พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1251 แว้งกัด
“เจ้าสำนัก รับปากเขา!”
จิลลาเดินไปข้างหน้า แล้วกล่าวอย่างราบเรียบ จากนั้นเธอก็มองไปที่จั๋วเยว่อีกครั้ง
“ถ้าคุณพ่ายแพ้ เพิ่มอีกข้อหนึ่ง ก็คือคุณกับผู้หญิงคนนี้ต้องโค้งคำนับขอโทษทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บ!”
“โอเค ผมรับปาก”
จั๋วเยว่ยิ้มอย่างเบาใจ “ถึงอย่างไรท้ายที่สุดคุณก็ต้องแพ้”
“ใครแพ้ ใครชนะ ต้องแข่งขันกันก่อนถึงจะรู้!”
จิลลามองไปที่จิรภัทรหลังจากกล่าวจบ “เจ้าสำนัก เริ่มแข่งขันได้เลย”
จิรภัทรมองจิลลา หลังจากร่ำเรียนในถ้ำกับปยุตสองวัน ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์มากมาย
นิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจดูเหมือนว่าจะลดลง กลับรู้สึกว่ามีความนิ่งสงบขึ้นเล็กน้อย
“โอเค ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้เต็มที่”
จิรภัทรกล่าว
เช่นเดียวกับรพีพงษ์ ถ้าบุคคลต้องการเติบโต ก็ต้องผ่านอุปสรรคและความท้าทายต่าง ๆ
ตอนนี้ จิลลาเป็นความหวังของสำนักเทพยาเซียน และความท้าทายนี้เป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับเธอเช่นกัน
จิลลาและจั๋วเยว่เดินมาที่กลางห้องโถง
โต๊ะไม้แดงถูกจัดวางไว้สองโต๊ะ จั๋วเยว่ยิ้มเล็กน้อย และหยิบวัตถุดิบยาสองชนิดที่จะต้องใช้ในการกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงออกมาจากกระเป๋า
“ถ้าคุณคิดว่าผมโกง คุณสามารถเปลี่ยนกับผมก็ได้” จั๋วเยว่กล่าว
“ไม่ต้อง”
จิลลากล่าวด้วยเสียงที่เย็นชา
ด้วยความที่สัมผัสและอยู่กับยามาตั้งแต่เด็ก ทำให้จิลลาสามารถรู้ว่ายานั้นเป็นยาจริงหรือยาปลอมจากสีและกลิ่นของยาได้
“เริ่มการแข่งขันได้!”
ชุติเดชยืนอยู่ข้าง ๆ
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่คนสองคนที่อยู่ตรงกลางห้องโถง
“เจ้าปยุต คุณคิดว่าโอกาสที่จิลลาจะผลิตยาเม็ดเฉียนสิงสำเร็จมีกี่เปอร์เซ็นต์” จิรภัทรถามเบา ๆ จากด้านข้าง ด้วยท่าทางสุขุม
“พูดตามตรง น้อยกว่า“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์?” ปยุตกล่าว
“ยี่สิบเปอร์เซ็นต์?”
สายตาของจิรภัทรดูผิดหวัง แต่เมื่อคิดถึงว่า อัตราความสำเร็จของตนเองอยู่ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วอัตราความสำเร็จของจิลลาอยู่ที่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าดีมากแล้ว
“อย่างไรก็ตาม สาวน้อยคนนี้ได้ฝึกฝนกับผมอย่างหนักในช่วงสองวันที่ผ่านมา และผมก็มีความคาดหวังในตัวเธอ” ปยุตกล่าว
“จริงเหรอ? ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะขี้เล่น เจ้าปยุต คุณเป็นอาจารย์ที่ดีจริง ๆ เรื่องนี้ ผมสู้คุณไม่ได้” จิรภัทรกล่าว
ปยุตหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เกี่ยวอะไรกับผม ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ผมได้บอกเกี่ยวกับความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวของรพีพงษ์ จึงทำให้จิลลาเกิดความมุ่งมั่น ผมคิดว่าเธอต้องการรอให้รพีพงษ์ออกมาจากป่าหมอก แล้วแสดงฝีมือให้เขาเห็นมั้ง!”
“ที่แท้มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”
จิรภัทรยิ้มอย่างจำใจ แล้วถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์ในป่าหมอก”
“ใช่ ถ้าเขาอยู่ที่นี่ คนสองคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ เทียบอะไรไม่ได้เลย!” ปยุตกล่าวเช่นเดียวกัน
ตรงกลางห้องโถง มือของจั๋วเยว่เคลื่อนไหวเร็วมาก และเห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในการกลั่นยาเป็นอย่างมาก
ยิ่งกว่านั้น รอบ ๆ ตัวเขามีพลังทิพย์จาง ๆ แผ่ออกมา
“เป็นนักกลั่นยาที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากอีกคนหนึ่ง”
จิรภัทรกล่าว และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้ความสามารถของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
การกลั่นยาชั้นเลิศนั้น จะต้องมีสมาธิอย่างเต็มที่ และไม่ถูกรบกวนจากสิ่งภายนอก
จิลลาขมวดคิ้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ลงมือสักที
“ครั้งนี้ ฉันต้องชนะอย่างเดียว พ่ายแพ้ไม่ได้!”
จิลลาคิดอยู่ในใจ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความรับผิดชอบ
พลังจิตแผ่ซ่านออกมา จิลลาเริ่มลงมือ
เธอหยิบวัตถุดิบยาทั้งสองออกมาก่อน ปริมาณที่พอดี จากนั้นจึงหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ภายใต้การรับรู้ถึงพลังจิต จิลลาสามารถเข้าใจจุดเวลาของการหลอมรวมของเม็ดยาได้อย่างแม่นยำ
เพียงแต่ วัตถุยาที่จำเป็นสำหรับยาชั้นเลิศนั้นมีค่าอย่างยิ่ง ต้องการหลอมรวมเข้าด้วยกัน ต้องใช้เวลามาก
เวลาผ่านไปสองชั่วโมง
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของจิลลา และเธอพยายามรักษาสมาธิของตนเอง ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องหนักสำหรับเธอ
ตรงกันข้ามกับจั๋วเยว่ ที่เสร็จขั้นตอนแรกแล้ว และกลิ่นหอมของยาก็อบอวลไปทั่วห้องโถง
เพียงแค่การหลอมรวมของวัตถุดิบยาสองชนิดเสร็จ มันแสดงให้เห็นแล้วว่าเม็ดยาชั้นเลิศนี้ไม่ธรรมดา
“ดูท่าแล้ว คุณพ่ายแพ้แน่นอน”
จั๋วเยว่ หยุดพัก และกล่าวเบา ๆ
จิลลาฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และยังคงมุ่งมั่นต่อไป
“อ้อ ผมลืมบอกคุณ อันที่จริง ตอนที่ผมอยู่ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ผมได้ลองกลั่นยาสูตรนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ผมเชี่ยวชาญและเข้าใจทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ผมกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงสำเร็จไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว คุณจะสู้กับผมได้อย่างไร!”
จั๋วเยว่กระซิบ และพยายามใช้คำพูดรบกวนจิตใจของจิลลา
ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของจิลลาเกิดสั่นเทาขึ้นมา
ในฐานะนักกลั่นยา จิลลาย่อมรู้ดีว่าหากลองกลั่นยาเม็ดเดียวซ้ำ ๆ อัตราความสำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นธรรมดา
แต่ว่า ในสถานการณ์ปกติ ยาระดับสูงขึ้นไปจะไม่ลองทำซ้ำ ๆ เพราะว่าวัตถุดิบยาระดับสูงพวกนี้มีราคาค่อนข้างแพง แล้วก็ค่อนข้างน้อยมาก
เนื่องจากจั๋วเยว่สามารถกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงยาชั้นเลิศแบบนี้ได้ไม่น้อยกว่าสิบครั้ง แสดงให้เห็นถึงภูมิหลังที่แข็งแกร่งและการสนับสนุนทางการเงินของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุได้เป็นอย่างดี
“ฉิบหาย ดูเหมือนว่าจิลลาจะประหม่าเล็กน้อย” จิรภัทรสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจิลลาอย่างรวดเร็ว
ปยุตก็กังวลเช่นกัน แต่เรื่องนี้จบลงแล้ว เขาทำได้เพียงแค่โล่งใจ: “ไม่เป็นไร แม้ว่าจิลลาจะพ่ายแพ้ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จั๋วเยว่จะหาของล้ำค่าของเราพบภายในสามวันได้”
“อืม ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” จิรภัทรพยักหน้าและกล่าว
เวลาผ่านไป ท้องฟ้าเปลี่ยนจากพลบค่ำกลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เวลานี้ ในที่สุดจิลลาก็เสร็จสิ้นขั้นตอนแรกของการหลอมรวม แต่ว่าจั๋วเยว่ซึ่งอยู่ด้านข้าง กำลังทำการหลอมรวมยาครั้งสุดท้ายแล้ว
“ฉันต้องเร่งความเร็วแล้ว ฉันต้องชนะให้ได้!”
จิลลาแอบให้กำลังใจตัวเอง และเธอไม่หยุดพักเลย เริ่มการหลอมรวมขั้นสุดท้ายทันที
เพียงแต่ จั๋วเยว่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับพลังจิต และที่สำคัญกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกของจิลลาในการผลิตยาชั้นเลิศ และพลังจิตของเธอก็ใกล้จะหมดแล้ว
ยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากสำหรับจิลลามากขึ้นเท่านั้น เธอจึงทำได้เพียงแค่อาศัยการควบคุมสติ ในการหลอมรวมตอนสุดท้าย
ทันใดนั้น มีกลิ่นแปลก ๆโชยมาจากทางจิลลา
ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย กลิ่นนี้ไม่เหมือนกลิ่นหอมของสมุนไพร
“แย่แล้ว! จิลลาตกอยู่ในอันตราย!”
จิรภัทรและปยุตกล่าวพร้อม ๆ กัน จากนั้นพุ่งเข้าไปที่โต๊ะแข่งขัน
เวลานี้ ใบหน้าของจิลลาขาวซีดเผือด นิ้วทั้งสิบนิ้วแข็งทื่อ และร่างกายของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
บนโต๊ะ มียาเม็ดเฉียนสิงที่ทำไปครึ่งหนึ่งวางอยู่ ขณะนี้มันก็โปร่งแสง และมีพลังทิพย์หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
และที่มาของพลังทิพย์เหล่านี้ มันมาจากร่างกายของจิลลา
จิลลารู้สึกว่าพลังของเธอกำลังจะถูกดูดไปหมด เธอพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองมีสติ แต่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะถูกตรึงไว้ ก็แล้วแต่เม็ดยาจะชักใย
“จิลลา ละทิ้งการกลั่นยาเร็ว!”
จิรภัทรตะโกนเสียงดัง
แต่จิลลาเหมือนฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา และยืนอยู่ที่นั่นเหมือนท่อนไม้
“อีนังหนู ไม่กลัวตายหรือไง!”
ปยุตกล่าวอย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้าแล้วผลักจิลลาออกไป
จิลลาถูกผลักลงไปที่พื้น แขนของเธอสั่น และรูม่านตาค่อยๆ ขยายออก
“ฉิบหาย สูญเสียพลังจิตมากเกินไป ร่างกายของจิลลาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” จิรภัทรกล่าวอย่างกังวล
“คุณมียาเม็ดตั้งสมาธิไม่ใช่เหรอ? รีบให้เธอกินเร็วๆ บางทีเธออาจจะรอด!” ปยุตกล่าวอย่างกังวล
“คุณโง่เหรอ คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมได้มอบยาเม็ดตั้งสมาธิให้รพีพงษ์ไปแล้ว?”
จิรภัทรกล่าวอย่างโกรธเคือง
“อั้ย!”
ปยุตหมดหนทาง ตนเองและจิรภัทรไม่มีพลังเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้
“มันเป็นความผิดของผม ที่ให้จิลลาเข้าร่วมการแข่งขัน นี่คือยาชั้นเลิศ แต่ถ้ามันแว้งกัด ผลที่ตามมาอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!” จิรภัทรโทษตัวเอง
จิลลาอาศัยอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก และเขาก็รักและเอ็นดูจิลลาเป็นหลานสาวของตนเอง
“ไม่ มันจะไม่บังเอิญขนาดนั้น” ปยุตกล่าวเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่ใจของเขาร้อนรนเหมือนมดอยู่บนกองเพลิง
ลูกศิษย์ทุกคนเลิกดูการแข่งขัน และรวมตัวกันล้อมรอบจิลลาไว้ หวังว่าจิลลาจะสามารถเอาชนะวิกฤตได้ด้วยตนเอง
มีเพียงฐปนีย์คนเดียว ที่นั่งเงียบ ๆ ไม่สนใจความเป็นความตายของจิลลาเลย
ขณะนี้ เสียงของจั๋วเยว่ก็ดังขึ้นมา
“ขอโทษทุกคนด้วย ผมกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงสำเร็จแล้ว!”
ทุกคนหันศีรษะ และแน่นอนว่า เม็ดยาที่จั๋วเยว่ถืออยู่ในมือนั้นก็คือยาเม็ดเฉียนสิง
จั๋วเยว่เช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก หรี่ตาและกล่าวว่า “ทำไมหรือ? ดูเหมือนว่าเธอจะถูกเม็ดยาแว้งกัด? ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีพลังเพียงพอ ในกรณีนี้ผมจะเป็นผู้ชนะ เจ้านำนักจิรภัทร พวกคุณคงจะไม่มีความเห็นอะไรใช่ไหม?”
“คุณ……”
ตอนนี้ชีวิตของจิลลาอยู่ในอันตราย จิรภัทรจึงไม่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องอื่น
“เอาล่ะ คุณฐปนีย์ พวกเราไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าเราทั้งคู่จะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของที่นี่ด้วยกัน”
“ใช้เวลานานมาก คุณนี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ” ฐปนีย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และเดินไปที่ประตูก่อน
จั๋วเยว่ขดริมฝีปาก และตามไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนในสำนักเทพยาเซียนรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ทำได้เพียงแค่มองดูพวกเขาเดินออกไปจากที่นี่
ขณะนี้ มีแสงประกายแวบหนึ่ง และลูกดอกสีดำก็พุ่งเข้ามาจากภายนอกทันที
ร่างกายของฐปนีย์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอหันร่างกายไปด้านข้าง และสามารถหลีกเลี่ยงไปได้
“ใคร!” ฐปนีย์ตะโกนถามเสียงดัง
ร่างสีดำเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาเย็นชา และเสื้อผ้าก็ทรุดโทรม แต่ว่าฝีเท้าของเขาหนักแน่นมาก!
“รพีพงษ์ คือพี่รพีพงษ์!”
ชุติเดชเป็นคนแรกที่จำได้
จิรภัทรและปยุตมองไปพร้อมกัน
“คือรพีพงษ์จริง ๆ ด้วย ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว!”
“ผมบอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าผมมองคนไม่ผิดจริง ๆ!”
……
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือรพีพงษ์ มุมปากของหญิงสาวก็สั่นอย่างเห็นได้ชัด
“การแข่งขันยังไม่จบนะ พวกคุณสองคน อย่าเพิ่งไป!”
ประตูห้องโถงปิดลงทันที รพีพงษ์จ้องทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม