พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1138 แค่ไม่อยากสนใจนายเท่านั้นเอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1138 แค่ไม่อยากสนใจนายเท่านั้นเอง
“แก!”
ดนัทธ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด สีหน้าของเขาก็โกรธขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาโมโหเป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนรูปร่างอ่อนแอแบบรพีพงษ์จะกล้ามาพูดจาไร้มารยาทกับเขา นี่มันไม่ไว้หน้าเขาชัดๆ ขณะเดียวกันเมื่อคำพูดของรพีพงษ์ไปเข้าหูของพวกลูกคนรวย จู่ๆ ทุกคนพากันตื่นเต้นและเริ่มพากันเรียกชื่อดนัทธ์
“ดนัทธ์ ไอ้หมอนี่มันกล้าพูดแบบนี้กับนาย นายจะทนทำไมอีก รีบสั่งสอนมันสักหน่อยสิ!”
“ใช่ รีบสั่งสอนให้มันรู้ว่าถ้าอยากมีชีวิตอยู่อย่าปากดี ฉันว่าวันนี้ไอ้หมอนี่ต้องถูกโยนออกไปอย่างแน่นอน ตอนแรกกะจะมาหาข้าวกินสินะ แต่กลัวว่าจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้วสิ!”
พวกเขาคิดว่าร่างกายของดนัทธ์กับรพีพงษ์แตกต่างกันมาก ไม่ว่ายังไงพวกเขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะสู้กับดนัทธ์ได้ มันรนหาที่ตายชัดๆ เมื่อได้ยินเสียงของพวกลูกคนรวย ดนัทธ์ก็โมโหขึ้นมาทันที เขายกหมัดขึ้นมากะจะชกไปที่หัวของรพีพงษ์
ขณะนั้นเอง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ทุกคนมองไม่เห็นว่ารพีพงษ์เคลื่อนไหวอย่างไร เห็นเพียงแค่รพีพงษ์ยกมือขึ้นมาจับหมัดของดนัทธ์ไว้ เมื่อดนัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์เหิมเกริมกับเขา ก็ยิ่งทำให้เขาโมโหเข้าไปใหญ่ เขาไม่ได้คิดว่าจะทำให้รพีพงษ์ตายในหมัดเดียว เพราะเขาคิดว่ามันง่ายเกินไป เขาจึงอยากเล่นกับไอ้หมอนี่สักหน่อยและทำให้มันอับอาย จากนั้นค่อยลงมือฆ่ามันที่นี่ จู่ๆ เขาก็คลายหมัดเป็นฝ่ามือและจับมือของรพีพงษ์เอาไว้แน่น
เดิมทีเขาจะใช้โอกาสจากการที่จับมือทักทายกับรพีพงษ์ ให้รพีพงษ์สัมผัสถึงพละกำลังของเขาและจะได้อ้อนวอนร้องขอชีวิตจากเขา รพีพงษ์จะได้อับอายต่อหน้าทุกคนและทุกคนจะได้ดูถูกเขาอย่างสาสม ตอนนี้รพีพงษ์ยื่นมือออกมา มันอยู่ตรงกลางท้องของเขาพอดี ฝ่ามือทั้งสองจับกัน จู่ๆ ดนัทธ์ก็แสยะยิ้มเย็นชาออกมา เหมือนว่าเขาเห็นภาพที่รพีพงษ์กำลังโอดครวญเพราะความเจ็บปวดอยู่ตรงหน้าเขา และร้องขอชีวิตจากเขาไม่หยุด
เมื่อถึงตอนนั้นก็เป็นตอนที่เขาทำให้ไอ้หมอนี่อับอาย เมื่อกี้กล้าที่จะพูดจาไร้มารยาทกับเขา หลายปีมานี้มีคนน้อยมากที่กล้าพูดกับเขาแบบนี้ แต่ทว่าวินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกว่าเหมือนมือที่กำลังจับไม่ใช่มือของรพีพงษ์ มันเหมือนกับแผ่นเหล็ก ไม่ว่าเขาจะใช้แรงที่ฝ่ามือแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้ขยับได้เลยแม้แต่นิดเดียว
รพีพงษ์ยังคงมีสีหน้าไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ไม่มีท่าทีที่แสดงถึงความเจ็บปวด เขารับรู้ได้ทันทีว่าไม่ควรจะเพิ่มแรงที่ฝ่ามือตามจิตใต้สำนึกของตัวเอง รพีพงษ์ใช้มืออีกข้างยกแก้วชาตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า พวกลูกคนรวยรวมไปถึงธีรเดชต่างพากันเบิกตาโพลง ธีรเดชตะโกนเรียกดนัทธ์
“ดนัทธ์ มัวอึ้งอะไรอยู่ ยังไม่รีบจัดการมันอีก ไอ้หมอนี่มันเหิมเกริมเกินไปแล้ว”
เมื่อพวกลูกคนรวยได้ยินที่ธีรเดชพูดก็รีบตะโกนขึ้นมาทันที
“ใช่ รีบให้ไอ้กระจอกนี่คุกเข่าลงขอโทษนายเลย ถ้าให้ดีให้มันเอาหัวโขกพื้นด้วย ถ้ามันยอมเอาหัวโขกพื้น ไม่แน่เราอาจจะเหลืออาหารหลังจากที่เราทานเสร็จให้มันห่อกลับไปด้วย หรือไม่วันนี้มันอาจจะไม่มีโอกาสกินอาหารเหลือก็ได้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่คนรอบๆ พูดกัน จู่ๆ ดนัทธ์ก็โกรธมาก เพราะเขารู้แก่ใจดีว่าไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ทำอะไร แต่ทว่าเขาใช้แรงไปหมดแล้ว แต่ไม่สามารถทำอะไรรพีพงษ์ได้เลย นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน เขาตกใจเป็นอย่างมาก เขาเชื่อมั่นในพละกำลังของเขามาตลอด
เขากัดฟันกรอดและใช้แรงไปที่ฝ่ามืออีกครั้ง แต่ทว่ารพีพงษ์กลับหันมายิ้มแล้วพูดว่า
“อะไรกัน นายไม่ได้ทานข้าวเหรอ ใช้แรงอีกสักหน่อยสิ ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย”
“อะไรนะ”
เมื่อดนัทธ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดเขาก็สบถออกมาทันที ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เชื่อว่าไอ้คนกระจอกตรงหน้าจะทนกับพละกำลังอันมหาศาลของเขาได้ นี่มันเป็นคนหรือเปล่า
เขากัดฟันกรอด เขายื่นมืออีกข้างหนึ่งออกมาจับไปบนมือของรพีพงษ์อย่างแรง เขาใช้แรงทั้งหมดที่มี แต่ถึงอย่างนั้น รพีพงษ์ก็ยังคงยิ้มบางๆ เมื่อคนพวกลูกคนรวยเห็นภาพตรงหน้าต่างก็พากันแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
อย่าบอกนะว่าดนัทธ์ไม่มีปัญญาจัดการกับไอ้กระจอกนี่ มันเป็นใครมาจากไหนกันแน่ จู่ๆ ทุกคนก็เงียบลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก แต่ทว่าธีรเดชกลับไม่รู้อะไร สิ่งที่เขารู้ก็คือว่าเขารอเวลานี้มานานมาก ตอนนี้เขาอยากเห็นรพีพงษ์คุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตเท่านั้น
เขาพูดกับดนัทธ์อย่างอดไม่ได้ว่า “มัวรออะไรอยู่ล่ะดนัทธ์ รีบสั่งสอนไอ้กระจอกนี่สิ”
เมื่อดนัทธ์ได้ยินธีรเดชยังพูดแบบนี้กับตัวเอง ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาเหงื่อแตกเต็มหน้า จู่ๆ เขาก็โกรธเป็นอย่างมาก เขาปล่อยมือทั้งสองข้างที่กำลังจับมือของรพีพงษ์ วินาทีต่อมาเสียงตบดังสนั่นขึ้น ทุกคนที่อยู่รอบๆ เบิกตาโพลง ธีรเดชเอามือกุมหน้าตัวเองอย่างมึนงง ใบหน้าซีกหนึ่งของเขาแดงก่ำและมองเห็นได้ด้วยตาว่ามันกำลังบวมเป่งขึ้นมา
เขามองดนัทธ์ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ดนัทธ์ถึงตบเขา จึงถามออกไปทันทีว่า
“นาย นายทำอะไร นายตบฉันทำไม”
ไม่รอให้ดนัทธ์เอ่ยปาก น้ำเสียงราบเรียบของรพีพงษ์ก็ดังขึ้นมาในห้องอาหาร
“เขาตบนายทำไมอย่างนั้นเหรอ การที่เขาตบนายก็เพราะเขาไม่มีปัญญาจัดการฉันยังไงล่ะ ส่วนนายก็ใส่ไฟเขาจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร นี่นายกำลังทำให้เขาอับอายชัดๆ”
“หุบปากไปเลยไอ้กระจอก ทำไมคนที่ฉันเชิญมาจะทำอะไรแกไม่ได้ แกเชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันสามารถจัดการแกได้!”
เมื่อได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ธีรเดชโมโหขึ้นมาทันที มือข้างหนึ่งกุมแก้ม ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชี้ไปที่รพีพงษ์อย่างเคียดแค้น