พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1292 ล้างพิษ
รพีพงษ์หยิบจดหมายออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “มีเกาะ แห่งหนึ่งในต่างประเทศ ซึ่งมีศิษย์พี่ศิษย์น้องของผมอยู่ที่นั่น พวกคุณไปถึงแล้วแจ้งชื่อผมแล้วนำจดหมายฉบับนี้ให้กับพวกเขา หลังจากได้อ่านจดหมายแล้วพวกเขาจะเข้าใจเอง”
ชยนต์พยักหน้าแล้วรับจดหมายนั้นไว้
“เราจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จครับ!”
รพีพงษ์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและยิ้มพูดต่อ “ปกติแล้วพี่น้องของผมจะขี้เล่นหน่อยนะ ถึงเวลาแล้วพวกคุณแสดงความแข็งแกร่งให้พวกเขาได้เห็น แล้วพวกเขาจะเชื่อฟังพวกคุณเอง”
“รับทราบ” ทั้งสองพยักหน้าตอบ
จากนั้นหุ่นเชิดทั้งสองก็หันเดินออกจากห้องโถงโดยที่ไม่ลังเลใดๆ
และหลังจากหุ่นเชิดทั้งสองจากไป สีหน้าของรพีพงษ์ก็กลายเป็นจริงจังทันที
ข้อความในจดหมายนั้นคือการเรียกศิษย์พี่ศิษย์น้องมารวมตัวกันที่สำนักเทพยาเซียนในอีกสิบห้าวันข้างหน้า
เพราะการรุกรานของทวีปโอชวินได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ดังนั้นรพีพงษ์จึงต้องรวบรวมกลุ่มคนที่เชื่อถือได้เพื่อมาเตรียมพร้อมในการต่อกรกับทวีปโอชวิน
และสำหรับชื่อของสำนักสยบเซียนนี้ที่รพีพงษ์เป็นคนตั้ง เขาได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าวันหนึ่งจะต้องมาต่อสู้กับทวีปโอชวินอย่างแน่นอน
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าเวลานั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ซึ่งก่อนที่จะถึงเวลาของการต่อสู้ในครั้งสำคัญนึ้ รพีพงษ์ยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ นั่นก็คืออารียาที่กำลังรอเขาอยู่ในห้อง
ด้านในห้องนอนของรพีพงษ์ในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ ทั้งสองนั่งอยู่ตรงหน้าซึ่งกันและกัน
รพีพงษ์หยิบยาเม็ดไป่หลิงที่เป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมา
“แคลร์ นี่เป็นยาเม็ดที่ผมตั้งใจกลั่นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ พิษในร่างกายของคุณคือพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณ คุณกินยานี้เข้าไปนะ แล้วมันจะทำให้คุณดีขึ้น” รพีพงษ์พูด
อารียารับยาเม็ดนั้นมา ซึ่งมองจากภายนอกเธอก็สามารถรู้ได้ว่ายาเม็ดนี้ไม่ใช่ยาธรรมดาอย่างแน่นอน
“คุณหมายความว่า คุณหลอมยาเม็ดนี้เองเลยเหรอ?” อารียาถามต่อ “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณจะหลอมโอสถเป็นด้วย?”
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วยิ้มตอบ “ที่ผมไปสำนักเทพยาเซียนครั้งนี้ก็เพื่อจะหาวิธีแก้พิษให้คุณและยายาเม็ดไป่หลิงเม็ดนี้เป็นยาที่ล้ำค่าที่สุดในโลก ซึ่งในโลกนี้อาจจะมีแค่เม็ดเดียวด้วยนะ”
“เม็ดเดียวในโลก?”
อารียามองไปที่เม็ดยาขนาดเล็กในมือและยิ่งรู้สึกว่ามันวิเศษกว่าเดิม
“กินสิ” รพีพงษ์พูดอย่างอ่อนโยน แต่ในอีกมุมหนึ่ง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่ายาเม็ดไป่หลิงที่เป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนเม็ดนี้จะเป็นยาวิเศษเหมือนที่เขาเล่ากันในตำนานจริงหรือไม่ แล้วมันจะมีประสิทธิภาพต่อยาพิษของทวีปโอชวินได้มากแค่ไหน
“อื้ม”
อารียาไม่ได้ลังเลใดๆ เพราะยาเม็ดนี้เต็มไปด้วยความจริงใจของรพีพงษ์ และเธอจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้
เมื่อกินยาลงไปแล้ว ในเริ่มแรกอารียายังไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็รู้สึกว่าท้องน้อยของเธอเริ่มอุ่นขึ้น
ซึ่งเป็นความอุ่นที่ทำให้เธอรู้สึกดีมาก จากนั้นความอุ่นนั้นก็กระจายไปทั่วร่างกายของเธอ
สำหรับรพีพงษ์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ไม่กล้ารอช้า เขาใช้พลังจิตวิญญาณของเขาเพื่อจะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายของอารียา
และในทันใดนั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพิษยาเปลี่ยนวิญญาณของธีรพัฒน์ได้ถูกความอบอุ่นของร่างกายเธอห่อหุ้มเข้าด้วยกัน
สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือ ภายใต้การห่อหุ้มของความอบอุ่นในร่างกายของเธอ พิษของยาเปลี่ยนวิญญาณก็ค่อยๆ สลายหายไป
“คุณรู้สึกยังไง?”
รพีพงษ์ ถามอย่างกังวล
อารียามองไปที่รพีพงษ์ด้วยความมึนงง
เนื่องจากพิษของยาเปลี่ยนวิญญาณจากธีรพัฒน์ได้อยู่ในร่างกายเธอมาหนึ่งปีเต็มๆ แล้ว ซึ่งภายในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เธอไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย
และตอนนี้เธอก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าพิษในร่างกายของเธอถูกถอนออกไปแล้วหรือยัง
“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีนะ ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลย แต่มันกลับตรงกันข้าม ฉันรู้สึกสบายมากกว่า” อารียาตอบตามความรู้สึกของเธอ
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วใช้พลังจิตวิญญาณอีกครั้ง
ซึ่งคราวนี้เขาใช้พลังจิตวิญญาณอย่างละเอียด เพื่อจะได้รับรู้ถึงทุกตารางนิ้วของร่างกายอารียา และสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจก็คือ เขาไม่พบร่องรอยของยาเปลี่ยนวิญญาณในร่างกายอารียาอีกเลย
รพีพงษ์มองอารียาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นวางจูบที่นุ่มนวลไว้บนหน้าผากของเธอ
“แคลร์ พิษในร่างกายคุณถูกกำจัดออกไปหมดแล้วนะ!”
“จริงดิ?”
อารียาก็ประหลาดใจเช่นกัน หลังจากได้รับคำยืนยันจากรพีพงษ์แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลรินออกมา
“ฉันรู้……ฉันรู้เสมอว่าคุณจะต้องทำได้”
อารียาพูดทั้งน้ำตาและรู้สึกมีความสุขมาก
เมื่อเห็นหญิงงามคนนี้หลั่งน้ำตา รพีพงษ์ก็ดึงเธอมากอดไว้
สมเป็นยาเม็ดระดับเทพเซียนจริงๆ ถ้าเป็นแค่ยาพิษระดับเพอร์เฟค รพีพงษ์ก็อาจจะยังไม่มั่นใจเท่านี้
ในช่วงเวลาหนึ่งปีหลังจากที่ได้รับสารพิษเข้ามาในร่างกาย แม้อารียาจะไม่เคยแสดงอาการใดๆ แต่ในทุกคืนเธอก็ต้องนอนด้วยความกังวลอยู่เสมอ
ในโลกใบนี้ เธอยังมีคนสำคัญอยู่ไม่น้อย นอกจากรพีพงษ์ที่รักเธอคนนี้แล้ว ยังมีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักของเธอ
ถ้าวันหนึ่งเธอต้องจากคนรักทั้งสองไป และเธอจะไม่ได้เฝ้าดูการเติบโตของขวัญนลิน อารียาไม่รู้ว่าเธอจะเผชิญกับวันนั้นด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร
“ขอบคุณนะ รพีพงษ์” อารียาพูดเบาๆ
เพราะรพีพงษ์เป็นทุกอย่างสำหรับการที่ได้รับชีวิตใหม่ของเธอ
“เราเป็นสามีภรรยากันนะ ไม่ต้องขอบคุณผมก็ได้” รพีพงษ์ยิ้มพูด
รพีพงษ์มีความสุขมากเมื่อเห็นร่างกายของอารียากลับมาเป็นเหมือนเดิม
อย่างน้อยเขาก็หายกังวลไปอีกเรื่องเมื่อต้องเผชิญกับทวีปโอชวิน
“ฉันคิดว่าเมื่อก่อนที่คุณอยู่ในบ้านฉัน ฉันกับครอบครัวของฉันทำผิดต่อคุณมากเลยจริงๆ” อารียาพูด
หลังจากสามปีของการเป็นลูกเขย ครอบครัวตระกูลฉัตรมงคลไม่เคยมองเขาเป็นคนในครอบครัวเลย แม้แต่อารียาในเริ่มแรกก็เช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่เธอไม่เหมือนกับณาศิสและคนอื่นๆ นั้นก็คือ เธอหวังอยากให้ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอคนนี้มีวุฒิภาวะและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทุกวัน
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดนั้นก็คือรพีพงษ์ในวันนั้นก็เป็นชายที่ยืนอยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศจีนไปแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงการยืนอยู่ในแดนเทพของเขาในทุกวันนี้ ดังนั้นเรื่องการแก่งแย่งชิงดีสำหรับเขาแล้วเป็นแค่เรื่องเล็กเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงผมต้องขอบคุณแม่ยายของผมมากกว่านะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ความอดทนของผมคงไม่สูงขนาดนี้หรอก” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลกแต่แฝงด้วยความจริงจัง
อารียามองรอยยิ้มบนใบหน้าของรพีพงษ์ และในทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
“รพีพงษ์ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกว่าสักวันหนึ่งคุณจะทิ้งฉันไป เพราะคุณเพอร์เฟคขนาดนี้ แต่ฉันกลับ……”
อารียายังไม่ทันพูดจบ แต่คำพูดที่แสนนุ่มนวลของรพีพงษ์ก็ขัดจังหวะเธอเอาไว้
“แคลร์ คุณเป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าผมจะบินได้ไกลแค่ไหน หรือบินไปสูงแค่ไหน ด้ายที่ผูกกับผมไว้จะอยู่ในมือคุณไปเสมอ”
น้ำตาของอารียาไหลรินลงมา และสายตาที่มองรพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“แคลร์ คุณต้องจำไว้นะ ผมไม่ได้แค่ต้องการให้คุณเป็นคู่ชีวิตของผมไปตลอดชีวิตเท่านั้น แต่หลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี สองร้อยปี หรือว่าหนึ่งพันปี ผมก็จะอยู่กับคุณไปตลอด” รพีพงษ์พูด
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ “คุณพูดอะไรอยู่ ใครจะอยู่ได้นานขนาดนั้นล่ะ แค่อายุร้อยปีฉันก็คงแก่จนเหี่ยวไปหมดแล้ว ฟันก็หลุดร่วงไปหมด ผมขาวทั้งหัว แถมผิวพรรณก็มีแต่เหี่ยวย่นไปหมด ฉันไม่เอาหรอก แต่ฉันขอแค่เราได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตก็พอ”
นัยน์ตารพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณจำธีรพัฒน์ที่ดูอาการป่วยให้คุณได้ไหม?”
“จำได้สิ ฉันยังคิดว่าฉันต้องขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัวด้วย” อารียาพยักหน้าพูด
“เขา……อายุสองร้อยกว่าปีแล้วนะ” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น
“ว่าไงนะ! อายุ เขา สองร้อยกว่าปีแล้ว? รพีพงษ์ คุณไม่สบายหรือเปล่า?” อารียาถามอย่างตกใจ ซึ่งคำพูดของรพีพงษ์นั้นทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองในการมองโลกไปทันที
สำหรับปฏิกิริยาของอารียานั้น รพีพงษ์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย “ผมเหมือนคนป่วยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
จากนั้นอารียาก็ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของรพีพงษ์ แน่นอนว่าร่างกายของรพีพงษ์ไม่ได้ผิดปกติใดๆ เลย
“ผมพูดจริงนะ เดิมทีผมก็ไม่เชื่อเหมือนคุณ ผมก็คิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แต่ในตอนนี้ หลังจากที่ผมได้เริ่มฝึกวิชา ผมก็รู้ว่าอายุขัยของคนเราจะเพิ่มขึ้นตามความแข็งแกร่งของร่างกายเรา” รพีพงษ์พูดตามความจริง
“จริง……จริงเหรอ?” อารียาถามอย่างระมัดระวัง และในใจเธอยังไม่อยากเชื่อว่ามีเรื่องแปลกแบบนี้ด้วย
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วมองไปที่ดวงตาของอารียา “แคลร์ คุณเชื่อผมสิ ผมพูดจริงนะ”
จากนั้นเขาหยุดไปสักพักแล้วค่อยพูดต่อ “รอผมจัดการเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้สำเร็จก่อน แล้วผมจะพาคุณกับหนูลินไปฝึกวิชาด้วยกัน ครอบครัวทั้งสามของเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
อารียายิ้มและพยักหน้าตอบ ถ้าคำพูดนี้เธอได้ยินจากปากคนอื่น เธอคงต้องคิดว่าคนคนนั้นอาจจะกินยาลืมเขย่าขวดแน่นอน
แต่ว่า คำพูดนี้ออกจากปากของรพีพงษ์ ซึ่งก็ทำให้อารียาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อในคำพูดของเขา
เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่รพีพงษ์เคยทำนั้น แม้จะดูเหมือนเขาคุยโวหรือพูดเกินความจริง แต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกๆ คำพูดของเขาแล้ว!
หลังจากที่พูดถึงหนูลิน รพีพงษ์ก็จับมืออารียาและพูดว่า “ไปกันเถอะ เราไปหาหนูลินกัน”