พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1279 ตนเองถูกล้อมไว้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1279 ตนเองถูกล้อมไว้
“เป็นเพราะผมงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ไม่ค่อยเข้าใจ เขาก็ได้แต่โมโหตนเองที่ตอนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้น ไม่ได้ถอนรากถอนโคนเสียให้หมด
“คุณคงสงสัยมากสินะว่า ทำไมตอนนั้นหลังจากที่พลังจิตวิญญาณของผมเสียหายไปมากแล้ว แต่ยังแข็งแกร่งมากกว่าเก่ามาก จะบอกให้นะ ตอนนี้พลังของผม ได้ขึ้นไปใกล้แดนเทพแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว!” จิรพนธ์ยิ้มพูดนิ่งๆ
“แดนเทพ…..ขั้นพีค งั้นหรือ?”
รพีพงษ์หลุดพูดออกมา พลังที่เพิ่มมาขนาดนี้ มันเร็วเหมือนกับติดจรวดเลย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” รพีพงษ์ไม่เข้าใจ “ผมคิดว่า คุณคงไปกินยาเม็ดระดับเทพเซียนอะไรสักอย่างมากกว่า”
“เหอะๆ รพีพงษ์ คุณมันช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย”
จิรพนธ์ยิ้มพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ยาเม็ดก็เป็นแค่ยาเม็ดเท่านั้น ต่อให้เป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนแล้วไง ก็แค่เพิ่มพลังให้ชั่วคราวเท่านั้น คุณดูผมในตอนนี้สิ มีพลังลดลงไปบ้างไหมล่ะ?”
รพีพงษ์ก็จ้องมองฝั่งตรงข้าม ตามที่จิรพนธ์บอกมา ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ขณะพูด จิรพนธ์ก็กำหมัดแน่น พลังที่พลุ่งพล่านบนตัวก็ถูกปล่อยออกมา แล้วพูดอย่างโมโหว่า “วันนั้นคุณต่อยผมเสียจนบาดเจ็บสาหัส พลังของผมต้องถดถอยลงไปถึงแดนดั่งเทพขั้นกลาง สำหรับนักฝึกวิชาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็รับไม่ได้เด็ดขาด!”
รพีพงษ์มองฝั่งตรงข้าม เป็นนักฝึกวิชาเหมือนกัน เขาเองก็รู้ดีว่า คนเก่งๆ ไม่สามารถยอมรับกับความรู้สึกแบบนี้ได้
คนเราเมื่อพลัง สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือสูญเสียพลังนั้นไป!
“เพื่อที่จะแก้แค้น กับความอัปยศก่อนหน้านี้ ผมเก็บตัวฝึกฝนคัมภีร์กู่หลิง ในที่สุดตอนนี้ผมก็ได้มายืนอยู่ที่นี่ และสามารถมาหาคุณเพื่อแก้แค้นได้แล้ว” จิรพนธ์พูดด้วยความร้ายกาจ
“งั้นหรือ? มันคืออะไร?” รพีพงษ์พูดในใจ
“เหอะ มันคือของล้ำค่าของทวีปโอชวินเรา สามารถเพิ่มความสามารถของคนได้ในระดับสูง พวกกระจอกคงไม่อาจจะรับรู้ได้หรอก”
น้ำเสียงของจิรพนธ์ดูโอ้อวด เพียงแต่ ความโอหังแบบนี้ถึงจะเหมาะกับใบหน้าอันโหดเหี้ยมของเขา และทำให้คนอยากจะอ้วก
“เอาเถอะ ต่อให้ต้องทำลายโฉมเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน แล้วใส่หน้ากากทั้งชีวิต วิชาลับแบบนี้ ผมยอมไม่ฝึกมันดีกว่า” รพีพงษ์พูดดูถูก
“เหอะ มึงนี่ปากดีไม่หยุด ตั้งแต่อดีตมา ยังไม่เคยมีใครต้านทานพลังมารของคัมภีร์กู่หลิงได้!เชื่อเถอะ แค่เห็นแวบเดียว ก็จะถอนตัวออกมาไม่ได้ เมื่อเทียบกับพลังที่มีแล้ว อาการบาดเจ็บบนร่างกายมันจะเทียบอะไรกันได้เล่า!” จิรพนธ์พูดเสียงดัง
รพีพงษ์ก็นิ่ง ตรงหน้านั้นเป็นคนที่ถูกความแค้นเข้าครอบงำ ไม่สามารถตัดสินใจด้วยความคิดแบบปกติได้แล้ว
“รพีพงษ์ วันนี้จะเป็นวันตายของมึง ความเจ็บปวดที่กูเคยได้รับ วันนี้จะให้มึงได้ลิ้มรสมากกว่าร้อยเท่า”
พูดไป มวลพลังสีดำก็พลุ่งพล่านออกมาจากตัวฝั่งตรงข้าม จากนั้น เมฆสีดำบนฟ้าก็เหมือนจะรับฟังคำสั่งของจิรพนธ์เสียอย่างนั้น แล้วมารวมกันอยู่ตรงหน้าจิรพนธ์
รพีพงษ์ลุกขึ้น สายตาก็เคร่งขรึม
“ก็แค่วิชาลับ ผมก็ทำได้!”
พูดไป รพีพงษ์ก็ใช้วิชาลับ พลังก็เพิ่มไปถึงแดนเทพขั้นกลาง
แสงสีทองของกระบี่สยบเซียนก็มากกว่าเดิม มังกรยักษ์ตัวหนึ่งก็บินวนร่างกายเขา
“ท่าคลื่นยักษ์!”
จิรพนธ์ตะโกนดังออกมา พริบตา เมฆสีดำก้อนใหญ่ก็เป็นดั่งคลื่นยักษ์ หมุนมาทางรพีพงษ์
เพียงแต่ มันไม่เหมือนกับเมฆสีดำทั่วไป เมฆสีดำพวกนี้มันเหมือนกับเกิดขึ้นจากพื้น และด้านในก็มีสายฟ้าเป็นประกายอยู่ตลอดเวลา
ขอเพียงถูกสายฟ้าเส้นใดทำร้ายเข้า ก็เกรงว่ารพีพงษ์จะต้องแหลกเป็นจุณแน่ๆ
นี่ก็คือพลังที่เข้าใกล้แดนเทพแดนดั่งเทพชั้นยอดงั้นหรือ?
รพีพงษ์คิดในใจ
ตนเองที่ถือกระบี่สยบเซียนอยู่นั้น บวกกับมังกรยักษ์ด้านบน ก็เหมือนจะเล็กน้อยสำหรับเมฆดำตรงหน้าไปเลยทีเดียว
ความรู้สึกที่ไร้ซึ่งพลังต่อสู้ เข้ามาในใจของรพีพงษ์
“รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้ท่าคลื่นยักษ์ของกู มึงสามารถรับไว้ได้ วันนี้ กูจะดูสิว่ามึงจะหลบหนีไปได้อย่างไร!”
จิรพนธ์ยิ้มอย่างน่ากลัว
พริบตา เมฆดำก็มากลืนรพีพงษ์เข้าไป
ในตอนนี้ คนในห้องโถงก็แทบจะหยุดหายใจ
จิรภัทรก็พาคนของสำนักเทพยาเซียนหลบไปด้านหน้าสุด พวกเขาอยากจะเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“พี่รพีพงษ์!”
น้ำตาของจิลลาก็ไหลออกมา
โชคดีที่ชุติเดชอยู่ข้างๆ และตาเร็วมือไว แล้วดึงจิลลาที่กำลังจะพุ่งออกไป
“คุณปล่อยฉันนะ ฉันจะบอกไปหาพี่รพีพงษ์!” จิลลาพูดอย่างดิ้นรน
“จิลลา!อย่าก่อเรื่องสิ เธอออกไปแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?” จิรภัทรพูดนิ่งๆ
“แต่เจ้าสำนักคะ!”
จิลลาร้องไห้น้อยใจขึ้นมา ดวงตาสวยๆ เต็มไปด้วยน้ำตา
“แต่ว่า…….พี่รพีพงษ์……..”
จิรภัทรก็พูดเสียงขรึมว่า “ที่เธอพูดมาผมก็รู้ดี สำหรับรพีพงษ์นั้น พวกเราทุกคนในสำนักเทพยาเซียนก็กังวลไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก! แต่เธอต้องจำไว้ ในเมื่อรพีพงษ์ให้เราอยู่ในนี้ พวกเราก็ต้องฟังเขา แต่ไม่ใช่จะบุกเข้าไปช่วยโดยไม่สนใจอะไรแบบนี้!”
พูดไป สายตาของจิรภัทรก็มองออกไปยังความมืดด้านหน้าหลายสิบเมตร ในใจของเขาก็กังวลมากเหมือนกัน แต่ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก ในฐานะที่เป็นเสาหลักของคนหลายคน เขารู้ดีว่า ตนเองจะวู่วามไม่ได้
“ชุติเดช!” จิรภัทรเรียกเสียงสูง “ด้านหลังห้องโถงมีเส้นทางลับอยู่ รีบพาคนอื่นเข้าทางลับออกไปจากที่นี่ก่อน รีบลงเขาไปโดยเร็วที่สุด!”
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก!”
ชุติเดชตอบรับ แล้วก็รีบเรียกแขกผู้มีเกียรติทุกคนที่กำลังวุ่นวาย เข้าไปยังเส้นทางลับ
“จิลลา เธอก็ตามชุติเดชออกไปจากที่นี่ด้วย” จิรภัทรออกคำสั่ง
“ไม่ หนูไม่ไป!” จิลลาพูดเสียงดัง “ถ้าไม่เห็นพี่รพีพงษ์ หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
“หรือว่าเธอจะไม่ฟังแม้แต่คำสั่งของผมงั้นหรือ?” จิรภัทรหันหลัง แล้วใช้ความโมโหที่นานๆ จะเห็นสักที พูดกับจิลลา
ปยุตอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้ว “จิลลา ฟังอาจารย์สักหน่อยนะ รีบลงเขาไปพร้อมกับพวกชุติเดช ต้องจำไว้นะว่า เธอเป็นความหวังทุกอย่างของสำนักเทพยาเซียน”
“อาจารย์คะ………..”
จิลลามองปยุตอย่างตกใจ ไม่นาน เธอก็เข้าใจขึ้นมาได้
ดูเหมือนว่าจิรภัทรและปยุตทั้งสองคนได้เตรียมตัวไว้แล้ว ถ้ารพีพงษ์เป็นอะไรขึ้นมา ก็ไม่อาจให้ชายหน้าตาอำมหิตคนนั้นมาทำลายที่นี่ได้เป็นอันขาด
วันนี้เป็นวันที่สำนักเทพยาเซียนและสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุแข่งขันกลั่นยากัน ยอดฝีมือนักกลั่นยาทั้งประเทศจีน มารวมกันอยู่ที่นี่ ถ้าถูกมันฆ่าไปทั้งหมด งั้นต่อจากนี้โลกใบนี้ก็จะนักกลั่นยาเพียงชื่อในตำนานเท่านั้น
“อาจารย์คะ เจ้าสำนักคะ หนูจะฟังคำสั่งของพวกคุณค่ะ แต่ว่า พวกคุณทั้งสองจะต้องไปกับพวกเราด้วยนะคะ” จิลลากล่าว
“ไม่แล้วล่ะ” ปยุตส่ายหัว แล้วยิ้มพูดว่า “อาจารย์และไอจิรภัทรก็อายุปูนนี้แล้ว แล้วอีกอย่าง อาจารย์ก็ขี้เกียจ ไม่อยากไปไหนแล้ว ยอมอยู่ในป่าเขียวน้ำใสแบบนี้ดีกว่า ไอจิรภัทร คุณล่ะ? คงจะไม่คิดอยากจะจากไปหรอกมั้งห้ะ”
จิรภัทรกลอกตาใส่ปยุต “พูดบ้าอะไร ผมเป็นถึงเจ้าสำนัก จะให้จากสำนักเทพยาเซียนไปได้อย่างไรกัน”
จากนั้นเขาก็พูดว่า “เอาเถอะ จะรอช้าไม่ได้ พวกเธอรีบไปกันเถอะ”
พูดจบ เขาก็สั่งชุติเดชว่า “ชุติเดช หลังจากที่นายพาพวกเขาออกจากทางลับแล้ว ก็ให้พวกแขกพวกนั้นและคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุไปก่อน ลูกศิษย์สำนักเทพยาเซียนของพวกเราสามารถนั่งพักอยู่ที่พื้นที่โล่งกลางเขาได้ นายจับเวลาให้ดี ถ้าภายในหนึ่งชั่วโมงยังไม่เห็นอาจารย์และอาจารย์อาปยุต ก็ไม่ต้องลังเลอะไร พาทุกคนลงเขาไปให้หมดเลย”
พูดจบ เขาก็หยิบกระบี่ติดตัวออกมา
“นายหัวไว กระบี่ติดตัวของอาจารย์เล่มนี้ ก็จะให้นายดูแล ถ้ามีใครกล้าไม่ฟังคำสั่งนาย ก็จัดการได้เลย!”
พูดไป จิรภัทรก็เอากระบี่ส่งให้กับมือของชุติเดช
ชุติเดชมีสีหน้าตั้งมั่น แล้วพยักหน้าแรงๆ
“เจ้าสำนักครับ อาจารย์อาปยุตครับ รักษาตัวด้วย พวกเราจะรอ!”
พูดจบ ก็ถือกระบี่ แล้วเรียกทุกคนจากไป
พอเห็นแผ่นหลังพวกเขาเดินจากไป ปยุตและจิรภัทรก็มีใบหน้าอมยิ้ม
ตนเองก็ได้จัดการวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว เมล็ดพันธุ์ของทวีปหลอมโอสถ จะต้องถูกรักษาไว้
หันตัวไปทางหน้าประตู ในตอนนี้พลังสีดำด้านนอกที่เข้มข้น ก็กดดันจนคนหายใจไม่ออก
ปยุตพูดเสียงเบาว่า “ไอจิรภัทร พวกเรามาพนันกันดีไหม ผมว่าครั้งนี้รพีพงษ์สามารถเอาชนะได้แน่ คุณว่าไง?”
“ตาแก่นี่ก็ร้ายนักนะ เอาเถอะ ครั้งนี้ผมยอมแพ้ คุณพูดถูก รพีพงษ์ต้องเอาชนะได้แน่!”
จิรภัทรขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็มองพลังหมกสีดำด้านนอกหน้าต่าง……..