พลิกชะตาหมอยา - บทที่ 290 เข้าใจผิด
พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว บทที่ 290 เข้าใจผิด
“ชิงหัว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” หยูจีถามด้วยความสงสัย
“ท่านแม่ ข้ากำลังทำเสื้อผ้าอยู่” เฟิ่งชิงหัวจ้องไปที่ผ้าโดยไม่หันศีรษะ
“ว้าว ผ้านี้ดีมาก ตอนที่สวมใส่ต้องสบายมาก และสีก็สดใสมาก ชิงหัวใส่แล้วดูดีแน่นอน” หยูจีชม และไม่ลืมที่จะกัดขนมอีกคำหนึ่ง
เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างหมดหนทาง “ไม่ใช่ทำเพื่อข้า แต่ทำเพื่อลูกเขยที่ดีของท่าน เอารังแกข้าอยู่ทั้งวัน”
แต่หยูจีเลือกที่จะลืมประโยคสุดท้ายของเฟิ่งชิงหัวไปและพูดด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “ว้าว ภรรยาทำเสื้อคลุมให้สามี ช่างโรแมนติกเสียจริง อย่างที่คาดไว้ ลูกสาวของข้าเป็นภรรยาที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ พวกเจ้าสองคนหวานมากเลย”
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะสองครั้ง “ท่านแม่ อย่ารบกวนข้าเลย นั่งเล่นตรงนั้นเถอะ ข้าต้องคิดใหม่อีกครั้งว่าจะเริ่ใตัดชุดจากที่ไหน”
“เจ้าไม่รู้วิธีการทำหรือ?” หยูจีมองดูเฟิ่งชิงหัวจดจ่ออยู่กับเนื้อผ้า ราวกับว่าผ้าเหล่านั้นจะกลายเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปโดยอัตโนมัติเพียงแค่นางปล่อยพลังเข้าไป
เฟิ่งชิงหัวพูดไม่ออก “ท่านคิดว่าข้ามีใบหน้าที่ดูเหมือนข้าสามารถทำงานหัตถกรรมได้หรือ? คนงาม ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ แค่ต้องรับผิดชอบต่อความงามเท่านั้นก็เพียงพอ”
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เฟิ่งชิงหัวพูดจบ นางก็โดนหยูจีโจมตีอย่างหนัก
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดแบบนั้นเกี่ยวกับตัวเจ้า ยิ่งไม่ยอมให้เจ้าพูดคนงามเช่นนี้ เราไม่ใช่แจกันดอกไม้ ข้าเกลียดการถูกเรียกว่าแจกันดอกไม้ เพียงแค่เสื้อผ้าไม่ใช่หรือ ข้าจะสอนวิธีทำแก่เจ้า! ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้!” หยูจีพูดอย่างโกรธๆ
เฟิ่งชิงหัวกลืนน้ำลาย “ท่านแม่ ท่านทำเป็นจริงๆหรือ?”
“ข้าไม่เพียงทำเป็นเท่านั้น ยังรู้วิธีการเย็บปักถักร้อยอีกด้วย เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะสอนเจ้าจนเจ้าทำเป็น” ขณะที่นางพูด หยูจีก็หยิบกรรไกรขึ้นมาและเริ่มตัดทันที
เฟิ่งชิงหัวมองจากด้านข้างอย่างตกตะลึง นางหวังจริงๆ ว่าท่านแม่ของนางจะสามารถทำเสื้อผ้าได้ แต่เมื่อนางดูท่านแม่ตัดผ้าเป็นรูปทรงแปลกๆ หลายชนิดแล้ว ก็รู้เลยว่าไม่ดี จากนั้นนางก็พูดอย่างช้าๆ ราวกับเพิ่งนึกได้ “ท่านแม่ ท่านไม่ได้ดูขนาดเลย!”
หยูจีกลอกตา “ใครบอกว่าข้าจะช่วยเจ้าเย็บเสื้อผ้า”
“ถ้าอย่างนั้นท่านกำลังเยาะเย้ยข้าเหรอ? ผ้าผืนนี้แพงมากเลยนะ” หัวใจของเฟิ่งชิงหัวแทบแตกสลาย นางไม่รู้ว่าผ้าที่เหลือจะเพียงพอสำหรับทำชุดหนึ่งชุดหรือไม่
“ไม่ใช่ ข้าแค่ทำชุดเล็กๆ ให้เจ้าดู แล้วเจ้าก็ทำตามข้า”
เฟิ่งชิงหัวมีความสงสัยอยู่เสมอ แต่เมื่อนางเห็นหยูจีใช้กรรไกรตัดด้วยความเร็วที่คล่องแคล่วเป็นพิเศษ ผ้าในมือของนางมีรูปร่างทีละน้อยและกางออกทีละชิ้นบนโต๊ะ ดวงตาของเฟิ่งชิงหัวก็เปลี่ยนทันที
“ท่านแม่ ท่านเก่งมากเลย” ดวงตาของเฟิ่งชิงหัวเป็นประกาย
“อืม” หยูจีกระพริบตาอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “มาเลย ตัดผ้าตามขนาดก่อน”
“อ่อ อื้อ” เฟิ่งชิงหัวหยิบกระดาษที่มีขนาดกำกับไว้ จากนั้นมองหยูจี
“มองข้าทำไม ตัดเลย”
“เอ่อ การตัดครั้งแรก จะตัดอย่างไร?” เฟิ่งชิงหัวถามอย่างไร้ยางอาย
“เฮ้อ เจ้าช่างโง่จัง ดูนี่สิ นี่คือพู่กันสำหรับวาดผ้า ขีดแล้วตัดตามเส้นได้เลย”
“แล้วข้าจะวาดยังไงดี?” รอยยิ้มของเฟิ่งชิงหัวเต็มไปด้วยความอาย นางฉลาดและรู้ทุกอย่าง แต่สำหรับคำแนะนำของหยูจี นางแค่อยากจะบอกว่า: มันยากเกินไป
ในท้ายที่สุด หยูจีเป็นคนสอนนางถึงวิธีการวาดเส้นและวิธีเว้นช่องว่างสำหรับการเย็บ ดังนั้นนางจึงตัดผ้านเสร็จอย่างทุลักทุเล
เมื่อมองไปที่ผ้าชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก เฟิ่งชิงหัวเบิกดวงตาโตและสวยงามคู่นั้นอีกครั้ง และถามคำถามที่วันนี้ถามมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งว่า “อะไรต่อล่ะ?”
เวลาที่ยุ่งมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ และเมื่อถึงเวลาที่เฟิ่งชิงหัวรู้ว่าผ้าชิ้นไหนควรจะเย็บเข้าด้วยกันภายใต้การแนะนำของหยูจีแล้ว พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดิน
“ชิงหัว ค่อยทำพรุ่งนี้เถอะ ข้าหิวแล้ว” เมื่อได้อาหารแล้ว หยูจีก็เปลี่ยนจากอาจารย์ที่เข้มงวดเป็นแม่ที่อ่อนโยนและน่ารักทันที
เฟิ่งชิงหัวยังคงต่อสู้กับเศษผ้าเหล่านั้น เหมือนกับเผชิญหน้ากับกองซากศพที่คลี่ออกและศึกษาวิธีการเย็บเข้าด้วยกัน
เฟิ่งชิงหัวพูดโดยไม่หันมา “ท่านให้ ม่านเฉ่าเตรียมอาหารให้ท่าน ข้าดูอีกนิด”
“ข้าอยากทานอาหารที่ชิงหัวทำ” ท่านแม่มองไปที่เฟิ่งชิงหัวอย่างน่าสงสาร
เฟิ่งชิงหัวพูดอย่างจนปัญญา “ท่านแม่ วันนี้ข้าไม่มีเวลา ท่านทานง่ายไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าข้าจะทำให้ท่าน?”
หยูจีเม้มริมฝีปาก “ชิงหัว เจ้ารังเกียจข้าหรือเปล่า?”
“เปล่า ข้าแค่ไม่ว่าง
หยูจีเบะปากและวิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เฟิ่งชิงหัวคิดเพียงว่านางกำลังตามหาม่านเฉ่าเพื่อขอทานอาหารเลยไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ นางยังคงใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดกองผ้าและวางมันลงทีละน้อย และทำการเปรียบเทียบ
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงจากข้างนอก “ไฟไหม้แล้ว รีบมาดับไฟเร็ว”
เสียงนี้เป็นม่านเฉ่า
เฟิ่งชิงหัวนึกถึงหยูจีในทันที และวิ่งออกไป ไปทางครัวเล็ก แล้วเห็นควันหนาทึบลอยอยู่ตรงนั้น คนที่ถูกม่านเฉ่าพยุงออกมาคือหยูจี
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป? เหตุใดจึงไปที่ครัวเล็กกันเล่า?” เฟิ่งชิงหัวมองดูทั่วร่างของหยูจีที่เป็นสีเทาไปหมด ใบหน้าของนางก็เป็นสีดำและขาว กังวลว่านางได้รับบาดเจ็บตรงไหน
เมื่อหยูจีเห็นเฟิ่งชิงหัว นางก็เบะปากและเริ่มร้องไห้ พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของนางและร้องไห้เสียงดัง “ชิงหัว ข้าแค่อยากจะไปที่ครัวเพื่อหาอะไรกิน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดไฟไหม้ขึ้นมา”
ม่านเฉ่าพูดอยู่ด้านข้าง “พระชายา ตอนที่ฮูหยินกำลังทำอาหาร หม้อรั่วน้ำมันไหลออกไป ทำให้เกิดไฟไหม้เพคะ”
เฟิ่งชิงหัวมองไปยังหยูจีโดยพูดอะไรไม่ออก แต่ก็บังเอิญเห็นนางแอบดูสีหน้าของนางด้วยท่าทางกลัวๆ
คือท่านแม่ของนางกำลังแอบร้องไห้
เฟิ่งชิงหัวหัวเราะและพูดว่า “ท่านแม่ ท่านบอกว่าข้าท่านทำเป็นทุกอย่าง ไม่ใช่แจกันดอกไม้ไม่ใช่รึ?”
หยูจีพูดอย่างอ่อนแรง “ยกเว้นการทำอาหาร”
จากนั้นก็ทุบอกเฟิ่งชิงหัวอย่างไม่ยอม “เจ้าเองก็ยังทำเสื้อผ้าไม่เป็นดวยนี่”
เฟิ่งชิงหัวถูกแทงเข้าถึงใจทันที
“เอาล่ะ ม่านเฉ่า เจ้าพาท่านแม่ของข้าไปอาบน้ำ แล้วค่อยไปที่ครัวใหญ่เพื่อเอาอาหาร ข้าจะจัดการที่นี่”
เฟิ่งชิงหัวดับไฟด้วยน้ำจากบ่อน้ำด้านข้าง แต่ของในครัวเล็กนี้ใช้ไม่ได้แล้ว
เฟิ่งชิงหัวเช็ดเหงื่อแล้วเดินออกมาจากครัวเล็ก แต่ดันบังเอิญเจอจ้านเป่ยเซียวที่รีบเข้ามาหลังจากได้ยินข่าว ทั้งสองคนมองหน้ากัน
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิ่งชิงหัวก็พูดด้วยความลำบากใจ “เอ่อ ไม่ระวัง เลยติดไฟ”
จ้านเป่ยเซียวกล่าว “เฟิ่งชิงหัวเจ้าจงใจที่จะแก้แค้นใช่หรือไม่ อยากจะเผาจวนอ๋องหมดเลยรึ เจ้าหยุดไม่ได้หรือรึไง?”
เฟิ่งชิงหัวพูดทันที “ไม่ใช่ ข้า ข้า…”
“เอาล่ะ ชุดนั้น ถ้าเจ้าไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำ ข้าบังคับเจ้าแล้ว” หลังจากที่จ้านเป่ยเซียวพูดจบ เขาก็หันหลังจากไป
เฟิ่งชิงหัวมองเขาก้าวเดินจากไป นางยืนเหม่ออยู่ที่เดิม
ความรู้สึกเปรี้ยวแล่นเข้ามาในใจ
ไล่ตามไปพูดอะไร พูดว่าไม่ใช่นาง แต่เป็นแม่ของนางที่เผาครัวเล็กรึ?
แต่สติของแม่นางไม่ดี และนางดูแลได้ไม่ดี
แต่ในใจของเฟิ่งชิงหัวยังคงเสียใจ ความรู้สึกนี้ รู้สึกไม่ดียิ่งว่าถูกคนอื่นเข้าใจผิดหลายเท่า
เฟิ่งชิงหัวกลับไปที่ห้องช้าๆ มองผ้าต่างๆ บนโต๊ะ และนึกถึงคำพูดของจ้านเป่ยเซียวขึ้นมาได้ รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
“ช่างเถอะ ถูกเข้าใจผิดก็ถูกเข้าใจผิดก็แล้วกัน ไม่ต้องทำพอดี ข้าว่างและสบาย” เฟิ่งชิงหัวพึมพำ
เฟิ่งชิงหัวม้วนผ้าเหล่านั้นแล้วยัดเข้าไปในตู้อย่างลวก ๆ และเริ่มนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างโต๊ะ
หยูจีอาบน้ำชำระร่างกายและถูกเม่าเฉ่าพยุงเข้ามา เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ เดิมทีนางที่ยังคงยิ้มอยู่ก็หน้าเสียทันที และเดินเข้าไปหาเฟิ่งชิงหัวอย่างระมัดระวัง “ชิงหัว”
เฟิ่งชิงหัวเงยหน้าขึ้นและฝืนยิ้มให้นาง “อาบน้ำสะอาดแล้ว งั้นเม่าเฉ่าไปเอาอาหารเถอะ”
“เพคะ พร้อมกับของพระชายาด้วยหรือไม่? หรือท่านจะไปทานอาหารเย็นกับท่านอ๋องในห้องโถงใหญ่เพคะ?” ม่านเฉ่าถาม
เฟิ่งชิงหัวนิ่งไปครู่หนึ่ง “เอาสองชุดก็แล้วกัน”
หยูจีนั่งอยู่ข้างๆเฟิ่งชิงหัว รู้สึกได้ว่านางไม่ร่าเริง นึกว่านางยังคงโกรธอยู่ จึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบา “ชิงหัว ข้าคิดว่าสามารถทำได้ดี ข้าไม่เคยทำอาหารให้เจ้า ข้าอยากจะทำให้เจ้าลองชิมดู”
เฟิ่งชิงหัวฟังคำพูดของนาง ดวงตาของนางแสบ นางกอดหยูจีไว้ในอ้อมแขน ปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยน “ท่านแม่ ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องกลัว ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ”
หยูจีใช้โอกาสนี้กอดนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ข้าดูเหมือนจะไม่มีพรสวรรค์ในการทำอาหาร ดังนั้นต่อไปยังคงเป็นชิงหัวที่ทำให้ข้า ข้าจะสอนชิงหัวทำเสื้อผ้าให้เป็นเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อที่จะทำให้ลูกเขยของข้าประทับใจ!”