พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1250 เด็กไร้ยางอาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1250 เด็กไร้ยางอาย
“เจ้าสำนักก็เจ้าสำนัก ที่แท้ก็ถึงแดนดั่งเทพแล้ว” นีย์กล่าวด้วยยิ้ม
“ข้าโง่เขลา เพิ่งถึงแดนดั่งเทพขั้นกลาง แต่ ถ้าหากวันนี้สาวน้อยยินดีขอโทษกับคำพูดและการกระทำ ข้าจะพาเจ้าลงจากภูเขาด้วยตัวเอง” จิรภัทรพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ และให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่นีย์
“ไม่จำเป็นหรอก ตั้งแต่เล็กจนโต ข้าไม่เคยขอโทษใครมาก่อน ยิ่งกว่านั้น ข้ากำลังเผชิญหน้ากับขยะอย่างพวกเจ้า” นีย์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถึงแม้ว่าจิรภัทรจะนิสัยดีแค่ไหน ในที่สุดเขาก็หงุดหงิดแล้วในตอนนี้
“เจ้าเด็กโง่คนนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าโทษข้าที่รังแกเจ้าแล้วกัน!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น กระบี่แทงนีย์โดยไม่ลังเล มีความแข็งแรงมาก จนมีกระแสลมเกิดขึ้นรอบๆ ใบมีด
ลูกศิษย์ทุกคนมีใบหน้าเต็มไปด้วยความตั้งตารอ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่รพีพงษ์บุกเข้าไปสำนักเทพยาเซียน นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นเจ้าสำนักลงมือ
“นี่คือศักยภาพของแดนดั่งเทพขั้นกลางเหรอ?”
“เจ้าสำนักก็คือเจ้าสำนัก เมื่อลงมือก็ไม่ธรรมดา ในตอนนี้ นีย์ผู้นี้น่าสังเวชแล้วล่ะ!”
“ก็ใช่ พี่รพีพงษ์มีเพียงแค่คนเดียว หรือเป็นคนที่มีพรสวรรค์ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
……
ลูกศิษย์ทุกคนอุทานด้วยความตกตะลึง แต่วินาทีถัดมา พวกเขาหยุดหายใจไปชั่วขณะและพูดไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของจิรภัทร นีย์ไม่หลบ ใช้สายตาที่ดูถูก
ทันใดนั้น โซ่สีดำก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
“นี่……เป็นไปได้อย่างไร สาวน้อยคนนี้ ก็ถึงขั้นแดนดั่งเทพแล้วเหรอ?”
ชุติเดชตะโกนออกมา
ผู้อาวุโสทุกคนบนเวทีลุกขึ้นยืนทันที พี่ใหญ่เบิกตากว้าง
“เหอะ ไม่ใช่ว่าแดนดั่งเทพขั้นกลางหรอกเหรอ ข้ายังไม่ได้ให้ความสำคัญเลย”
พูดแล้ว โซ่ที่อยู่ในมือของๆนีย์ชี้ไปที่กระบี่ยาวของคู่ต่อสู้
ทันทีที่พวกเขาสัมผัส โซ่ก็พันกระบี่ยาวจนแน่น
“แตก!”
จิรภัทรตะโกนขึ้น ใช้กำลังจนถึงขีดสุด
แต่ทุกครั้งที่คิด อีกฝ่ายไม่ขยับเลยสักนิด ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าสำนักจิรภัทร ดูเหมือนว่า เจ้าก็แค่นี้เองเหรอ”
นีย์กล่าวด้วยรอยยิ้มดูหมิ่นเบาๆ จู่ๆพลังในมือก็ระเบิดทันที
เพียงแป๊บเดียว กระบี่ด้ามยาวกลายเป็นขี้เถ้า โดนโซ่ทุบเข้าโดยตรง!
“เป็นไปได้อย่างไร?”
จิรภัทรอุทาน
ทันใดนั้น โซ่ในมือของนีย์ก็ฟาดเข้าไปที่ท้องของจิรภัทรอย่างรวดเร็ว
จิรภัทรทนไม่ไหวถอยหลังไป ถอยไปหลายสิบก้าว จนในที่สุดก็ล้มลงไป
รีบหยิบเม็ดยาออกจากกระเป๋าขึ้นมากิน สีหน้าของจิรภัทรดีขึ้นนิดหน่อย
“เจ้า……เจ้าคือ”
“ขอโทษนะ ข้าแดนดั่งเทพชั้นยอด ก็แค่เก่งกว่าเจ้านิดหน่อย” สาวน้อยยิ้มอย่างเหยียดหยาม
ในห้องโถงเงียบสงัดเหมือนความตาย ทุกคนมองนีย์ราวกับว่าพวกเขากำลังดูเทพปีศาจยังไงอย่างงั้น
จิรภัทรตกตะลึงสุดขีด
ศักยภาพของรพีพงษ์นั้นเด่นชัดเจนจนใครๆก็เห็นได้ แต่ว่า เมื่อถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด ดูโตกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่กี่ปี
คิดไม่ถึง ว่าจะมีผู้มีพรสวรรค์เช่นนี้ในโลก?
“จั๋วเยว่ สิ่งที่ข้าควรทำ ข้าได้ทำหมดแล้ว ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
นีย์กระซิบบอก สายตาอันเหยีดหยามได้กวาดมองทุกคน แล้วก้าวออกไปด้านข้าง
จั๋วเยว่กล่าวและยิ้มเบาๆว่า: “ทุกคนขอโทษด้วยนะ สาวน้อยนีย์ก็เป็นแบบนี้แหละ หวังว่าทุกคนจะไม่รังเกียจกัน สำหรับข้อเสนอที่ข้าเพิ่งพูดถึง ไม่ทราบว่าทุกคนจะมีข้อโต้แย้งใดๆหรือไม่?”
ทุกคนมองไปที่จั๋วเยว่ด้วยความขุ่นเคืองในสายตา
ถ้าข้างกายไม่มีนีย์ผู้น่ากลัวอยู่ข้างๆเขา คนเหล่านี้แค่มองตากัน ก็สามารถจัดการจั๋วเยว่ได้แล้ว
“ถ้าหาก พวกเจ้าทุกคนกล้าท้าทาย ข้าคิดว่า สำนักเทพยาเซียนที่นี่ ควรเป็นของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุเถอะ”
ดวงตาของจั๋วเยว่คมชัดขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า: “ท้ายที่สุดแล้ว ดินแดนสมบัติเช่นนี้ คู่ควรกับยอดฝีมือเท่านั้น!”
“เจ้า……พวกเจ้าคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ล้วนเป็นพวกไร้ยางอาย”
ด้านล่างเวที ศิษย์คนหนึ่งยืนขึ้นและสาปแช่ง
แต่ในทันที นีย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โบกแขนเสื้อเล็กน้อย และศิษย์หนุ่มก็กระแทกผนังอย่างแรง ทำให้อาเจียนเป็นเลือด
“ตอนนี้ ยังมีใครกล้าต่อต้านอีกไหม?”
จั๋วเยว่กล่าวอย่างเย็นชา: “สำนักเทพยาเซียนที่สง่าผ่าเผย ไม่มีใครสามารถออกมาลงมือได้เลยเหรอ?”
“ข้าเอง!”
ในขณะนั้น ชุติเดชยืนขึ้น
“หนุ่มน้อย เจ้าอย่าประมาทเลินเล่อ ก็แค่ยาเม็ดปี่จื้อเอง เจ้าปู่ชุติเดชจะเล่นกับเจ้าเอง!” ชุติเดชพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้า?”
จั๋วเยว่มองขึ้นลง: “ใช้ได้นะ แต่พวกเราครั้งนี้เรามาประลองยาเม็ดเฉียนสิงเจ้าทำได้ไหม?”
“ยาเม็ดเฉียนสิง?”
ชุติเดชแอบปาดเหงื่อ
ยาเม็ดเฉียนสิงเป็นยาชั้นเลิศ ด้วยศักยภาพของชุติเดช เขาทำไม่ได้เลย
“สู้ๆ พี่ชุติเดช เจ้าทำได้!”
“ใช่ พี่ชุติเดช เราเชียร์พี่ ทำลายความน่าเกรงขามของเด็กคนนี้ซะ!”
……
ชุติเดชเหงื่อไหลไปทั้งตัว ลงจากเวทีไม่ได้อยู่ครู่หนึ่ง
จิรภัทรที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นจั๋วเยว่พูดอย่างนี้ สันนิษฐานว่าต้องมีความมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง
ถ้ารู้ว่า ยาชั้นเลิศ เป็นของจิรภัทร โอกาสความสำเร็จก็ดูเหมือนว่ามีเพียง 30% เท่านั้น
“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ สรุปว่าบ่มเพาะนักกลั่นยาแบบไหนกัน!”
จิรภัทรคิดในใจ
“ทำไม เห็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ไหวนะ ถ้าไม่ไหว ก็ไสหัวไปซะดีๆ!”
จั๋วเยว่พูด และก็ไม่มองชุติเดชอีก
“ฮึ ใครบอกว่าข้าไม่ไหว!” ชุติเดชกล่าวเสียงดัง: “ก็แค่ยาเม็ดเฉียนสิง แค่ทำมันเอง! แต่ปู่ชุติเดชอย่างเจ้า ข้าอาจจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีครึ่งในการผลิต
“เหอะ น่าเบื่อ”
จั๋วเยว่เหยียดหยาม: “คิดไม่ถึง ว่าสำนักเทพยาเซียนอย่างพวกเจ้า เป็นพวกเด็กไร้ยางอายกันอย่างนั้นเหรอ และไม่แปลกใจเลยที่มันตกอับลงมาจนถึงจุดนี้ได้!”
“เด็กไร้ยางอาย ด่าใคร!”
ในขณะนี้ มีชายแก่และวัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามาด้านนอกห้องโถง คนแก่คือปยุต ส่วนคนที่เป็นวัยรุ่นก็คือจิลลา
“ก็ต้องว่าแกน่ะสิ ตาแก่!” จั๋วเยว่มองไปที่ปยุตที่เข้ามาตรงหน้าเขา ตอบไปอย่างคล่องปาก
“อ๋อ” ปยุตพยักหน้าทันที
คนอื่นหัวเราะฮ่าๆกันใหญ่
หลังจากที่จั๋วเยว่มาถึงที่นี่ ฝั่งสำนักเทพยาเซียนก็ถือว่าได้เปรียบครั้งหนึ่งแล้ว
กว่าจั๋วเยว่จะเข้าใจ เขาก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ไอ้คนอย่างเจ้า มันไร้ยางอายจริงๆ!”
“งั้นเหรอ? ทำไมข้าไม่รู้เลยล่ะ? เมื่อกี้เจ้าเพิ่งยอมรับว่าเป็นเด็กไร้ยางอาย” ปยุตกล่าวอย่างไม่แยแส
“จั๋วเยว่ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้ว”
นีย์ที่อยู่ข้างๆพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จั๋วเยว่กลืนคำพูดตัวเอง และพูดทันทีว่า: “ได้ พูดไปพูดมา ไม่มีใครในสำนักเทพยาเซียนกล้าที่จะออกมาท้าทาย ทำได้แค่ปากดีเท่านั้นแหละ!”
“ใครบอกว่าไม่มี” ปยุตลุกขึ้นยืนและพูด
“เจ้าบอกว่าคือเจ้าเหรอ”
จั๋วเยว่กล่าวอย่างดูหมิ่น: “ได้นะ ในเมื่อรุ่นน้องของเจ้าไร้ความสามารถ ถ้าเป็นชายแก่อย่างเจ้า ก็ได้”
“เด็กไร้ยางอาย เจ้าพูดผิดแล้ว คนที่จะประลองฝีมือกับเจ้า ไม่ใช่ข้า แต่คือนาง!”
ขณะที่พูด ปยุตก็ผลักจิลลาไปข้างหน้า
“เจ้า?”
เห็นจิลลาที่อายุน้อยกว่าตัวเอง จั๋วเยว่ยิ้มเย็นชา: “ยาเม็ดเฉียนสิง ยาชั้นเลิศ ทำได้ป่ะล่ะ?”
“ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว เรามาเริ่มกันได้แล้ว” จิลลาพูดอย่างเย็นชา
“ช้าก่อน!”
จั๋วเยว่เดินกลับไปที่ใจกลางห้องโถง หันหน้าไปยังจิรภัทร: “ในเมื่อเป็นการประลอง งั้นต้องมีแพ้ชนะ ฝ่ายที่แพ้ ก็จะต้องถูกทำโทษ ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักจิรภัทรจะว่าอย่างไร?”
“ได้ แต่ ถ้าจะพูดว่า เข้าครอบครองสำนักเทพยาเซียนของเรา สาวกทุกคนในหุบเขา ต่อให้ต้องสู้สุดชีวิต ก็จะไม่มีวันรับปาก!” จิรภัทรกล่าวอย่างเฉียบขาด สายตาของเขาจับจ้องไปที่นีย์
เห็นได้ชัดว่า สองคนในเหตุการณ์นี้ ศักยภาพของนีย์เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวมากที่สุด
“วางใจได้ ถึงแม้จะยึดสำนักเทพยาเซียนของพวกเจ้า ก็เป็นเรื่องของอาจารย์ข้า ข้าก็แค่พูดไปเท่านั้นเอง” จั๋วเยว่ยิ้มเบาๆและกล่าว : “แต่พอถึงเวลา สาวน้อยคนนี้แพ้ ข้าต้องการเพียงเจ้าสำนักจิรภัทรรับปากข้าข้อหนึ่ง”
“เรื่องอะไร!” จิรภัทรถาม
จั๋วเยว่ยิ้ม: “สาวน้อยนีย์และข้ามาที่สำนักเทพยาเซียนเป็นครั้งแรก ความงามของหุบเขารวมถึงความน่ามหัศจรรย์ขอองมัน ทำให้เราประหลาดใจ ข้าหวังว่า ถ้าเราชนะ พวกเจ้าสำนักเทพยาเซียนอนุญาตให้เราอยู่ในหุบเขานี้เป็นเวลา 3 วัน ใน 3 วันนี้ห้ามให้ใครมารบกวน และเราสามารถเข้าออกหุบเขาได้ตามใจชอบ”
“เงื่อนไขนี้ ไม่ถือว่าเกินไปหรอกนะ” จั๋วเยว่พูด
จิรภัทรและปยุตมองตากัน ทั้งสองคนรู้ดีอยู่แก่ใจ
เงื่อนไขที่เขาพูดมา ต้องคิดหาสมบัติล้ำค่าของถ้ำสำนักยาเทพเซียนให้ได้ภายในสามวันนี้แน่
เพียงแค่ นีย์คนนี้ก็ไม่ใช่คนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ทำไมต้องอยู่ในหุบเขาเป็นเวลา 3 วันด้วยล่ะ?
“แน่นอน ถ้าจิลลาสาวน้อยผู้นี้เก่งกาจพอ และถ้าข้าแพ้ ข้าก็ย่อมได้รับโทษ” จั๋วเยว่กล่าว
“งั้นเจ้าว่ามา โทษที่เจ้าจะได้รับคืออะไร” จิรภัทรถาม
“ง่ายมาก ถ้าข้าแพ้ ก็จะออกจากสำนักยาเทพเซียนทันที หลังจากนี้ 20 วันจะมีการประลองกลั่นยา ก่อนที่วันประลองจะมาถึง ข้ารับประกันว่าจะไม่มีคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมารบกวนที่นี่” จั๋วเยว่พูด
“อ่ะ เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ถ้าเจ้าชนะก็จะอยู่กับเราที่นี่ 3 วัน และยังไม่ให้เราตามด้วย ถ้าเจ้าแพ้ก็จะออกไปทันที นี่มันไม่ได้เสียหายอะไรกับเจ้าเลย” ปยุตพูดอย่างไม่พอใจ
จั๋วเยว่ยิ้มและมองไปที่จิรภัทร และเอ่ยปากว่า: “นิสัยของสาวน้อยนีย์ ทุกคนก็ได้เห็นกันแล้วนี่ ถ้าพวกเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็ยากที่จะรับปากนะว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น!”
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า!”
จิรภัทรกล่าวด้วยความโมโห แต่ว่า ว่านีย์ดันเหนือกว่าซะงั้น ตัวเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วย