พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1226 ท่าหลิงอิ๋น
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1226 ท่าหลิงอิ๋น
ณ.ที่โรงแรมไม้คู่ ขณะนี้ร่างของจางเหลยกำลังนอนอยู่ในห้องของฝนสุดา
โดยมีรพีพงษ์รออยู่ข้าง ๆ จากการสัมผัสลมหายใจของจางเหลย รพีพงษ์รู้สึกว่าลมหายใจของอีกฝ่ายอ่อนมาก แต่ก็ยังถือว่ามั่นคง และไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่
ฝนสุดากับฮารุออกไปช็อปปิ้ง ขณะนี้พวกเธอก็ยังไม่กลับมา แต่รพีพงษ์รู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้ตนเองอยู่อย่างเงียบสงบได้
การเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องกับพวกแดนเทพในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนี้รพีพงษ์จะรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขารู้สึกว่ากระแสน้ำในร่างกายของเขากำลังพลุ่งพล่าน และมีพลังที่มองไม่เห็นเหมือนว่าจะพุ่งออกมา
ก่อนหน้านั้น ตอนที่พลังวิเศษเสนทะลวง ก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
วันนี้ เมื่อความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง รพีพงษ์รู้สึกสงสัย หรือว่าอาจทะลวงอีกครั้งหรือไม่?
เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่อยู่ในระดับของรพีพงษ์ การที่จะทะลวงแต่ละครั้งมันยากมาก
นอกจากความพยายามของตนเอง และการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องแล้ว โอกาสเพียงแวบเดียวนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน
รพีพงษ์หลับตาลง และนั่งข้าง ๆ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังในร่างกาย
รพีพงษ์รู้สึกสบายใจ เมื่อจิตวิญญาณเทพวนไปรอบ ๆ ร่างกายของเขา
ในเวลานี้ ในความคิดของเขา มนุษย์เล็กทองคำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณเทพของตนเองได้เปล่งประกายแสงออกมา
รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามนุษย์เล็กทองคำคนนี้ดูสูงกว่าเมื่อก่อนมาก และความแวววาวบนร่างกายของเขาก็สว่างขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ เป็นไปได้ไหมว่าในการต่อสู้กับชิงจู๋ การที่มนุษย์เล็กทองคำใช้กระบี่สยบเซียนทำให้จิตวิญญาณเทพของฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ สามารถทำให้พลังของตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น?
รพีพงษ์แอบปีติ ถ้าเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าตนเองจะค้นพบวิธีที่จะยกระดับจิตวิญญาณเทพให้เร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน พลังที่ระเบิดออกมาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
กระบวนท่าทั้งหมดที่เทพเจ้าแห่งสงครามชูร่าสืบทอด ปรากฏอยู่ในสมองของรพีพงษ์ราวกับกำลังฉายภาพยนตร์
แต่ว่า ยิ่งถึงข้างหลัง กระบวนท่าก็ยิ่งซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้รพีพงษ์ยังไม่สามารถเข้าใจได้
“ท่าหลิงอิ๋น”
ความคิดของรพีพงษ์หยุดนิ่งทันที เขาพบว่าจิตวิญญาณเทพของตนเองสามารถจับการเคลื่อนไหวดังกล่าวได้อย่างแม่นยำ
หู่เซี่ยวหงอิ๋นคลื่นเสียงขนาดใหญ่เพียงพอที่ทำลายทุกอย่าง!
จอมมารชูร่าในฐานะคนที่ต่อต้านการดำรงอยู่ของทวีปโอชวิน ทุกกระบวนท่านั้นงดงามเป็นอย่างมาก
รพีพงษ์รู้ว่า ความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้น จากระดับแรกของวิชามังกรเลื้อยไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกขั้นคือท่าหลิงอิ๋น
อย่าบอกน่ะว่า การทะลวงมันเป็นเรื่องที่ง่ายเช่นนี้?
รพีพงษ์กล่าวในใจ หลังจากฟื้นพลังจิตวิญญาณเทพ ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการต่อสู้ก็หายไปหมด
เขาลุกขึ้นยืน ดวงตาของรพีพงษ์เป็นประกาย เขาตัดสินใจจะออกไปลองดูว่าตอนนี้พลังตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน
เมื่อเขามาถึงพื้นที่ว่างเปล่า รพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียนไว้แน่น
วิชามังกรเลื้อย!
กระบี่มังกรเลื้อย รพีพงษ์ทำให้พลังจิตวิญญาณของตนเองไปยังสถานะที่แข็งแกร่งที่สุด!
มังกรทองเก้าตัวเปล่งประกาย รพีพงษ์ยังคงไม่หยุด และเริ่มประสานจิตวิญญาณเทพทันที
ครั้งนี้ รพีพงษ์ รู้สึกประหลาดใจ ที่พบว่าตนเองสามารถควบคุมมักรทองสี่ตัวได้โดยตรงโดยไม่ผ่านเทคนิคลับ
หรือว่า ถึงระดับแดนเทพขั้นแรกแล้ว?
แต่ว่า หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบวินาที รพีพงษ์ก็ล้มเลิกความคิดนี้
“สามารถยืนหยัดอยู่ได้เพียงยี่สิบวินาทีเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันยังไม่เข้าสู่ช่วงเริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ”
รพีพงษ์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หลังจากนั้น เขาก็หัวเราะขึ้นมา
แม้ว่าจะไม่ใช่ระดับแดนเทพขั้นแรก แต่ว่าขณะนี้รพีพงษ์ก็อยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว ด้วยความเร็วเช่นนี้ ถือว่าเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ดังเกริกก้องสั่นสะเทือนคนโบราณและรุ่งโรจน์โชติช่วงมาจนยุคปัจจุบันแล้ว!
“งั้นลองวิชาท่าหลิงอิ๋น”
ขณะที่พูด สมองของรพีพงษ์ได้ระลึกถึงกุญแจสำคัญของท่าหลิงอิ๋น
เขาตวัดมือข้างหนึ่ง ทำให้พลังของรพีพงษ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มังกรเก้าตัวประสานรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นมังกรทองขนาดยักษ์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่กำลังอ้าปากกว้าง ดูเหมือนว่าจะสามารถกลืนกินทุกสิ่งได้!
“ท่าหลิงอิ๋น!”
รพีพงษ์ตะโกนประโยคหนึ่ง และพยายามควบคุมมังกรขนาดยักษ์ตัวนี้
เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งตรงออกมาจากปากของมังกรยักษ์ ในระยะไกลต้นสนโบราณที่ห่างออกไป 20 เมตรก็กลายเป็นเถ้าถ่านทันที
เฮ้อ!
รพีพงษ์ถอนหายใจเบาๆ และคุกเข่าลงบนพื้น
หลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่มีพลังเพียงพอที่จะควบคุมมังกรยักษ์ตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์
แต่ว่ารพีพงษ์พอใจกับพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของมังกรยักษ์ตัวนี้มาก
ตอนนี้ รพีพงษ์ที่อยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวเขาสามารถใช้ท่าหลิงอิ๋นในขั้นต้นได้แล้ว รพีพงษ์มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ด้วยเทคนิคลับ ตนเองจะสามารถควบคุมมังกรยักษ์ตัวนี้ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ท่าหลิงอิ๋น เป็นท่าไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดของตนเองในขั้นตอนนี้!
หลังจากจัดเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้ว รพีพงษ์ก็หันหลังกลับ
ทันทีที่เขาเดินไปถึงทางเข้าโรงแรม รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของฝนสุดาดังออกมาจากห้อง
“คุณเป็นใคร มาอยู่ที่ห้องฉันได้ยังไง!”
อุเอสึงิ ฮารุ ที่อยู่ด้านข้างยังกล่าวอีกว่า “พี่ฝนสุดา ดูท่าทางเขาเหมือนได้รับบาดเจ็บจนหมดสติ”
“ฉันไม่สน เขาบุกเข้าไปในห้องของฉัน ก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ฉันจะเรียกคนเอามันออกไป”
ขณะที่กำลังพูด ฝนสุดาก็เดินไปที่ประตู
ตอนที่เดินไปถึงประตู ก็ชนกับรพีพงษ์ที่กำลังจะเข้ามา
“เขาคือซุปเปอร์สเปรดเดอร์”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“อะไรน่ะ คือเขา?”
ฝนสุดาหันกลับมามองจางเหลยที่กำลังนอนอยู่อย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็กล่าวเสียงดังว่า “รพีพงษ์ คุณจะทำร้ายพวกเราหรือ? เขาเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ ตอนนี้พวกเราอยู่ห้องเดียวกับเขา นั่นก็เท่ากับ……”
“ตอนนี้คุณรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติหรือเปล่า?”
รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ
ฝนสุดากับอุเอสึงิ ฮารุ มองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ
“พวกคุณฝึกตามนิรภัฏ ถึงระดับเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว สมรรถภาพทางกายดีกว่าคนอื่นมาก ทำให้พวกคุณไม่ติดโรคนี้” รพีพงษ์กล่าว
“ถึง…..ถึงเป็นอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรเอาเขามาไว้ในห้องของฉัน คุณก็รู้ ฉันไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้ามาในห้อง” ฝนสุดากล่าวหน้าบึ้ง
รพีพงษ์ตะลึง โอเค เมื่อคืนนี้ยังเชิญตนเองเข้ามาในห้องเลย แต่ตอนนี้แสร้งทำเป็นถือตัว
“เขาคือซุปเปอร์สเปรดเดอร์งั้นก็หมายความว่า ขอแค่รักษาเขาให้หาย โรคระบายในครั้งนี้ก็จะหมดไป?” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฝนสุดาก็พยักหน้าเห็นด้วย มีประกายความชั่วร้ายแวบออกมาจากสายตา
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้ฉันจัดการ”
“คุณจะทำอะไร!”
รพีพงษ์รีบขัดขวาง
“ฆ่าเขาซะ ผู้คนในเมืองก็จะได้รับการช่วยเหลือใช่ไหม?” ฝนสุดากล่าว
รพีพงษ์ยิ้มขมขื่น หญิงสาวประเทศญี่ปุ่นคนนี้เมื่อลงมือไม่เคยผัดวันประกันพรุ่งเลย มันคล้ายกับตอนที่ตนเองเห็นเธอครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รพีพงษ์ไม่รู้ก็คือ ฝนสุดาจะแสดงความอ่อนโยนต่อหน้าเขาเท่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา ก็สามารถป้องกันโรคระบาดในครั้งนี้ได้” รพีพงษ์กล่าว
“หรือว่า คุณมีวิธีที่ดี?” ฝนสุดากล่าวถาม
รพีพงษ์มองดูสาวงามทั้งสอง และยิ้มเล็กน้อย “วิธีน่ะมี แต่ถ้าคนสวยอย่างพวกคุณทั้งสองคนจัดการ จะเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก”
หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็กระซิบบอกวิธีกับพวกเธอสองคน แล้วก็เดินออกไป
ตอนกลางคืน นิ้วของจางเหลยขยับเบาๆ
คนที่สามารถได้รับเลือกให้เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์สมรรถภาพทางกายของเขาต้องแข็งแกร่งมาก
“ผมรู้สึกปวดหัวมาก”
จางเหลยขมวดคิ้วและตะโกน จากนั้นก็ลืมตาขึ้น เห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
การตกแต่งโดยรอบนั้นดูเรียบง่ายและหรูหรา สิ่งที่ทำให้จางเหลยรู้สึกประหลาดใจก็คือ มีสาวสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำชา
“ใช่แล้ว คนที่เพิ่งตื่น ต้องกระหายน้ำแน่” อุเอสึงิ ฮารุ กล่าวแล้วนั่งข้าง ๆจางเหลย
“ผม…..ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า ถ้ามันเป็นความฝัน ผมหวังว่าจะไม่ตื่น” จางเหลยกล่าว
ฝนสุดาอดหัวเราะไม่ได้ หลังจากเธอและอุเอสึงิ ฮารุมองหน้ากัน จากนั้นก็เล่าต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้จางเหลยฟัง ตามที่รพีพงษ์บอก
……
สิบนาทีต่อมา จางเหลยออกจากโรงแรมโดยสวมหน้ากาก