พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1142 วัตถุดิบยา
ทันใดนั้นธีรวีร์จึงเรียกลูกน้องทั้งหมดของตัวเอง เหล่าลูกน้องวิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัว
ตอนนี้รพีพงษ์สีหน้าราบเรียบ
เพราะตั้งแต่เดินมาก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางเขาได้
เขาใช้เวลาไม่กี่นาทีมาถึงรังของธีรวีร์
“ที่นี่ไม่เลวดีนี่”
รพีพงษ์คิดพลางเดินขึ้นไปบนบันได จู่ๆ เขาก็ได้กลิ่นหอมที่ผิดปกติ
เขาตกใจและรีบก้าวเข้าไป เขาเห็นดอกไม้ที่แปลกประหลาดกำลังเบ่งบานอยู่ในซอกหิน
เขารู้ว่ายาสมุนไพรนี้เป็นยาสมุนไพรที่เขาตามหา มันสามารถชุบชีวิตของอารียาได้ ดังนั้นเขาจำไม่ผิดแน่ๆ เขาแน่ใจแล้ว และนี่คือเป้าหมายที่เขามาที่นี่ เมื่อเขากำลังจะเอื้อมมือไปหยิบสมุนไพรนี้ออกมา เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธก็ดังเข้ามาในหูของเขา
“แกเป็นใคร ถึงกล้าบุกรุกมาในถิ่นของฉัน อย่าบอกนะว่าแกมารนหาที่ตาย”
รพีพงษ์หันกลับไปมอง เขาเห็นธีรวีร์พาลูกน้องเดินเข้ามาและตวาดใส่เขา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเศษซากกลุ่มสุดท้าย
“ฉันคือคนที่จะมาเอาชีวิตของพวกแก”
น้ำเสียงของรพีพงษ์ราบเรียบ
“ให้ตายเถอะ ไอ้กระจอกอย่างแกกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอ ฉันว่าแกรนหาที่ตายจริงๆ”
เมื่อธีรวีร์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดก็โมโหขึ้นมาทันที ส่วนลูกน้องที่อยู่ข้างกายมีสีหน้าโกรธเคือง อีกอย่างที่นี่เป็นที่ที่พวกเขาดูแล ไม่ว่าใครที่กล้าบุกรุกเข้ามาก็ต้องตาย
แต่ทว่าเมื่อพวกเขามองไปที่รพีพงษ์ ธีรวีร์กับลูกน้องยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพราะว่าตอนนี้รพีพงษ์ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับพวกเขา จู่ๆ ปราณทิพย์ก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ปราณทิพย์ออกจากร่าง แกฝึกวิชาอะไรกันแน่”
ตอนนี้ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก เพราะพละกำลังที่รพีพงษ์แสดงให้เห็นทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อต้านได้ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นผู้ฝึกวิชา แต่ยังคงห่างชั้นกับรพีพงษ์เป็นอย่างมาก
ถ้าพละกำลังของรพีพงษ์เป็นจริง การฆ่าในวิเดียวก็ไม่ใช่แค่ความคิดแล้ว พวกเขาเห็นแบบนี้แล้วจะไม่กลัวได้อย่างไร
ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่แล้ว ถึงธีรวีร์มักจะโม้ว่าตัวเองเป็นผู้มีฝีมือ แต่เมื่อเทียบกับรพีพงษ์ ธีรวีร์ก็แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นลูกพี่ น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน พวกเราแค่เป็นผู้ดูแลที่นี่ พวกเราไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้คุณโกรธ”
ธีรวีร์หวาดกลัวขึ้นมา ใครเจอแบบนี้แล้วจะไม่กลัวกันล่ะ รพีพงษ์ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งอยู่ที่นี่ ถึงแม้พละกำลังของพวกเขาจะไม่ด้อย แต่เมื่อเจอกับคนแบบรพีพงษ์พวกเขาไม่มีทางชนะแน่นอน เพราะฉะนั้นเขาจึงรู้ว่าเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางที่ดีควรจะรีบอ่อนน้อมกับรพีพงษ์
“ฉันมาหายาสมุนไพรที่นี่ ถ้าพวกแกมาขัดขวางฉัน ก็ตายสถานเดียว”
รพีพงษ์มองธีรวีร์ด้วยสีหน้าราบเรียบแล้วพูดกับทุกคน เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ธีรวีร์กับลูกน้องถึงกับสะดุ้งโหยง ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเขาจะฝึกวิชาจนมาถึงทุกวันนี้ เขาไม่อยากตายตอนนี้
ธีรวีร์รู้ดีว่าพละกำลังของรพีพงษ์ไม่ได้เป็นเรื่องเสแสร้ง เพราะทุกก้าวที่รพีพงษ์ก้าวเข้ามา เขารู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้น เหมือนกับภูเขาลูกใหญ่กำลังกดลงมาบนไหล่ของเขา
ถ้าพวกเขาลงไม้ลงมือกับรพีพงษ์ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางชนะ แต่ถ้าตอนนี้เขาเลือกที่จะหนี เขากับลูกน้องหนีไปด้วยกัน จากความสามารถที่คุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดี เขาอาจจะหนีไปได้ ขอแค่เขาสามารถหนีออกไปจากที่นี่ เขาเชื่อว่าตัวเองจะรอด
และเขาได้รับค่าตอบแทนที่ดีมากตลอดหลายปีที่ดูแลแดนลับแห่งนี้ แน่นอนว่าการที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ ลูกน้องของเขาจะต้องตายในมือของรพีพงษ์ แล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ ขอแค่เขาไม่ตายก็พอแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง จากนั้นจึงตะโกนออกมาว่า
“รีบหนี!”
เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ เหล่าลูกน้องก็เข้าใจทันที พวกมันต่างพากันหนีอุตลุด แต่ทว่ารพีพงษ์กลับยิ้มอย่างเย็นชา จากความสามารถของเขา ถ้าปล่อยให้คนพวกนี้หนีไปได้ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับเขามาก
มันเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อย และในไม่ช้าพวกคนที่วิ่งหนีไปก่อนก็ล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว ขาของพวกเขาหัก ส่วนคนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของคนเหล่านี้ต่างพากันตกใจเป็นอย่างมาก และพากันนั่งยองๆ บนพื้น เพื่อขอความเมตตาจากรพีพงษ์
แต่ทว่าธีรวีร์เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก เพราะว่าพละกำลังของพวกเขาสูงที่สุดในบรรดาคนพวกนี้ เขาเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ในขณะที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะรอด
รพีพงษ์เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลูกธนูที่ถูกยิงออกไป เขาพุ่งไปหาธีรวีร์ที่กำลังวิ่งหนี
ไม่เกินหนึ่งวินาทีก็ได้ยินเสียงร้องโอดครวญออกมา จากนั้นเสียงอ้อนวอนขอชีวิตของธีรวีร์ก็ดังขึ้น
ขอโทษครับ ขอโทษครับ นายท่านมีพละกำลังมาก ไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ แต่ทว่าตอนนี้สีหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความเฉยชา
เมื่อเห็นท่าทางของรพีพงษ์ ธีรวีร์ถึงกับตกใจ เมื่อกี้เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว ความเร็วถึงจุดสุดยอด แถมเขายังคุ้นเคยกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดี
เขาคิดว่าจะรอดพ้นจากกรงเล็บของรพีพงษ์ได้แล้ว แต่ทว่าวินาทีต่อมากลับโดนรพีพงษ์กระชากกลับมา ตอนนี้จิตใจของเขาแหลกสลาย เขาฝึกวิชามาอย่างยาวนาน เดิมทีคิดว่าพละกำลังของตัวเองเข้าขั้นที่ดี แต่ทว่าวันนี้เหมือนเขาโดนตีหัวอย่างรุนแรง
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีผู้ฝึกวิชาขั้นสูงมาที่แดนลับแห่งนี้
ไม่นาน ธีรวีร์กับลูกน้องก็โดนรพีพงษ์มัดเอาไว้อีกด้าน ธีรวีร์มองไปยังรพีพงษ์ เขาเห็นรพีพงษ์อยู่ในชุดแสนธรรมดา แต่ทว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม จู่ๆ ก็ทำให้เขาหวาดกลัวขึ้นมา
ทันใดนั้นสีหน้าของธีรวีร์ก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น เป็นเพราะเขาเห็นป้ายคำสั่งที่คุ้นเคยตรงเอวของรพีพงษ์ จู่ๆ เขาตกใจจนเข่าอ่อน เขาเคยเห็นป้ายคำสั่งอันนี้มาก่อน
เหตุที่เขาซ่อนตัวอยู่ในแดนลับและเป็นผู้ดูแลที่นี่ ก็เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับป้ายคำสั่งอันนี้ เพราะป้ายคำสั่งนี้แสดงถึงบุคคลที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในทหารมังกร
และในตอนนั้นเขาเป็นเพียงผู้ฝึกวิชาที่อยู่ภายใต้ผู้บังคับบัญชา เพราะลูกพี่ใหญ่ได้รับข่าวมาว่ากลุ่มของพวกเขาโดนทหารมังกรจับตาดูอยู่ ลูกพี่ใหญ่ของพวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก จนถึงกับไล่พวกเขาออกภายในเวลาชั่วข้ามคืน และเอาเงินที่หามาได้ตลอดหลายปีหนีไปที่ต่างประเทศ
เพราะเขาเป็นแค่ลูกน้องกระจอกๆ จึงไม่มีค่าพอที่จะให้ลูกพี่พาไปด้วย เขาต้องกลับมาที่นี่และใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันหนึ่งจะเจอคนที่มีป้ายคำสั่งนี้อีกครั้ง อีกทั้งคนคนนี้ยังจับเขาไว้อีกด้วย