พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1131 พนัน
ทุกคนต่างพากันหันมามองรพีพงษ์ เหมือนคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าพูดอะไรออกมาในจังหวะนี้
ธุวชิตก็หันมามองรพีพงษ์เช่นกัน สีหน้าของเขาเย็นชา
“อะไร แกกำลังสงสัยในฝีมือการแพทย์ของข้าอย่างนั้นเหรอ ตระกูลณัฐรัชต์ของพวกแกเชิญข้ามารักษาโรค สุดท้ายก็ไม่มั่นใจในฝีมือการรักษาของฉัน นี่กำลังจงใจทำให้ฉันขายหน้าใช่ไหม” ธุวชิตพูดอย่างเย็นชา
คนในตระกูลณัฐรัชต์ต่างพากันร้อนใจขึ้นมา อีกอย่างคนที่พูดไม่ใช่คนของตระกูลณัฐรัชต์ด้วยซ้ำ
ผลอุดมตื่นตระหนก เพราะเขาต้องการให้ธุวชิตมารักษาอาการป่วยของภรรยาตัวเอง ตอนนี้มีคนมาพูดเช่นนี้ นี่เป็นการหาเรื่องชัดๆ
“หมอเทวดาชิต คนนี้ไม่ใช่คนของตระกูลผม คุณอย่าเข้าใจตระกูลของเราผิดเพราะเหตุนี้นะครับ” ผลอุดมพูดอ้อนวอนธุวชิต
คนในตระกูลณัฐรัชต์ต่างพากันตำหนิรพีพงษ์ และจะตัดความสัมพันธ์กับรพีพงษ์
“ใช่ หมอเทวดาชิต ไอ้หมอนี่ไม่ใช่คนของตระกูลเรา พวกเราไม่รู้เหมือนกันว่ามันโผล่มาจากไหน”
“หมอเทวดาชิต ไอ้หมอนี่มันไม่รู้อะไรสักอย่าง คุณอย่าใส่ใจคำพูดของมันเลย”
“ไอ้หมอนี่เป็นเพื่อนของคุณผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเขาตั้งใจมาก่อเรื่อง”
……
ธีรเดชมองรพีพงษ์อย่างเกลียดชัง ราวกับว่าถือไพ่เหนือกว่ารพีพงษ์อย่างไรอย่างนั้น เขาสบถออกมาว่า “แกหมายความว่าอะไร นักเรียนแพทย์คนนี้ของหมอเทวดาชิตอธิบายไว้ชัดเจนแล้ว ตอนที่เขากำลังทำหน้าที่แพทย์คนอื่นอย่ามายุ่ง”
“แกพูดแบบนี้ในตอนนี้หมายความว่ายังไง แกเป็นเพื่อนของนลิน ตอนนี้แกไม่อยากให้แม่ของนลินได้รับการรักษาเหรอ ไม่รู้ทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีคนแบบนี้”
รพีพงษ์เบะปากแล้วพูดว่า “ผมแค่เตือนเขาด้วยความซื่อสัตย์เท่านั้น อย่าบอกนะว่าจะรอให้เขาทำคนตายก่อน ผมถึงจะพูดได้”
หลังจากที่ธุวชิตได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด เขาก็ลุกขึ้นมาทันที จากนั้นจึงก่นด่าออกมา “พวกแกเชิญฉันมา เพื่อที่จะทำให้ฉันอับอายใช่ไหม รักษาคนให้ตายอย่างนั้นเหรอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากพวกแก ฉันเป็นหมอมาหลายปี ไม่เคยรักษาใครจนตายมาก่อน นี่พวกแกกำลังดูถูกฉันชัดๆ !”
“ฉันไม่รักษาแล้ว พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่มาที่เมืองภูเขาขาวอีก คนเมืองภูเขาขาวจะว่าตระกูลณัฐรัชต์ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน!”
นักเรียนแพทย์คนนั้นก็มองรพีพงษ์อย่างโกรธเคือง เขาตะโกนออกมาว่า “นายนี่น่ารังเกียจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าดูถูกอาจารย์ของฉัน เขาเป็นหมอเทวดาในโลก คนอย่างนายมีสิทธิ์อะไรไปดูถูกเขา นายรีบมาคุกเข่าขอโทษอาจารย์ของฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพวกเราจะป่าวประกาศเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้คนอื่นรู้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกนายลำบากแน่!”
รพีพงษ์ปรายตามองนักเรียนแพทย์คนนั้น แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเด็กน้อยขี้โวยวาย นายไม่มีสิทธิ์พูดอะไรที่นี่”
พูดจบ เขาก็ขยับมือเบาๆ แรงถูกส่งออกมาจนสามารถปิดปากนักเรียนแพทย์คนนั้น ตอนนี้ถึงเขาอยากจะพูดก็ไม่สามารถพูดได้อีก
สีหน้าของนักเรียนแพทย์คนนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ได้ เลยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
รพีพงษ์มองไปที่ธุวชิตแล้วพูดขึ้นว่า “ผมว่าคุณไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกหรอก แต่คุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ก็เลยหาโอกาสให้ตัวเอง”
ใบหน้าชราของธุวชิตโกรธขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าพูดขนาดนี้ ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังพูดถูกอีกด้วย
ถ้าตอนนี้เขาไม่หาวิธีกู้หน้าตัวเองกลับมา ถ้าเกิดเรื่องนี้ถูกพูดออกไป จะต้องส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของเขาอย่างแน่นอน
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร คนของตระกูลณัฐรัชต์ก็นั่งไม่ติดแล้ว
“นี่ไอ้หนุ่ม ตระกูลณัฐรัชต์ของเราไม่ได้เคียดแค้นอะไรกับนาย อีกทั้งได้ยินมาว่านายเป็นเพื่อนของนลิน ทำไมนายถึงจงใจพูดแบบนี้ใส่หมอเทวดาชิตในเวลาแบบนี้ อย่าบอกนะว่านายไม่อยากให้เขารักษาอาการป่วยของแม่นลิน” ปิยะพลจ้องรพีพงษ์แล้วเอ่ยขึ้น
ผลอุดมก็มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าโกรธเคือง “อาการป่วยของภรรยาฉัน มีเพียงหมอเทวดาชิตเท่านั้นที่จะรักษาได้ นายทำแบบนี้เป็นการทำร้ายตระกูลฉันชัดๆ นลินกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว ตอนนี้อาการป่วยของแม่เธอก็ไม่สามารถรักษาได้ ต่อจากนี้ฉันจะอยู่ยังไง!”
“พ่อ ผมว่าไล่ไอ้พวกที่ชอบหาเรื่องออกไปเถอะ แล้วก็สั่งสอนมันแทนหมอเทวดาชิตด้วย ถึงมันจะเป็นเพื่อนของนลินแล้วยังไง มันมีแต่จะสร้างความวุ่นวายให้ตระกูลเรา” ธีรเดชจ้องรพีพงษ์เขม็ง
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของพวกเขาก็หัวเราะออกมา “พวกคุณอย่าเพิ่งร้อนใจสิ ถ้าหมอเทวดาชิตมีฝีมือทางการแพทย์เลิศล้ำจริงๆ ทำไมต้องกลัวความสงสัยจากคนอื่นด้วยล่ะ”
“คำพูดของผมมันเป็นไปตามหลักการจริงๆ แต่ในเมื่อเทวดาชิตมาแล้ว สู้ให้เขาพิสูจน์ฝีมือทางการแพทย์ให้ทุกคนเห็นจะดีกว่า”
“ถ้าคุณสามารถรักษาอาการป่วยของเธอได้จริง ผมจะขอโทษคุณทันที คุณจะให้ผมทำยังไงก็ได้ ผมจะไม่กลับกลอกเลย ว่ายังไงล่ะ”
ธุวชิตหรี่ตาลง เขารู้สึกว่าไอ้เด็กนี่จะต้องเล่นงานเข้าแน่นอน ถ้าเขายังเอาแต่ดึงดันที่จะไป มันก็เท่ากับว่าเขากำลังกลัว
เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงของตัวเองไว้ เขาจึงทำได้เพียงรักษาผู้ป่วยให้หาย ถึงจะสามารถเอาคืนรพีพงษ์ได้
เขาสูดหายใจลึกแล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า “ได้ ในเมื่อแกพูดแบบนี้ งั้นวันนี้ฉันจะทำให้เด็กที่โอหังแบบแกได้รู้ว่าชื่อเสียงที่มีมาหลายปีของฉัน ไม่ใช่ได้มาง่ายๆ”
รพีพงษ์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาไม่ได้กังวลว่าธุวชิตรักษาแม่ของนลินเช่นนี้แล้วจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
ในเมื่อเป็นพิษที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากความสามารถของเขาแล้ว ถ้าไม่เกิดปัญหาอะไรที่หนักหนา เขาก็สามารถช่วยได้
เมื่อคนตระกูลณัฐรัชต์เห็นว่าธุวชิตรับปากรพีพงษ์ ก็ไม่ไล่รพีพงษ์ออกไปอีก และรอให้ธุวชิตรักษาโรคให้เรียบร้อย หลังจากนั้นค่อยคิดบัญชีกับรพีพงษ์
ผลอุดมเห็นธุวชิตรับปากรักษาโรคก็โล่งใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ธุวชิตจะต้องงัดความรู้ทั้งหมดออกมารักษา ไม่ว่ายังไงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ธีรเดชจ้องรพีพงษ์ จากนั้นจึงหัวเราะแบบอวดดี “ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเดิมพันกับหมอเทวดาชิตแบบนี้ สมองแกมีปัญหาไปแล้วหรือไง เดี๋ยวถ้าหมอเทวดาชิตรักษาโรคหาย ฉันจะจัดการแกเป็นคนแรก”
ธุวชิตนั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง หลังจากที่เขามองแม่ของนลิน เขาจึงหยิบเข็มเงินออกมาอีกครั้ง
รพีพงษ์ส่ายหน้า ดูเหมือนว่าหมอเทวดาชิตไม่รู้จริงๆ ว่าต้องรักษาพิษยังไง
ธุวชิตเอาเข็มเงินที่อยู่ในมือฝังลงไปที่หน้าอกแม่ของนลิน
จู่ๆ สีหน้าแม่ของนลินก็แสดงความเจ็บปวดออกมา แต่ไม่นานสีหน้าของเธอก็ดีขึ้น
ธุวชิตเข้าใจว่ามันได้ผล เขามีสีหน้าได้ใจ
คนของตระกูลณัฐรัชต์ก็มีสีหน้าเลื่อมใสเขา และพากันคิดในใจว่าหมอเทวดาชิตเก่ง แค่ลงมือก็เห็นผลแล้ว
แต่ธุวชิตดีใจได้ไม่นาน สีหน้าแม่ของนลินก็เปลี่ยนไป เธอกระอักเลือดสีดำออกมา