พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1254 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1254 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้
ยาผงหลิงซี ถือเป็นกระสายยาที่ดีที่สุดสำหรับการกลั่นยา มันสามารถเพิ่มคุณภาพของวัตถุดิบยาให้สูงขึ้นได้โดยตรง!
ต้องรู้ว่า โลกภายนอกไม่ได้ดีเท่าสำนักเทพยาเซียน ที่มีพลังทิพย์มากมายสำหรับให้วัตถุดิบยาเหล่านี้ดูดซับ
คุณภาพของวัตถุดิบยาที่จั๋วเยว่นำมานั้นแย่กว่าของสำนักเทพยาเซียนมาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ วัตถุดิบยาที่ขายในตลาดก็มีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก!
มียาผงหลิงซีเป็นกระสายยา ทำให้วัตถุดิบยาธรรมดานี้ มีคุณภาพสูงกว่าวัตถุดิบยาที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์ของสำนักเทพยาเซียนเสียอีก
ใบหน้าของจั๋วเยว่แสดงถึงความประหลาดใจ “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไอ้หมอนี้มีความสามารถที่จะมีโอกาสใหม่อีกครั้ง?
รพีพงษ์ที่หลับตาลง ก็รู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงของยาที่อยู่ในมือของตนเองเช่นกัน
สมกับที่เป็นสัตว์เซียน ไม่เหมือนปกติทั่วไปจริง ๆ
ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว แต่คนรอบข้างไม่มีใครรู้สึกง่วง
มือของรพีพงษ์นั้นเร็วมาก และทุกนิ้วของเขาได้ใช้ประโยชน์หมด ประสบการณ์กลั่นยาสองครั้งก่อนหน้านั้น ทำให้รพีพงษ์รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เดิมวางแผนไว้ว่าจะกลั่นยาเม็ดไป่หลิง งั้นลองกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงเป็นการฝึกมือก่อน!
การเดินทางไปยังป่าหมอกในคราวนี้ รพีพงษ์ผ่านการต่อสู้หลายสิบครั้ง นอกจากนี้ การต่อสู้เหล่านั้นก็เสร็จสิ้นภายในสองวันโดยไม่หยุดพัก
ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์เซียนที่เขาพบนั้นตัวหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกตัวหนึ่งขึ้นเรื่อย ๆ การต่อสู้ที่เข้มข้นและยากลำบากเช่นนี้ ทำให้พลังความแข็งแกร่งของรพีพงษ์พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านั้น รพีพงษ์ในขณะนี้สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์เล็กทองคำในสมองของเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณเทพ กำลังค่อยๆ เคลื่อนไปสู่การเป็นรูปธรรม
คนนอกไม่รู้ มีเพียงแค่รพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ว่า ขณะนี้ การกระทำทั้งหมดที่อยู่ในมือของตนเองถูกควบคุมโดยมนุษย์เล็กทองคำ
“ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอัจฉริยะด้านการกลั่นยา! ทักษะแบบนี้แซงหน้าข้าไปมาก!” จิรภัทรอุทานอย่างจริงใจ
“ใช่”
ปยุตพยักหน้าและกล่าวว่า “คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถกว่า เข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าที่แก่ตัวโรยราไป ไอ้จิรภัทร พวกเราแก่แล้ว! ”
ทั้งสองมองรพีพงษ์ที่อยู่ตรงกลาง โดยรู้ว่านี่เป็นเพียงครั้งที่สามที่รพีพงษ์กลั่นยาเม็ด และได้เริ่มท้าทายกลั่นยาชั้นเลิศแล้ว!
จั๋วเยว่ที่ไม่แยแสเมื่อสักครู่ แต่ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะกังวล เมื่อได้เห็นเทคนิคที่เฉียบคมและแม่นยำของรพีพงษ์
แต่คนที่ทระนงอย่างเขาคิดว่า แม้ว่ารพีพงษ์จะกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงเสร็จแล้วยังไงล่ะ อย่างมากระดับสูงสุดของเกรดยาก็เท่ากับของตนเอง คนที่ชนะก็คือตนเองอยู่ดี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จั๋วเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้น รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของยาเม็ดที่อยู่ในมือ
ในเม็ดยานี้ ดูเหมือนจะมีพลังที่อยากจะระเบิดออกมา
“หรือว่า ยาเม็ดกำลังจะแว้งกัด?”
จิตใจของรพีพงษ์หวั่นไหว ไม่ใช่! ทุกขั้นตอนของตนเองนั้นสมบูรณ์แบบ ไม่น่ามีปัญหาอะไร!
หลังจากสัมผัสรับรู้อย่างละเอียดแล้ว รพีพงษ์ก็หายกังวล
เวลานี้ ทั่วทั้งยาเม็ดเฉียนสิงกลายเป็นสีเหลืองอ่อน และยาทั้งเม็ดถูกห่อหุ้มด้วยพลังทิพย์
“ชี่ยา!”
จิรภัทรกล่าวโพล่งออกมา!
รพีพงษ์สามารถทำได้อย่างที่คิด ยาชั้นเลิศที่ปรากฏชี่ยา!
“นี่…. มันเป็นไปได้ยังไง!”
จั๋วเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นอาจารย์ของตนเอง ต้องการสร้างเม็ดยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ก็เป็นสิ่งที่สามารถพบได้ แต่ไม่สามารถแสวงหามันมาได้
ไอ้หมอนี่ ทำได้อย่างไร?
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของรพีพงษ์ นอกสำนัก ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใสแต่เดิมก็มืดครึ้มอย่างกะทันหัน แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด
“ผมกลั่นยาเสร็จแล้ว”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ นำยาเม็ดเฉียนสิงที่เต็มไปด้วยชี่ยาในมือให้ทุกคนดู
“ไม่รู้ว่า ยาของผมเม็ดนี้มันเทียบกับยาของคุณแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง?”
รพีพงษ์ถาม แต่เวลานี้ จั๋วเยว่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เม็ดหนึ่งเป็นยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ส่วนอีกเม็ดหนึ่งเป็นเพียงยาระดับสูง ช่องว่างนั้นชัดเจนมาก
“ฝึกฝนกลั่นยามาหลายสิบครั้ง ทำได้แค่ยาระดับสูงเท่านั้น คุณมันเป็นแค่เศษขยะจริง ๆ”
รพีพงษ์ส่ายศีรษะขณะกล่าว
จั๋วเยว่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ตนเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะที่อายุยังน้อย เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ
คนเช่นนี้ ในสายตาของรพีพงษ์แล้ว เขาเป็นแค่ขยะหรือ
“คุณพ่ายแพ้แล้ว”
รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ ดวงตาของเขามองไปที่อีกฝ่าย
ปากของจั๋วเยว่สั่นจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาไม่สามารถยอมรับความล้มเหลวเช่นนี้ได้ แต่มันก็เป็นความจริง
บรรดาศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนต่างโห่ร้องด้วยความปีติยินดี เมื่อสักครู่พวกเขาถูกจั๋วเยว่และฐปนีย์ข่มขู่กดดัน แต่เนื่องจากการมาถึงของรพีพงษ์ จึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป!
“ไอ้หนู ในเมื่อคุณพ่ายแพ้แล้ว ก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่!”
“ใช่! ปฏิบัติตามที่พูดไว้ก่อนหน้านั้น รีบไสหัวออกไปเร็ว สำนักเทพยาเซียนของพวกเราไม่ต้อนรับคุณ!”
……
ขณะทุกคนกำลังดุด่าสองคนนี้ เพราะการมาของรพีพงษ์ทำให้พวกเขามีความมั่นใจ แม้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ต้องการลงมือ เกรงว่าในเวลานี้เธอคงจะต้องไตร่ตรองก่อน
“ไปเถอะ”
ฐปนีย์กล่าว ดูจากท่าทางของเธอ ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย
“คุณฐปนีย์ ผม…….” จั๋วเยว่มองไปที่ฐปนีย์ เห็นได้ชัดว่าถ้าจะให้เขากลับไปตอนนี้ เขารู้สึกไม่เต็มใจจริง ๆ
“ให้คุณกลับไปคุณก็กลับไป อย่าพูดอะไรมาก”
ดวงตาของฐปนีย์เย็นชา และเธอก็หันหลังและเดินออกไปก่อน
“รอก่อน จะไปตอนนี้เลยหรือ?”
ชั่วพริบตาเดียว รพีพงษ์ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าฐปนีย์และจั๋วเยว่
“ทำไม คุณยังมีเรื่องอะไรอีก” ฐปนีย์ยิ้มและกล่าวว่า “จั๋วเยว่ไม่เหมือนคนของสำนักเทพยาเซียน เมื่อพ่ายแพ้แล้วก็ยอมรับ พวกเราจะไปจากที่นี่ตอนนี้ คุณมีปัญหาอะไรหรือ?”
“แพ้ก็คือแพ้ ก็ต้องปฏิบัติตามตามกฎ แต่ว่าตอนนี้ผมให้พวกคุณอยู่ก่อน เพราะมีสองเรื่องต้องการถามพวกคุณ”
“เรื่องอะไร?”
จั๋วเยว่ถาม
“พวกคุณสองคนมาที่สำนักเทพยาเซียน และเมื่อความเห็นต่างกันคุยไม่รู้เรื่อง พวกคุณก็ทำร้ายคนสามคนของสำนักเทพยาเซียนจนบาดเจ็บ คิดว่าควรจะชดใช้อย่างไร?” รพีพงษ์ถามด้วยเสียงที่เย็นชา
“เชอะ! รพีพงษ์ คุณคิดว่าตนเองเก่งนักหรือ? ผมจะบอกคุณ คนพวกนั้นได้รับบาดเจ็บจากการลงมือของคุณฐปนีย์ หรือว่าคุณเก่งกว่าคุณฐปนีย์เหรอ?”
จั๋วเยว่ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยืนขึ้นและกล่าว
ฐปนีย์กลอกตาให้จั๋วเยว่ จากนั้นมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าวว่า “ไม่รู้ คุณต้องการให้ฉันชดใช้ยังไงล่ะ? หรือว่า คุณมีจุดมุ่งหมายในตัวฉัน?”
ขณะที่กำลังพูด ฐปนีย์ยิ้มจาง ๆให้รพีพงษ์ “ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”
“ต้องขออภัยด้วย ผมไม่สนใจสินค้าทั่วไป”
รพีพงษ์ยังคงนิ่งสงบ อันที่จริง ตนเองเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มามากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองยังมีภรรยาแสนสวยรออยู่ที่บ้าน
“คุณ……”
ฐปนีย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ “งั้นคุณพูดมาว่าต้องการให้ทำอะไร!”
“คุกเข่าขอโทษ!”
รพีพงษ์กล่าวประโยคนี้อย่างเย็นชา โดยไม่เปิดโอกาสให้ปรึกษาหารือได้
“ฮ่า ๆ ๆ!”
ฐปนีย์หัวเราะเสียงดัง “จะให้ฉันคุกเข่าให้พวกเขา รพีพงษ์ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? ”
หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะแทน และเดินสองก้าวไปในทิศทางที่ฐปนีย์ยืนอยู่
“เป็นไปได้ว่าคุณยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า สิ่งที่ผมถนัดที่สุดคือเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้มันเป็นไปได้!”
เขาถือกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ ชั่วพริบตาพลังรัศมีของรพีพงษ์ก็ถึงจุดสูงสุดทันที
“อยากจะไป ก็ถามกระบี่ที่อยู่ในมือของผมก่อนว่ามันยอมให้ไปไหม!”
กระบี่สยบเซียนออกจากฝัก ทุกคนดูก็รู้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา
ขณะนี้ จั๋วเยว่ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่อยู่ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของรพีพงษ์ และระดับศิลปะการต่อสู้ที่เก่ง แต่ไม่คิดว่า เมื่อได้เห็นในวันนี้ แค่พลังที่เปล่งออกมาของรพีพงษ์ ตนเองก็ไม่สามารถทนได้แล้ว
ขาของจั๋วเยว่อ่อนลง และคุกเข่าลงโดยไม่เต็มใจ
รพีพงษ์ มองไปที่ฐปนีย์อย่างเย็นชา “เขาคุกเข่าแล้ว ก็เหลือแต่คุณ!”
มีรอยยิ้มปรากฏในดวงตาของฐปนีย์ และเธอก็กระซิบว่า “ใช้กระบวนท่านี้อีกแล้ว…..