พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1140 ฝ่ามือฆ่าในวิเดียว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1140 ฝ่ามือฆ่าในวิเดียว
แต่หลังจากที่เห็นภาพเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาโชคดีมากที่เมื่อกี้คนที่เข้าไปจัดการรพีพงษ์ไม่ใช่ตัวเขาเอง ไม่งั้นเขาคงมีจุดจบแบบนั้น จู่ๆ เขาก็ใช้นิ้วมืออันสั่นเทาชี้ไปที่รพีพงษ์แล้วพูดว่า
“รอก่อนเถอะไอ้กระจอก แกบ้าไปแล้วที่กล้าทำร้ายคน ฉันจะแจ้งตำรวจ แกรอโดนจับได้เลย ฉันต้องทำให้แกอยู่ในคุกตลอดไป!”
เขาพูดพลางหยิบมือถือออกมาและทำเป็นโทรออก ขณะนั้นเองรพีพงษ์มันทันได้พูดอะไร ก็เห็นไม้เท้าลอยเข้ามาทางประตู มันพุ่งมาที่หัวของธีรเดชจนทำให้เขามึนงงไปหมด เขาทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้วเอามือกุมหัว ธีรเดชโมโหและหันไปตวาดรพีพงษ์
“ให้ตายเถอะ แกกล้าทำร้ายฉันอย่างนั้นเหรอ แกเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม ถ้าฉันไม่ฆ่าแกอย่าเรียกฉันว่าธีรเดช!”
“แกจะฆ่าใคร”
ขณะนั้นเองก็มีเสียงของคนชราดังขึ้นที่หน้าประตู เมื่อธีรเดชได้ยินเสียงนั้นก็สั่นไปทั้งตัว เขาหันไปมองที่ประตูด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็สะดุ้งโหยง ธีรเดชถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณมาได้ยังไง”
คนที่อยู่หน้าประตูไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือนลินกับผลอุดม ตอนนี้นลินกำลังประคองผลอุดม ไม้เท้าเมื่อกี้เป็นไม้เท้าที่ผลอุดมโยนออกมา การที่เขามาที่นี่เพราะต้องการจะบอกเรื่องเรื่องหนึ่งกับรพีพงษ์ แต่กลับเจอเหตุการณ์นี้พอดี รพีพงษ์เพิ่งรักษาภรรยาของเขาให้หายดี เขาเป็นผู้มีพระคุณของตระกูล เขาไม่ทันได้ขอบคุณรพีพงษ์ แต่ไอ้เด็กนี่กลับจะโทรเรียกตำรวจมาจับรพีพงษ์ ทำให้เขาโกรธจนโยนไม้เท้าออกไป
“หึ ฉันมาได้ยังไงเหรอ แกนี่มันอกตัญญูจริงๆ แกยังมีหน้ามาถามฉันอีกเหรอ แกก็รู้ว่าคุณรพีพงษ์เป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเรา แล้วตอนนี้แกกำลังทำอะไรอยู่”
“ผม…”
เมื่อได้ยินคำพูดของผลอุดม ธีรเดชก็พูดตะกุกตะกักขึ้นมา เดิมทีเขาจะจัดการรพีพงษ์ที่นี่ เพราะว่าไม่มีผลอุดมเข้ามายุ่ง แต่ทว่าตอนนี้ผลอุดมอยู่ที่แล้ว เขาจะกล้าทำอะไรได้อีก ถ้าเขายังกล้าเหิมเกริมอีกกลัวว่าจะโดนไล่ออกจากบ้านน่ะสิ เมื่อถึงตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีจะหายไปในพริบตา เขารับผลที่จะเกิดขึ้นไม่ได้หรอก เขายังเสพสุขไม่สมใจเลย
“ผมอะไร”
เมื่อได้ยินธีรเดชพูด ผลอุดมก็โมโหเป็นอย่างมาก เขาแผดเสียงออกมาจนทำให้ธีรเดชตกใจจนขาอ่อนและทรุดลงกับพื้น ส่วนรพีพงษ์มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ ผลอุดมเดินเข้าไปหารพีพงษ์และโค้งให้เขาอย่างมีมารยาท
จากนั้นผลอุดมก็พูดข้างหูของรพีพงษ์ไม่กี่ประโยค เมื่อได้ยินสิ่งที่ผลอุดมพูดสีหน้าอันเย็นชาของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไปทันที เขาถามผลอุดมว่า
“พูดจริงเหรอ”
ผลอุดมพยักหน้าให้รพีพงษ์อย่างจริงใจ
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็หันหน้าไปหาธีรเดช เมื่อเห็นแววตาของรพีพงษ์ ผลอุดมก็เข้าใจทันที เขาพูดกับรพีพงษ์อย่างนอบน้อมว่า
“คุณรพีพงษ์วางใจเถอะครับ ผมจะสั่งสอนไอ้หมอนี่ให้สาสม!”
เมื่อได้ยินคำพูดของผลอุดม รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรและหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องขอชีวิตของธีรเดชดังขึ้นมาจากข้างหลัง
เห็นได้ชัดว่าผลอุดมอยากจัดการไอ้เด็กนี่ตั้งนานแล้ว
รพีพงษ์เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น สิ่งที่ผลอุดมพูดกับเขาคือเรื่องแดนลับที่เขาเป็นห่วงเป็นอย่างมาก การที่เขามาที่นี่เพราะต้องการหาวัตถุดิบของยา เพื่อช่วยให้อารียาฟื้นขึ้นมา หลังจากที่อารียาสลบไป เขารู้สึกว่าในใจมีเพียงความว่างเปล่า เพราะเธอคือรักแท้ในชีวิตของเขา
เมื่อคิดเช่นนี้หางตาของรพีพงษ์ก็เปียกชื้น ผ่านไปไม่นานเขาก็มาถึงจุดที่ผลอุดมบอก รพีพงษ์เพิ่งได้ข่าวจากทางตระกูลว่าลูกน้องที่นี่พบสิ่งแปลกประหลาด ไม่แน่ความลึกลับของแดนลับอาจจะได้รับคำตอบจากแถวนี้ก็เป็นไปได้ หลังจากที่มาถึงจุดที่ผลอุดมบอก รพีพงษ์ไม่เห็นใครสักคน ทันใดนั้นเขาก็ใช้พลังจิตปกคลุมไปทั่วพื้นที่กว้าง
ไม่นานเขาก็พบสิ่งแปลกประหลาดที่มุมหนึ่งของป่าหญ้าแห้งๆ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่ง แต่มันดูประณีตจนผิดปกติราวกับว่ามีคนตั้งใจสลักมันไว้
ส่วนที่อื่นๆ เขาสามารถสำรวจความเคลื่อนไหวใต้ดินได้ด้วยพลังจิตของเขา แต่ภายใต้แผ่นหินนี้ เขาไม่รู้สึกอะไรเลย มันเหมือนกับถูกแผ่นหินนี้ปิดบังเอาไว้ เขาหันกลับมาและเดินไปที่แผ่นหินนั้น ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ปิดบังไว้เป็นอย่างดี ถ้าเขาไม่มีพลังจิตคงไม่มีทางเจอที่นี่อย่างแน่นอน
นี่เป็นที่ที่คนตั้งใจปกปิดมันเอาไว้ เขาย่อตัวลงยกแผ่นหิน จู่ๆ รพีพงษ์ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะใต้แผ่นหินนี้มีหลุมดำอยู่ มันกำลังหมุนไม่หยุด โดยไม่รู้เลยว่าข้างใต้มีอะไรอยู่
เขาหยิบหินที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา รพีพงษ์โยนหินนั่นลงไป ทันทีที่เห็นหินตกลงไป จู่ๆ ก็เหมือนมันหายวับไปในอากาศ พลังจิตของเขาที่มีต่อหินก่อนนั้นก็หายไปทันที ราวกับว่าหลุมตรงหน้าเป็นเหมือนประตูมิติและก้อนหินนั้นถูกส่งไปยังอีกมิติหนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบนโลกใบนี้ไม่มีทางที่จะมีความลึกลับเช่นนี้เกิดขึ้นได้ มีเพียงทางเดียวที่จะเป็นไปได้ก็คือนี่คือทางเข้าแดนลับ คิดไม่ถึงเลยว่าเข้าไปๆ มาๆ มาตั้งนาน แถมยังสืบหาเบาะแสมากมาย สุดท้ายกลับหามันเจออย่างง่ายดาย ดังคำกล่าวที่ว่าย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย มันได้มาอย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงเลย
เมื่อคิดว่าที่แดนลับจะมียาที่ทำให้อารียาฟื้นขึ้นมาได้ รพีพงษ์อดดีใจไม่ได้ เขาสำรวจเล็กน้อยจากนั้นจึงหลับตาและกระโดดลงไปในหลุมดำ