พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1222 แปลกประหลาดเล็กน้อย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1222 แปลกประหลาดเล็กน้อย
เมืองนี้ไม่ใหญ่มาก ไม่นานรพีพงษ์ที่แต่งตัวสบายๆ ก็มาถึงตลาดนัดสวนดอกไม้
“รบกวนถามว่า คุณรู้จักจางเหลยหรือเปล่า?”
รพีพงษ์ถามคนที่ดูแลตลาดนัดสวนดอกไม้
คนดูแลตลาดที่สวมหน้ากากชี้ไประยะที่ไม่ไกลมาก
“เห็นไหม ก็คือไอ้หนุ่มที่ขายหมูนั่นแหละ”
จากนั้น เขาก็รีบเดินจากไป
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจ สถานการณ์เช่นนี้ แต่ตนเองไม่ได้สวมหน้ากาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนผู้นี้จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้
มองดูจางเหลยจากระยะไกล รพีพงษ์คิดอยู่ในใจว่า สายตาของไอ้แก่เฉินชิวหมิงนั้นก็ไม่เลว
คนใช้แรงงานตลอดทั้งปี ทำให้กล้ามเนื้อของจางเหลยเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แค่ดูก็รู้ว่าสมรรถภาพทางกายของเขานั้นสูงกว่าคนทั่วไปมาก
เมื่อหาซุปเปอร์สเปรดเดอร์เจอแล้ว รพีพงษ์จึงรู้สึกโล่งใจ
เขาเดินไปอย่างช้า ๆ และหยุดอยู่ตรงหน้าแผงลอยของจางเหลย
“สวัสดีครับ คุณจะซื้อเนื้อหมูหรือเปล่า?” จางเหลยถาม พร้อมกับมีดฆ่าหมูที่อยู่ในมือ
“ขอดูก่อน”
รพีพงษ์กล่าว “คุณชื่อจางเหลยหรือเปล่า?”
จางเหลยพยักหน้า พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “ทำไมคุณถึงรู้จักผม?”
“ผมไม่รู้จักคุณ แต่ผมรู้ว่าคุณคือใคร” รพีพงษ์กล่าว
“คุณรู้ว่าผมคือใคร?”
“ถูกต้อง” รพีพงษ์กล่าว “ผมขอรบกวนเวลาคุณได้ไหม ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
“ช่างเถอะ ผมไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ ทำไมผมต้องฟังคุณด้วย”
จางเหลยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าคุณไม่ซื้อเนื้อหมู อย่ามาขวางหน้าแผงของผม ผมยังต้องทำมาค้าขาย ไม่มีเวลาคุยโม้กับคุณ”
รพีพงษ์มองตลาดผักที่ผู้คนบางตา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาอย่างนี้ วันนี้ผมเหมาเนื้อหมูและซี่โครงของคุณทั้งหมด”
“คุณจะเหมาทั้งหมด?” จางเหลยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เนื้อหมูเยอะขนาดนี้ คุณกินหมดเหรอ?”
“ผมเปิดโรงแรม อีกสักครู่คุณก็ส่งเนื้อหมูพวกนี้ไปที่โรงแรมไม้คู่”
หลังจากนั้น รพีพงษ์ยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้ คุณมีเวลาแล้วใช่ไหม”
จางเหลยยักไหล่ “ไม่มีปัญหา วันนี้โชคดี ได้เจอเทพเจ้าแห่งโชคลาภ คุณอยากจะคุยนานเท่าไหร่ก็ได้”
จากนั้น จางเหลยก็หยิบเศษผ้าที่อยู่ด้านข้าง เพื่อต้องการจะเช็ดมือ แต่ไม่นาน เขาก็วางผ้าลงด้วยใบหน้าที่แสดงความรังเกียจเล็กน้อย
รพีพงษ์สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้
ผ้าขี้ริ้วสกปรก และเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นเศษผ้าที่จางเหลยใช้ประจำ
แต่ก็เห็นได้ชัดว่า จางเหลยไม่อยากเช็ดมือด้วยผ้าขี้ริ้วนี้
หลังจากเช็ดมือด้วยทิชชูคร่าว ๆ จางเหลยก็เดินออกไปจากแผงและกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องใครเฝ้าแผงลอย ไม่มีปัญหาอะไรหรือ?” รพีพงษ์ถามด้วยความหนักแน่น
“คุณเป็นห่วงมันจริง ๆ”
จางเหลยกล่าวอย่างไม่แยแส และเดินไปข้างหน้าก่อน
รพีพงษ์เดินตามหลัง เขารู้สึกว่าพ่อค้ารายเล็กรายนี้แปลกประหลาดเล็กน้อย
พลังจิตวิญญาณเทพแอบรับรู้สัมผัสฝ่ายตรงข้าม แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอะไร
ข้างตลาดผักเป็นที่จอดรถกลางแจ้งที่ว่างเปล่า มีรถยนต์หลายสิบคันจอดกระจัดกระจายอยู่ด้านข้าง
“พูดมาเลย ที่คุณมาหาผมมีธุระอะไร?” จางเหลยหันไปทางรพีพงษ์และกล่าวถาม
“คุณรู้จักเฉินชิวหมิงไหม?” รพีพงษ์ถามตามตรง
“ใครคือเฉินชิวหมิง ผมไม่รู้จัก”
จางเหลยกล่าวอย่างสบาย ๆ
รพีพงษ์มองหน้าอีกฝ่าย บางทีเฉินชิวหมิงไหมอาจจะไม่ได้บอกจางเหลยถึงฐานะตัวตนที่แท้จริงของเขา
แต่แน่นอนว่า จางเหลยคนนี้คือซุปเปอร์สเปรดเดอร์ที่เฉินชิวหมิงกล่าวถึง
“ไม่สำคัญว่าคุณจะรู้จักเขาหรือไม่ แต่คุณจำเป็นต้องรู้ว่า ตอนนี้ในตัวคุณมีพิษ” รพีพงษ์กล่าวอย่างหนักแน่น
“พิษ?”
มุมปากของจางเหลยยกขึ้นเล็กน้อย “คุณล้อเล่นกับผมใช่ไหม? คุณเห็นร่างกายของผมเหมือนคนที่ถูกยาพิษเหรอ?”
“ร่างกายของคุณแข็งแรงมาก คุณทำงานขายของในตลาดทุกวัน ติดต่อกับผู้คนมากมาย นั่นคือเหตุผลที่คุณถูกเลือกให้เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์” รพีพงษ์กล่าว
“ผมรู้ว่า ตอนนี้พูดเรื่องเช่นนี้กับคุณ คุณอาจรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ แต่ว่าเชื่อผมเถอะ โรคในเมืองเล็ก ๆแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะแพร่กระจายจากตัวคุณ โดยที่คุณไม่รู้ตัว”
“คุณพูดอะไรน่ะ!”
หลังจากจางเหลยฟังจบ เขารู้สึกโกรธมาก “คุณบอกว่าผมเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์? คุณมีหลักฐานอะไร? คุณใส่ร้ายคนแบบนี้ คุณเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่”
“คุณอย่าวู่วาม สิ่งที่ผมพูดคือความจริง อันที่จริงแล้วสิ่งที่คุณต้องทำนั้นง่ายมาก ต่อไปคุณแค่ต้องสวมหน้ากาก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลภายนอก ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน วิกฤตนี้ก็จะคลี่คลาย” รพีพงษ์กล่าว
เขาเข้าใจดีว่า โรคที่เกิดขึ้นคราวนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการแพร่กระจายครั้งที่ 2 ขอแค่สามารถหาแหล่งที่มาของซุปเปอร์สเปรดเดอร์ได้ ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้
“คุณคิดว่า ผมจะเชื่อฟังคุณหรือ?” จางเหลยยิ้มเยาะเย้ย “ถ้าคุณมาที่นี่เพียงเพื่อที่จะบอกเรื่องนี้กับผม งั้นต้องขอโทษด้วย ผมขอตัวก่อน”
หลังจากนั้น จางเหลยก็หันหลังและกำลังจะเดินจากไป
“คุณยังไปไม่ได้!”
รพีพงษ์ก้าวเดินไปข้างหน้า และคว้าไหล่ของอีกฝ่ายไว้
จางเหลยหยุดอยู่ที่เดิม แววตาของเขาเปล่งประกายแวววับ
“คุณปล่อยผมนะ มิเช่นนั้น ผมจะไม่เกรงใจคุณ”
“คุณแค่ทำตามที่ผมบอก โดยการสวมหน้ากาก แล้วจะไม่มีปัญหาอะไรอีก” รพีพงษ์กล่าว
“สวมหน้ากาก?”
อีกฝ่ายยิ้มเย้ยหยัน “ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณไม่ใส่หน้ากากล่ะ? ในเมื่อคุณบอกว่าผมเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ คุณไม่กลัวว่าจะติดเชื้อจากผมเหรอ?”
“ผมกับคุณไม่เหมือนกัน”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“งั้นเหรอ? ตรงไหนไม่เหมือนกัน?”
จางเหลยเหล่มองรพีพงษ์ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
รพีพงษ์รู้สึกตกใจเล็กน้อย ยากที่จะจินตนาการว่า พ่อค้าขายเนื้อหมูในตลาดจะมีสายตาที่เฉียบคมเช่นนี้
หลังจากปรับอารมณ์ รพีพงษ์ก็เสกกริชหนึ่งเล่มไว้ในมือ
“มีหลายสิ่งในโลกนี้ที่คุณยังไม่รู้” รพีพงษ์กล่าว
“คุณเป็นมายากลเหรอ?”
จางเหลยดูประหลาดใจมาก เบิกตากว้างและก้าวไปข้างหน้าเพื่อสังเกตดู
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว มองจางเหลยที่อยู่ตรงหน้าตนเอง
“คุณไม่กลัวเหรอ?” รพีพงษ์กล่าวถาม
“กลัวหรือ? ไม่กลัวหรอก?” จางเหลยยิ้มจาง ๆ
รพีพงษ์พยายามคิด ตามหลักเหตุผล คนปกติทั่วไปถ้าเห็นการกระทำของรพีพงษ์แล้ว ถึงแม้ว่าจะใจกล้าแค่ไหน ปฏิกิริยาแรกที่แสดงออกมาก็คือความหวาดกลัว แต่จางเหลยดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างไร
“เมื่อก่อนคุณเคยเห็นไหม?” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
ตั้งแต่เห็นจางเหลยครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เขารู้สึกว่าพ่อค้ารายเล็กรายนี้แปลกขึ้นเรื่อย ๆ
จางเหลยยิ้มจาง ๆ และไม่ได้ตอบคำถาม
แต่เขากลับหยิบกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋า หลังจากเปิดกล่องแล้ว มียาอยู่ข้างในหนึ่งเม็ด
“คุณเอามันมาจากไหน?”
รพีพงษ์กล่าวถาม
เพียงแค่มองไปที่สีของยาเม็ดนั้น รพีพงษ์ก็สามารถสรุปได้ว่า นี่เป็นยาชั้นเลิศแน่นอน!
“ทำไมล่ะ คุณสามารถเสกกริชออกมาได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผมมียานี้หรือ?” จางเหลยหรี่ตา
รพีพงษ์เดินก้าวไปข้างหน้า สักครู่ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
“คุณนี่ดูไม่เหมือนพ่อค้าธรรมดาเลย”
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ทำไมผมฟังไม่เข้าใจ” จางเหลยยิ้มอย่างราบเรียบ
“คุณแกล้งทำเป็นมึนงง?”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นคนแบบไหน แต่เนื่องจากคุณเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ ดังนั้นผมจะขัดขวางไม่ให้คุณแพร่กระจายโรคอีกต่อไป”
“อันที่จริง มันก็เป็นไปได้ ที่จะให้ผมฟังคุณ”
จางเหลยกล่าวอย่างขี้เล่น “เห็นยาเม็ดนี้แล้วใช่ไหม ขอแค่คุณกินยานี้ ผมก็จะเชื่อฟังคุณ”
“คุณจะให้ผมกินยาเม็ดนี้?”