พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1149 งานแลกเปลี่ยนพูด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1149 งานแลกเปลี่ยนพูด
“โอเค งั้นให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้วกัน”
หลังจากที่เขาพูดเสนอให้โพธิสุทธิ์ฟังเสร็จเรียบร้อย โพธิสุทธิ์รู้สึกว่าได้รับความรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนว่าเขาเยินยอรพีพงษ์ว่ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก
“คุณรพีพงษ์ ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่รพีพงษ์คุยกับตัวเอง โพธิสุทธิ์รู้สึกเหมือนได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ จึงพูดออกไปตรงๆ ส่วนรพีพงษ์ก็ตอบกลับมาอย่างเหนื่อยใจ
“ต่อจากนี้ถ้าคุณมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยบอกผมมาได้เลยนะครับ ผมจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณโดยไม่เกี่ยงเลย”
เพราะโพธิสุทธิ์นับถือรพีพงษ์มาก เขาจึงคิดว่าไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อรพีพงษ์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หลังจากที่โพธิสุทธิ์แจ้งเรื่องนี้ออกไป คนที่ทำงานในเกี่ยวกับยาในเมืองนี้ล้วนรู้เรื่องนี้แทบจะทุกคน ทุกคนต่างพากันเตรียมตัวอย่างดี เตรียมวัตถุดิบยาอันล้ำค่าที่อยู่มือของตัวเอง เพราะนี่เป็นโอกาสที่มีน้อยมาก
รพีพงษ์ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับพวกยาสมุนไพรที่จะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไร เขาสามารถใช้พลังจิตในการดูและสามารถรู้ถึงอายุขัยของยารวมถึงประสิทธิภาพของมันอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงโพเดียมและพูดกับเหล่านักเรียนข้างหน้า
“ครั้งนี้หัวหน้าโพธิสุทธิ์จะจัดงานเสวนาเกี่ยวกับยาสมุนไพร และต้องการให้นักเรียนของโรงเรียนเราไปด้วย พวกเธอเป็นนักเรียนหัวกะทิของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะยกโอกาสนี้ให้กับพวกเธอ ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้นะ ทำให้เต็มที่ การที่ได้เข้าร่วมการเสวนาระดับนี้ ถือเป็นเกียรติของพวกเธอ คนที่ไปร่วมล้วนเป็นระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น และนี่ก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่ฉันจะให้พวกเธอได้ หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
เมื่อได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์ เหล่านักเรียนต่างก็มีสีหน้าตื้นตัน อีกอย่างแค่ได้เจอหัวหน้าโพธิสุทธิ์ก็เป็นเกียรติกับพวกเขามากแล้ว
โพธิสุทธิ์เป็นบุคคลระดับสูงด้านยาในเมืองนี้ เขาเป็นหัวหน้าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองนี้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีตำแหน่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สาขาที่พวกเขาเรียนจะต้องส่งนักเรียนไปเรียนที่โรงพยาบาลแห่งนั้นทุกปี เรียกได้ว่าโพธิสุทธิ์เป็นเหมือนไอดอลของพวกเขาก็ไม่ถือว่าพูดเกินไป
การที่ไปร่วมงานเสวนาครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่บุคคลวงการยาอย่างแน่นอน จะต้องมีพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มันส่งผลดีต่อการพัฒนาในอนาคต
นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะสร้างคอนเนคชั่น ตอนนี้จารุดาก็นั่งอยู่ในกลุ่มนักเรียนเช่นกัน
เมื่อได้ยินคำพูดที่ศาสตราจารย์พูด ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเพราะงานเสวนาครั้งนี้
เหล่าลูกศิษย์ที่เรียนจบมาจากโพธิสุทธิ์ ต่างก็เป็นหมอที่มีชื่อเสียง อีกทั้งคนที่มาร่วมงานเสวนาในครั้งนี้จะต้องเป็นคนมีหน้ามีตาอย่างแน่นอน ถ้าเธอสามารถเจอกับคุณชายฐานะร่ำรวยในงานเสวนาครั้งนี้ อย่าว่าแต่รถเบนซ์รุ่นใหม่เลย ถึงจะเป็นรถเฟอร์รารี่ก็สามารถเป็นของเธอได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรู้สึกพออกพอใจ และเอาแต่คิดอยู่ในใจ
“อารียา เธออย่าหวังว่าจะเหยียบย่ำฉันเลย! ฉันจะทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียใจ ฉันนี่แหละที่เป็นความภูมิใจที่แท้จริงของตระกูลฉัตรมงคล!”
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน โพธิสุทธิ์เตรียมงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง หรือพวกเถ้าแก่ที่ขายยาสมุนไพรล้วนเกรงใจต่อชื่อเสียงของเขา
เช้าวันต่อมา รพีพงษ์เพิ่งตื่นนอนก็ได้รับสายจากโพธิสุทธิ์
“คุณรพีพงษ์ ผมเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนสถานที่ผมเลือกไว้บนเกาะแห่งหนึ่งในเมืองของเรา เพราะเกาะแห่งนั้นเหมาะแก่การจัดงานเสวนาครับ อีกทั้งพวกเขายังเดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยครับ”
น้ำเสียงของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความพอใจ
“นี่มันเร็วไปหน่อยไหม ขอบคุณมากจริงๆ”
รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าโพธิสุทธิ์จะจัดการได้รวดเร็วขนาดนี้ นี่ยังผ่านไปไม่ถึงวัน เขาก็เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว
“ฮ่าๆ ผมบอกแล้วไงครับว่าเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของผม คุณสบายใจได้เลย เพราะผมมีชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ ในด้านวงการยา คุณวางใจได้เลย คืนนี้จะต้องมีคนมาร่วมอย่างมากมายแน่นอน”
น้ำเสียงของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความพออกพอใจ
“โอเค ฉันรอเจอสิ่งใหม่ๆ ที่นั่นเลย”
รพีพงษ์หัวเราะออกมา ส่วนเกาะที่โพธิสุทธิ์พูดถึง ตั้งอยู่ที่ชานเมืองของเมืองแห่งหนึ่ง มันค่อนข้างไกล รพีพงษ์คิดในใจว่าจะขับรถแลมโบกินีที่เพิ่งจองมาใหม่ไปที่นั่นดีไหม เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงกดโทรออกไปที่โชว์รูมรถ เป็นไปตามที่คาดไว้ พวกเขาได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว รพีพงษ์จึงให้คนที่โชว์รูมขับรถมาให้เขา
ตอนนี้รพีพงษ์นั่งอยู่บนรถแลมโบกินี สีหน้าของเขาราบเรียบ เพราะการที่เขาขับแลมโบกินีก็ไม่ถือว่าเขาผิดปกติ มันไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด
ขณะที่รพีพงษ์ขับรถอยู่บนถนนและกำลังรอสัญญาณไฟ จักรินพี่ชายของจารุดาก็กำลังขับรถ BMW ของตัวเองเช่นกัน เขากำลังจอดรออยู่บนถนน การที่ได้ขับรถ BMW มาในวันนี้ ทำให้เขาพออกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะรถ BMW คันนี้มีราคาพอสมควร ไม่ว่าเขาจะขับไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจของผู้คน
แต่ทว่าตอนนี้เขาพบว่ามีรถแลมโบกินีจอดอยู่ข้างรถของตัวเอง จู่ๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก เขาโดนรัศมีของรถแลมโบกินีกลบจนหมด
“ให้ตายเถอะ มันเป็นใครกันที่สามารถซื้อรถแลมโบกินีได้”
ตอนนี้จักรินรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เดิมทีเขากะจะอวดสักหน่อย แต่โดนคนอื่นกลบรัศมีซะงั้น เขาอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปข้างในรถแลมโบกินี เมื่อเขาเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ เขาอึ้งไปจนแทบไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า
“เป็นไปได้ยังไง หรือว่าฉันตาฝาดไปเอง ทำไมถึงเป็นรพีพงษ์ไปได้ล่ะ”
ไม่รอให้จักรินได้มองอีกครั้ง สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รพีพงษ์เหยียบคันเร่งทันที เสียงเครื่องยนต์ของรถแลมโบกินีดังสนั่น และเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
นี่มันเป็นไปได้ยังไง ไอ้กระจอกอย่างรพีพงษ์จะขับรถแลมโบกินีได้ยังไง สวะอย่างมันไม่สามารถทำอย่างนี้ได้อย่างแน่นอน!
ตอนนี้จักรินพูดปลอบใจตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด เขาเอาแต่คิดว่ารพีพงษ์ไม่มีทางขับรถแบบนั้นได้อย่างแน่นอน นี่ทำให้เขาสบายใจขึ้นเยอะ เพราะครอบครัวของเขาเอาแต่ดูถูกรพีพงษ์มาตลอด
ตอนนี้รพีพงษ์ขับแลมโบกินีมาถึงบริเวณเกาะ เขาได้การ์ดเชิญจากมือของโพธิสุทธิ์มาตั้งนานแล้ว เขาบอกกับโพธิสุทธิ์ไว้ว่า เขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง