พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1231 ร้ายไม่เบา
บทที่ 1231 ร้ายไม่เบา
กำลังจะกระดกดื่มเหล้าในขวดลงท้อง มือใหญ่ๆของจิรภัทรก็มาขวางเขาไว้
“เห้ย ไอจิรภัทร ทำอะไรน่ะ!” ปยุตขมวดคิ้ว แล้วทำท่าไม่พอใจต่อจิรภัทรอย่างมาก
“ดื่มๆ นอกจากดื่มแล้วยังรู้จักอย่างอื่นอีกบ้างไหม?”
จิรภัทรพูดอย่างโมโหว่า “รพีพงษ์เป็นคุณชายเสียขนาดนี้ แต่ยอมลดตัวมาให้คุณสอนวิชากลั่นยาให้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว แต่คุณไม่ยอมสอนเสียนี่!”
“เป็นคุณชายแล้วอย่างไรเล่าไอจิรภัทร ผมว่าหลายปีมานี้คุณเลอะเลือนไปหรือเปล่า วิชาการกลั่นยากับการฝึกวิชาต่อสู้ ล้วนเป็นคนละเรื่องกันเลยนะ”
ปยุตพูดต่อไป แล้วก็เหลือบมองรพีพงษ์ไปด้วย “ผมไม่เชื่อหรอก รพีพงษ์มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้กว่าใครๆ หรือว่าจะยังเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านกลั่นยาด้วยงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้!”
พอได้ยินดังนั้น สายตาของจิรภัทรก็เผยรอยอมยิ้มร้ายกาจออกมา
ถ้าหากว่า……เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านกลั่นยาจริงๆล่ะก็ จะเป็นอย่างไร?”
“เป็นไปไม่ได้!”
ปยุตโบกมือพูดว่า “ไอจิรภัทร ถ้าหากว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านกลั่นยาด้วยล่ะก็ ผมก็จะไม่กินเหล้าอีกเลยทั้งชีวิต!”
“ได้!คุณพูดเองนะ!”
จิรภัทรหัวเราะลั่น “แต่ว่า ไอ้แก่อย่างคุณรักสุราดั่งชีวิต ให้คุณเลิกเหล้าทั้งชีวิต คุณเชื่อ แต่ผมไม่เชื่อหรอก!”
พอคิดๆ ดู จิรภัทรก็กลอกตาไปมา “เอาแบบนี้ ผมก็จะไม่ให้คุณลำบากใจ ตอนที่คุณอยู่ในช่วงที่สอนรพีพงษ์กลั่นยาอยู่นั้น จะต้องไม่ดื่มเหล้าเลยแม้แต่หยดเดียว คุณว่าได้ไหม?”
“ได้เลย ได้แน่นอน แต่ว่า พนันกันแบบนี้ก็ไม่แน่ว่าผมจะแพ้นะ”
จิรภัทรยิ้มเบาๆ มองไปทางรพีพงษ์ “ต้องรู้ก่อนนะว่า อยากจะเรียนกลั่นยา มีปัจจัยที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณเทพค่อนข้างสูง คุณไหวหรือเปล่า?”
รพีพงษ์และจิรภัทรก็มองหน้ากัน แล้วก็อมยิ้ม
“ดื่มเยอะๆ หน่อยแล้วกัน นี่อาจจะเป็นเหล้ามื้อสุดท้ายหลังจากนี้อีกนานเลยทีเดียว” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
ปยุตก็พูดด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “เหอะ อย่าพูดไป ผมไม่เชื่อหรอก……”
ยังพูดไม่จบ ตาแก่ที่ไม่แต่งตัวดีๆ เหมือนกับจิรภัทรก่อนหน้านี้ นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ในมือก็ถือขวดเหล้า ท่าทางตลกไม่น้อย
จิรภัทรที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเบาๆ ปยุตคนนี้ อยากจะเห็นเอ็งตกใจจนต้องอ้าปากค้างเสียจริงๆ !
หลังจากนั้น10กว่าวินาที รพีพงษ์ก็เก็บจิตวิญญาณเทพคืนมา
ปยุตก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ดื่มเหล้าในมือจนเกลี้ยง ปยุตก็พูดเสียงดังๆ ว่า “ให้ตายเถอะ ในโลกนี้มีคนแบบนี้ด้วยหรือนี่!มันน่าอัศจรรย์มากเลย!”
“เป็นไงล่ะ คุณเชื่อแล้วล่ะสิ” จิรภัทรยิ้มพูด “แล้วเรื่องพนันกันไว้ครั้งก่อน…….”
“หนอยแหน่ะไอจิรภัทร จะเล่นแง่กับผมใช่ไหม!”
ปยุตก็มองบนใส่จิรภัทร แต่ก็ไม่จะเอาเรื่องอะไรมาก
“ได้ ผมตัดสินใจแล้ว จะสอนรพีพงษ์กลั่นยาเอง!”
“งั้นก็ขอบคุณผู้อาวุโสด้วย” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
“ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก ผมน่าจะเดาถูก สามารถให้คุณไม่รังเกียจตาแก่อย่างผม แล้วมาเรียนกลั่นยากับผม นับว่าเป็นเกียรติของผม”
ปยุตพูด
“เอาเถอะๆ พวกคุณอย่ามัวมาขอบคุณกันอยู่เลย ยังมีเวลาอีก1เดือน ปยุต ก็ฝากด้วยแล้วกัน” จิรภัทรกล่าว
“ได้ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”
พูดไปดังนั้น สเต๊กยุตก็มองหน้ารพีพงษ์แหยๆ “ต่อจากนี้อีก1เดือน ถ้าอยากจะพัฒนาฝีมือเร็วๆ ก็จะต้องลำบากกว่าปกติ ถึงขั้นต้องฝึกฝนอย่างหนัก คุณรับได้ไหม? เพราะถึงอย่างไร คุณก็เป็นถึงนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ของเกียวโต ตั้งแต่เล็กก็……..”
“คุณวางใจเถอะครับ!ถึงแม้ผมจะเกิดมาในตระกูลใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกัน ผมผ่านเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ มามากมายกว่าคนบนโลกนี้เคยได้รับเสียอีก!”
“ได้ งั้นก็โอเค”
ปยุตพยักหน้าอย่างพอใจ “อย่ามัวชักช้ากันอยู่เลย ตามผมมาเถอะ”
พูดไป เขาก็ลากมือรพีพงษ์ ออกไปจากที่นี่
มองด้านหลังของทั้งสองคนนั้น จิรภัทรที่อยู่ในศาลาก็อมยิ้ม
“ปยุตคนนี้ ในที่สุดก็มีเรื่องที่ให้เขาต้องเป็นห่วงจนได้”
พูดไป เขาก็หยิบขวดเหล้าบนแท่นหินขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็มีเสียงตะโกนดังออกมา
“ให้ตายเถอะ จะไม่เหลือให้กันสักหยดเลยหรือไง!”
……
“คุณก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ”
รพีพงษ์ถาม
ปยุตก็พาเขามาที่ถ้ำแห่งหนึ่งในสำนักเทพยาเซียน
ในถ้ำค่อนข้างมืด แต่อากาศก็ถ่ายเทได้ดี ไม่ค่อยชื้นแฉะเท่าไรนัก
บนพื้นเต็มไปด้วยขวดเหล้า พูดอย่างไม่โอเวอร์เลย มีหลายร้อยขวด
คนคนนี้ เป็นขี้เหล้าจริงๆ !
รพีพงษ์คิดในใจ เป็นขี้เหล้าก็ไม่เป็นไร แต่ต้องมีความสามารถจริงๆ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ก็จะเสียเวลาไปเปล่าๆ
ดูเหมือนว่าปยุตจะอ่านความคิดของรพีพงษ์ออก ก็เลยยิ้มพูดว่า “รพีพงษ์ คงคิดอยู่สินะว่า ขี้เหล้าอย่างผม จะกลั่นยาได้จริงๆหรือ ใช่ไหม?”
“ในเมื่อเจ้าสำนักจิรภัทรเชื่อมั่นในตัวคุณ ผมก็เชื่อเหมือนกันครับ” รพีพงษ์กล่าว
“รู้ไหวว่าทำไมผมต้องมาอยู่ที่นี่?” ปยุตหยีตาพูด
รพีพงษ์ส่ายหัว บอกตามตรง ตนเองก็ไม่คิดเลยว่า วันหนึ่งจะมาอยู่ในถ้ำแบบนี้
“ตามผมมา!”
สองคนเดิมตามกันไป เดินเข้าไปยังในถ้ำด้านใน
ยิ่งเดินยิ่งแคบลง ปยุตที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน ผ่านไปค่อนข้างลำบาก แต่ว่าสามารถตะแคงตัวผ่านไปได้
“คุณดูสิ!”
ปยุตชี้ไปข้างหน้า รพีพงษ์ก็อึ้งไปอย่างมาก
“ด้านหน้านั้นสว่างมาก ถ้ำภายในถ้ำอีกที ปรากฏขึ้นตรงหน้ารพีพงษ์”
เมื่อเทียบกับถ้ำด้านนอกที่เก่าคร่ำคร่าแล้ว ถ้ำด้านในนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่ หรือการตกแต่ง ล้วนดีกว่าด้านนอกมากมาย
ในนี้ จัดเรียงชั้นหนังสือไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านบนเต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ
“นี่คือ?”
รพีพงษ์มองปยุต
ปยุตยิ้มพูดว่า “น้ำพักน้ำแรงทั้งหมดของสำนักเทพยาเซียนเรา ล้วนอยู่ที่นี่ทั้งหมด!”
“ที่นี่มีห้องยา มีคัมภีร์โบราณ หลักการสำคัญของการเรียนวิชากลั่นยา ที่สำคัญกว่านี้คือ ยังเก็บวัตถุดิบสำคัญหายากไว้ด้วย!”
“วัตถุดิบสำคัญหายากงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ไม่ค่อยเข้าใจ “สำนักเทพยาเซียนมีพลังทิพย์มากมาย สามารถค้นหาตัวสมุนไพรหายากได้ง่ายๆ หรือว่าที่นี่จะเก็บตัวยาที่ล้ำค่ากว่าด้านนอกไว้”
“แน่นอน”
ปยุตพูดว่า “เป็นยาล้ำค่าเหมือนกัน แต่ว่าระดับมันต่างกัน”
ถ้าเอามาทำยาชนิดเดียวกัน วัตถุดิบที่มีระดับยิ่งสูง ความบริสุทธิ์ของยาที่ได้ก็จะยิ่งสูงไปด้วย เห็นกล่องที่เรียงอยู่ตรงนั้นไหม?
รพีพงษ์มองออกไป มันไม่เหมือนกันชั้นวางอื่นๆ บนชั้นวางนี้ เรียงเต็มไปด้วยกล่องกว่า50กล่อง บนกล่องล้วนล่ามโซ่ไว้
“ผ่านการค้นหามากว่า100ปี ถึงหาตัวยาที่หายาก50-60ชนิดนี้ นี่ก็คือสิ่งของล้ำค่าที่สุดของสำนักเทพยาเซียนเรา!” ปยุตกล่าว
รพีพงษ์มองปยุต ในใจก็ไม่สงสัยอะไรอีก
ให้หน้าที่สำคัญแบบนี้แก่ปยุต เห็นได้ชัดว่า ตำแหน่งของปยุตในสำนักเทพยาเซียนนี้ ก็คงจะสูงไม่น้อย
“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ รู้จักไหมครับ?”
รพีพงษ์ถามขึ้นมา
“รู้สิ คนในวงการนี้มีใครบ้างไม่รู้จัก” ปยุตพูดอย่างไม่ค่อยสนใจว่า “ก็นี่ไง เหตุที่ต้องเก็บของพวกนี้ไว้ที่นี่ พวกเขาตามหากันหลายสิบปีก็ยังหาไม่พบ จะว่าไปแล้ว ก็เป็นไอ้พวกโง่เขลากันทั้งนั้น”
รพีพงษ์พยักหน้า บอกเลยว่าวิธีของสำนักเทพยาเซียนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ถ้ำแห่งนี้ ถ้ามองจากด้านนอกมันดูพังทลายมาก บวกกับขี้เหล้าอย่างปยุตอยู่ในถ้ำ ไม่ว่าคนนอกที่ไหน ก็ไม่อยากเข้าใกล้ ใครจะอยากเข้าไปสำรวจด้านในกันล่ะ?
ต่อให้มีคนเข้ามา เกรงว่าถ้าไม่มีปยุตนำทางให้ ก็คงไม่รู้ว่าด้านในยังมีอะไรแบบนี้อยู่ด้วย
“ตาแก่นี่ ร้ายไม่เบาเลยทีเดียว!”
รพีพงษ์ก็แอบยิ้มๆ