ผิดเพี้ยน เรียกได้ว่าตรงตามเกณฑ์เลยก็ว่าได้
เฟิ่งชิงหัวชูนิ้วโป้งให้กับตนเองในใจ ตอนนี้นางท้องว่างมาก กำลังรอให้สองคนนี้จากไปโดยเร็วแล้วจะสวาปามอาหารเลิศรสของนางให้หนำใจ
นางใช้เวลาทำถึงหนึ่งชั่วยาม แค่คิดน้ำลายก็แทบจะไหลออกมาแล้ว
“คือว่า เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ทำไมจึงเปลี่ยนไปขนาดนี้”จิ่งยี่เอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักอยู่บ้าง
เฟิ่งชิงหัวใช้แขนเสื้อปิดหน้าเอาไว้ เอ่ยอย่างละอายว่า “หม่อมฉันขังตัวเองในห้องเพื่อทบทวน คิดแล้วคิดอีก รู้สึกว่าก่อนหน้านี้กระทำการบังอาจเกินไป ตอนนี้แต่งงานเป็นภรรยาผู้อื่นแล้วจะกระทำเช่นนั้นไม่ได้ หลังจากยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจหม่อมฉันจึงตัดสินใจว่าจะไม่ยั่วให้ท่านอ๋องโมโหอีก จะระวังทั้งคำพูดและการกระทำ”
ซู้ด พูดมากเกินไป น้ำลายเกือบจะไหลออกมา
เฟิ่งชิงหัวรับรู้ได้ว่าดวงตาที่มีไฟลุกโชนอยู่กำลังจ้องมาที่ตนเอง ทิ่มแทงนางจนรู้สึกไม่สบายใจ
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้น ดวงตาสุกใสจ้องมองจ้านเป่ยเซียว “ท่านอ๋อง หรือว่าการที่ข้าเปลี่ยนเป็นคนเชื่อฟังแล้ว ท่านไม่ชอบหรือ”
จ้านเป่ยเซียวจ้องมองเฟิ่งชิงหัวด้วยสายตาลึกล้ำ จากนั้น ก็หมุนเก้าอี้รถเข็นจากไป
เฟิ่งชิงหัวระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก และพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หม่อมฉันน้อมส่งท่านอ๋องเพคะ”
จากนั้น ก็สั่งการสาวใช้ทั้งสองอย่างอดรนทนรอต่อไปไม่ไหวว่า “พวกเจ้ารีบไปนอนเถอะ ในเมื่อไม่ได้กินข้าว ก็ต้องประหยัดพละกำลังเอาไว้”
ว่าแล้วก็รีบวิ่งกลับไปยังห้องของตนเองทันที
เมื่อออกมาจากเรือน จิ่งยี่ก้มหน้าพลางเดินพลางพึมพำกับตนเองว่า “ไม่น่านี่นา ทำไมจึงรู้สึกแปลกชอบกล”
จ้านเป่ยเซียวสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดจา
เดิมทีคิดว่าไม่เหมือนอยู่บ้าง แต่ก็คิดไม่ออกว่าไม่เหมือนตรงไหน ทำให้รู้สึกปั่นป่วนเสียจริง
จิ่งยี่พูดต่อว่า “ว่ากันว่าสันดอนขุดง่าย สันดานเปลี่ยนยาก คนคนนี้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ หรือว่าก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น เช่นนั้นก็เสแสร้งได้ดีจริงๆ ”
หัวใจของจ้านเป่ยเซียวกระตุก เก้าอี้รถเข็นหยุดนิ่งกับที่
ดวงตาลึกล้ำของชายหนุ่มเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้ เหมือนกำลังใช้ความคิด ทันใดนั้น เขาก็หมุนตัว กลับไปยังเรือนแห่งนั้น