พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1191 ในใจมีแต่ฉัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1191 ในใจมีแต่ฉัน
ศักดาตกใจอ้าปากค้าง แต่เพียงแค่วินาทีเดียว ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมอย่างมากว่า “บอสครับ ผมผิดไปแล้ว ขอคุณอย่าโมโหไปเลย”
โจซี่ยิ้มเย็น
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันนี้เป็นวันตายของรพีพงษ์แน่
พอรพีพงษ์ตาย ตนเองก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอีก
ส่วนเรื่องหุ่นเชิดอย่างศักดานั่น รับรองว่าโดนเฉดหัวทิ้งแน่ ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ข้างกายอีก
เพราะในสายตาโจซี่แล้ว คนบนโลกต่างอยู่กันอย่างอดสูทั้งนั้น อำนาจในการฆ่าล้างอยู่ในมือตนทั้งหมด
“ให้เวลาแกห้านาที ไม่ว่าใช้วิธีอะไร เรียกคนตระกูลลัดดาวัลย์ทั้งหมดมาที่ห้องประชุม ฉันมีเรื่องจะประกาศ!”
ระหว่างพูดก็เดินออกจากห้องไป
สำหรับคำสั่งของโจซี่ ศักดาไม่กล้าขัดขืนใดๆ
ห้องชั้นสอง
เวลานี้ในห้องอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก
หลังจากโดนอารียาผลักล้มนอนบนเตียง รพีพงษ์กลายเป็นฝ่ายรับตลอด
จูบ ลูบไล้ กอดรัดอย่างหนักหน่วง
ดูอารียาในวันนี้เหมือนจะต้องการมากขึ้น
แปลก จากคุณสมบัติของจอกหนูแล้ว จะปรับเปลี่ยนร่างกายก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนสิ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว อารียาเหมือนจะฟื้นฟูเต็มที่แล้ว หรือว่าเธอเองก็เป็นพวกฟื้นฟูเร็วผิดมนุษย์?
รพีพงษ์แอบคิดในใจ ก่อนจะปัดความคิดนี้ทิ้งไป
รู้จักอารียามานานขนาดนี้ ถ้าอารียาเองมีพลังพิเศษล่ะก็ รพีพงษ์ไม่มีทางจับไม่ได้
เพราะอยากมีพรสวรรค์ผิดมนุษย์อย่างรพีพงษ์ ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก
น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอกินไม้เทพเข้าไปล่ะมั้ง ทำให้ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเร็วกว่าคนทั่วไปไม่น้อย
รพีพงษ์คิดสรุปออกมาได้แบบนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลล่ะ
“รพีพงษ์ คุณคิดอะไรอยู่น่ะ?”
อารียาถามด้วยใบหน้าแดงเรื่อด้วยความรุ่มร้อน
ร่างเธอที่แอบอิงรพีพงษ์ยิ่งดูรัญจวนน่าหลงใหล
รพีพงษ์วางสองมือที่เอวเธอแผ่วเบา ภาพในตอนนี้ ไม่ว่าเป็นผู้ชายคนไหนก็คงอดใจไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายสำอางอย่างรพีพงษ์เลย!
“ฉันอยากให้ใจคุณในตอนนี้มีแต่ฉัน!”
อารียาพ่นคำหวาน สายตาเลื่อนลอย จุมพิตรัวๆมาอีกระลอก
เสื้อผ้าเริ่มคลายตัวออกไป ในตอนที่กำลังจะผ่านปราการขั้นสุดท้าย
รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆได้ว่า อารียาวันนี้เร่าร้อน จู่โจม ดูเหมือนจะมากกว่าครั้งก่อนที่ใช้ไม้เทพหลายเท่านัก ท่าทีดูดีขึ้นมาก
นี่ไม่น่าจะเป็นเพราะจอกหนู รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจมาก
หรือว่า ในช่วงที่ฉันไม่อยู่ เธอไปเจออะไรพิเศษมา?
จิตใจที่แปลกใจอยู่แต่เดิมของรพีพงษ์ เริ่มปล่อยจิตแล่นไปทั่วร่างอารียา
ไม่ถูก!
พริบตานั้น รพีพงษ์รู้สึกได้ทันทีว่า ในร่างกายอารียามีพลังเลวร้ายแล่นพล่านอยู่
พลังเลวร้ายนี่แปลกมาก ถึงจะแล่นพล่านไปทั่วร่าง แต่กลับไม่ทำอันตรายเจ้าของร่างเลย
ตรงกันข้าม มันกลับพยายามหาทางออกหนีออกร่างเจ้าของ
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
รพีพงษ์คิ้วขมวดแน่นขึ้น เขารู้ดีว่าจอกหนูเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุดในโลกนี้ ไม่มีทางมีฤทธิ์แบบนี้แน่
งั้นนี่ต้องเป็นอิทธิพลจากสิ่งอื่น
“รพีพงษ์ ทำไมคุณหยุดล่ะ?”
อารียาถามอย่างสงสัย
รพีพงษ์คิ้วขมวดแน่น สองมือวางทาบบนไหล่ทั้งสองของอารียา
“วันนี้ตอนเช้าคุณไปทานอะไรมา!”
…….
ในห้องโถงคฤหาสน์บ้านลัดดาวัลย์ คนตระกูลลัดดาวัลย์พร้อมใจกันมารวมตัวอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้น?” ไอ้อ้วนถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เขาเองก็มาร่วมประชุมด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
ชุติเทพกลับนั่งลงอีกด้านอย่างเงียบขรึม
เมื่อกี้นี้เอง ศักดาเรียกพวกเขามารวมตัวกัน
เขารู้ดีว่าคนตระกูลลัดดาวัลย์มีหน้ามีตากันทั้งนั้น ตนเองไม่มีทางมีอำนาจสิทธิ์ขนาดนั้น ดังนั้นเลยอ้างว่ารพีพงษ์เรียกพวกเขามารวมกัน
ทุกคนมองไปที่ตำแหน่งที่นั่งกลางห้องโถง รอคอยการมาของรพีพงษ์
จากนั้นผ่านไปหลายนาทีแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของรพีพงษ์เลย
“แปลก ปกตินายน้อยไม่เคยมาสายนี่”
“นั่นสิ ทุกครั้งที่นายน้อยกลับมาจากด้านนอกและเรียกพวกเรามาประชุม มีแต่จะเห็นเขารอพวกเรา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ให้พวกเรารอเขา”
ทุกคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน ขนาดชุติเทพที่นั่งอยู่อีกด้านยังนึกสงสัยไม่ได้
“คุณศักดา นายน้อยบอกคุณว่ายังไง แน่ใจว่าเป็นเวลานี้ใช่ไหม?”
ศักดาสีหน้ายิ้มย่อง พยักหน้ารัวๆว่า “ใช่ครับ เขาบอกแบบนี้จริงๆ ผมจำไม่ผิดหรอก หรือว่าพวกคุณสงสัยผม?”
“เฮ้อ ในมือฉันยังมีสัญญามูลค่าพันล้านรอเซ็นอยู่นะ”
ผู้รับผิดชอบธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์คนหนึ่งพูดขึ้น
ด้วยสถานะตระกูลสูงของเกียวโต หลังจากรพีพงษ์มารับช่วงต่อก็เคยกำชับผู้รับผิดชอบโครงการอย่างพวกเขาว่า โครงการเล็กๆที่มูลค่าต่ำกว่าห้าร้อยล้าน ไม่ต้องแจ้งเรื่อง ตัวผู้รับผิดชอบเองสามารถตัดสินใจได้เลย
“นั่นสิ ทุกคนต่างยุ่งกันหมด นายน้อยเองก็ไม่เคยทิ้งให้พวกเราต้องรอเก้อนี่นา”
หลายคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน
น้ำเสียงนุ่มขรึมหนึ่งดังขึ้น ชุติเทพค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ช้าๆ
“เอาล่ะ! ทุกคนหยุดเถียงกันได้แล้ว!”
ชุติเทพมองไปทางทุกคน “พวกแกทำงานกันยุ่งมาก แล้วนายน้อยไม่ยุ่งหรือไง? ให้พวกแกรอไม่กี่นาทีแค่นี้ก็ทนไม่ได้ ต่อไปจะทำอะไรได้!”
ในฐานะคนเก่าคนแก่ตระกูลลัดดาวัลย์ พอชุติเทพเอ่ยปาก ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบไปโดยปริยาย
“เอาล่ะ ฉันว่านายน้อยน่าจะมีเรื่องในมือที่ยังจัดการไม่เสร็จ เดี๋ยวก็น่าจะมาแล้ว ทุกคนรอกันอีกหน่อยละกัน”
ระหว่างพูด ชุติเทพนั่งลงไปอีกครั้งด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ตอนนี้เองมีร่างหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ ตัวยังมาไม่ถึง แต่เสียงมาก่อน
“ให้ทุกคนรอนานแล้วนะ!”
ทุกคนหันไปมองอย่างตกใจ พอเห็นโจซี่เดินเนิบนาบเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกลายๆ
เธอในวันนี้เดินพลิ้วไหวเข้ามา นอกจากร่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าแล้ว ยังเพิ่มความเย่อหยิ่งมาเยอะมาก
ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน โจซี่กลับเดินมานั่งที่ที่นั่งกลางห้องโถงเอาดื้อๆเลย
“ทำไมหล่อนกล้านั่งตรงนี้?”
“ทำไม หล่อนคงไม่คิดหรอกนะว่าเป็นแม่ยายของนายน้อยแล้วจะทำอะไรก็ได้”
“เหอะ ต่อให้หล่อนเป็นแม่ยายของนายน้อยแล้วยังไงล่ะ คิดว่าบ้านลัดดาวัลย์ไม่มีใครแล้วหรือไง?”
“วางใจเถอะ นายน้อยไม่ชอบใจแม่ยายของเขามานานแล้ว ไว้เดี๋ยวนายน้อยมาแล้ว ต้องไล่หล่อนไปแน่!”
ในระหว่างที่ทุกคนถากถางเย้ยหยันกันสนุกปาก ว่าเดี๋ยวต้องมีละครฉากใหญ่เกิดขึ้นแน่
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะมา กลับไปซะ อีกเดี๋ยวนายน้อยจะมาแล้ว” ชุติเทพพูดเนิบช้าขึ้น
“นายน้อย? คุณหมายถึงรพีพงษ์” โจซี่พูดยิ้มๆ แต่ไม่มีวี่แววล่าถอยไปเลยสักนิด
ชุติเทพรู้ว่าแม่ยายคนนี้กร่างมาก แต่ไม่คิดมาก่อนว่า หล่อนยังคงด้านหน้าขนาดนี้เมื่อเผชิญหน้าทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์
ครั้งนี้ชุติเทพเพิ่มความดังของเสียงมากขึ้น ใช้น้ำเสียงสั่งการอย่างเด็ดขาดว่า “นี่เป็นที่ของเจ้าตระกูล เชิญเธอออกไป!”
ในตระกูลลัดดาวัลย์ ความเด็ดขาดของชุติเทพยังไม่กล้ามีใครต่อกรด้วย ต่อให้เป็นรพีพงษ์ก็เคารพเขามากโขอยู่
โจซี่เห็นแววตาเด็ดขาดของชุติเทพ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหลายก้าว มายืนหน้าชุติเทพ
“ไอ้แก่เอ๊ย!”
ทุกคนตกใจมาก!
“หล่อนกล้าเรียกชุติเทพไอ้แก่?”
“ผู้หญิงคนนี้วันนี้ลืมกินยาหรือไงกัน?”
“เหอะ อวดดีมากไปแล้ว กลับไปต้องบอกนายน้อย ให้เขาจัดการหล่อนซะ!”
คนตระกูลลัดดาวัลย์พากันวิจารณ์ต่างๆนานา
รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชุติเทพกระตุกๆ ในตระกูลลัดดาวัลย์ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน
“ต่อให้เธอเป็นแม่ยายของนายน้อย วันนี้ก็ต้องออกไป พวกเราลัดดาวัลย์ไม่ต้อนรับเธอ!” ชุติเทพพูดอย่างโกรธจัด