พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1296 ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1296 ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
หลังจากพูดคุยกันตั้งนาน รพีพงษ์จำเป็นต้องอ้างว่าอีกฝ่ายไม่มีพรสวรรค์ และในที่สุดหมอฝรั่งคนนี้ก็ยอมจากไป
เมื่อเสร็จธุระแล้ว รพีพงษ์กับชุติเทพมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน
“รพีพงษ์ ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนว่าจะมา แล้วยังให้ผมเล่นละครกับคุณอีก”
“ชุติเทพเอ๋ย ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ไอ้ฝรั่งคนนั้นคงเอาชื่อเสียงคุณไปประกาศให้ชาวต่างชาติแล้ว ไม่แน่คลินิกคุณอาจจะก็ปิดเลยก็ได้ แต่ก็ว่านะ ใครจะยอมให้คนอย่างมันมาดูถูกวงการแพทย์ของประเทศจีนเราล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ เจสสิก้าที่อยู่ข้างๆ ถึงกับอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
ชุติเทพยิ้มจางๆ แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “แพทย์แผนจีนกับชาวตะวันออกมันต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงเราก็มีเป้าหมายเดียวก็คือการรักษา ส่วนสตีเฟนที่จงใจจะมาเปรียบเทียบก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน”
“เห็นด้วย แพทย์แผนตะวันตกมันก็มีข้อดีของมันนะ แต่แพทย์แผนจีนของเราก็เป็นวิชาที่สืบทอดกันมานับพันปีแล้ว แน่นอนว่ามันต้องมีที่มาที่ไป ไม่อย่างนั้นคลินิกของชุติเทพจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้เหรอ” รพีพงษ์พูดติดตลก
“ไปกันเถอะ เข้าไปในบ้านกัน” ชุติเทพพูด
จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในบ้าน อารียากับรพีพงษ์ก็เข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของศักดา
เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว ศักดาในตอนนี้อาการดีขึ้นมาก
แต่หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้ที่เขาฟื้นคืนสติ อารียากับไออ้วนที่นอนอยู่ข้างเตียงก็ได้เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับเขาฟังแล้ว
ศักดาที่รู้ตัวว่าเขาได้ต่อสู้กับรพีพงษ์และทำเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบนั้น เขาแทบอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาตบหน้าตัวเอง
ดังนั้น ทันทีที่เห็นรพีพงษ์ในวันนี้ เขาทั้งกังวลและกลัวว่ารพีพงษ์จะกลับมาคิดบัญชีกับเขาอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างครับ” รพีพงษ์ถาม
ศักดาหยักหน้าอย่างประหม่า “รพีพงษ์ เองฟังข้าก่อนนะ ข้าไม่รู้ว่ามีพิษในร่างกายอารียาจริงๆ ตอนนั้นข้าขาดสติอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางไปทำร้ายลูกสาวตัวเองหรอก!”
จากนั้นน้ำตาของเขาก็ไหลรินออกมา ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลยที่ชายวัยกลางคนจะเสียน้ำตาได้
อารียาเข้ามาจับมือของศักดาไว้ “พ่อคะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว พ่ออย่าไปคิดมากเลย อีกอย่าง รพีพงษ์ช่วยขับพิษในร่างกายหนูออกไปแล้ว”
“จริง……จริงเหรอ?”
ศักดาเงยหน้าขึ้นมองรพีพงษ์ และได้คำตอบที่ยืนยันชัดเจนจากสีหน้าของรพีพงษ์
ชุติเทพที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งตกใจมากขึ้น พิษในร่างกายของอารียานั้นรุนแรงแค่ไหนซึ่งเขารู้ดีทุกอย่าง
และเขาในฐานะแพทย์แผนจีนชื่อดังยังไม่มีปัญญารักษาได้เลย
แต่ไม่คิดว่ารพีพงษ์กลับทำได้
“เรื่องก่อนหน้านี้ผมไม่ได้โทษคุณหรอกครับ เพราะคุณถูกวิชาพิษกู่ของโจซี่เล่นงาน” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น
และคำพูดนี้ก็ทำให้ศักดารู้สึกสบายใจขึ้น จากนั้นเขามองไปที่รพีพงษ์แล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “ไอ้โจซี่คนนี้ ข้าล่ะเสียใจจริงๆ ที่แต่งงานกับมัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเองหรือว่าอารียา ชาตินี้ข้าไม่มีวันยกโทษให้มันอย่างแน่นอน!”
“คุณไม่มีโอกาสทำอะไรเธอแล้ว”
รพีพงษ์พูดเบาๆ “โจซี่ ถูกผมฆ่าตายไปแล้ว!”
“ถูกเองฆ่าไปแล้ว?”
ศักดาประหลาดใจมาก ก่อนที่เขาจะตกอยู่ในอาการขาดสติ เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของโจซี่แล้ว เธอไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น รพีพงษ์ก็ยังจัดการเธอได้
ซึ่งลูกสะใภ้คนนี้ที่เป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ในเมืองริเวอร์ แต่ในวันนี้ศักดามั่นใจแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนเดิมที่เขารู้จักแล้ว
“ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าเขาจะหายดีครับ”
รพีพงษ์ถามชุติเทพ
“ร่างกายของเขาถือว่าค่อนข้างดีนะ แต่เนื่องจากได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงทำให้เขาอ่อนเพลียลงมาก ผมว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาพักฟื้นไปถึงครึ่งปีเลยนะครับ” ชุติเทพพูดตามความเป็นจริง
“ไม่เป็นไรหรอกรพีพงษ์ ข้าอยู่ที่นี่ได้ อีกอย่างคุณหมอเทพก็ดูแลข้าดีมาก เพียงว่าจะเป็นการรบกวนพวกเขาไปหน่อย” ศักดาพูด เขารู้ดีว่าการที่ชุติเทพยอมดูแลเขาอย่างใกล้ชิดนั้นก็เพราะลูกเขยของเขาคนนี้ และเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดเบาๆ “ร่างกายอ่อนเพลียก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากนะ แล้วคุณอยากหายเร็วๆ ไหม!”
“หือ?”
แม้ศักดาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขายังคงพูดว่า “ถ้าหายไวที่สุดก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่คุณหมอเทพเคยบอกแล้วว่าอาการของข้าต้องใช้เวลาพักฟื้นหน่อย จะให้หายภายในวันสองวันคงเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ก็ไม่แน่นะ” รพีพงษ์ยิ้มพูด
“รพีพงษ์ คุณไม่ได้หมายความว่าคุณมีทักษะทางการแพทย์หรอกนะ? หรือว่าคุณมีวิธีทำให้เขาหายในทันทีได้?” ชุติเทพถาม
รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แต่เขายังไม่ทันได้ตอบ เสียงของเจสสิก้าก็ดังเข้ามาจากด้านนอก
“ไอ้เด็กฝึกงานที่ไม่เอาไหน นายบอกว่าจะไปชงชาไม่ใช่เหรอ ทำไมไปแอบกินข้าวในห้องครัวล่ะ?”
“พอแล้วครับ พอแล้ว ผมก็เอาชามาแล้วนี่ไง”
ไออ้วนพูดด้วยความเจ็บปวด จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้ามา
และทันทีที่ทั้งสองเขามา รพีพงษ์กับอารียาก็อดขำไม่ได้
ผู้ชายตัวใหญ่เกือบเจ็ดฟุต แต่กลับถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งหยิกหูไว้ และในมือของเขายังถือน้ำชาอยู่สองถ้วย ที่น่าตลกกว่านั้นคือสีหน้าท่าทางของเขา
“พอได้แล้วเจสสิก้า เกรงใจรพีพงษ์เขาบ้าง ไม่สงสารศิษย์น้องของเธอเหรอ” ชุติเทพพูด ซึ่งดูเหมือนว่าเขาชินกับสถานการณ์แบบนี้ไปแล้ว
“ยังไม่รีบเสิร์ฟชาให้พี่สาวกับพี่เขยฉันอีก”
ไออ้วนเบะปากแล้วยื่นน้ำชาไปให้รพีพงษ์
“ไออ้วน!” รพีพงษ์พูดอย่างกะทันหัน “ที่นี่มียาไหม?”
ไออ้วนถึงกับทำหน้างง “ที่นี่คือคลินิกนะครับ ยาต้องมีอยู่แล้ว”
“งั้นดีเลย”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรมากเขาเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบปากกากับกระดาษออกมา
ชุติเทพและคนอื่นๆ ก็เดินเข้าไปดูด้วย จากนั้นพวกเขาก็เห็นชื่อของวัสดุทางการแพทย์ที่เขียนไว้บนกระดาษใบนั้น
“ไป ช่วยหยิบวัสดุยาให้ที นายรู้จักยาพวกนี้อยู่ใช่ไหม?” รพีพงษ์พูด
ไออ้วนตบหน้าอกของเขา “พี่จะดูถูกผมมากไปแล้ว ผมชำนาญเรื่องยาเหมือนกันนะครับ แค่วัสดุยาพื้นฐานเหล่านี้ผมต้องรู้จักสิครับ”
จากนั้นเขาก็หันเดินออกไป
“พี่รพีพงษ์ พี่สั่งจ่ายยาเป็นด้วยเหรอคะ?” เจสสิก้าทำหน้าประหลาดใจ
ชุติเทพมองเห็นรายการยาที่รพีพงษ์สั่งให้ไออ้วนไปหามา ซึ่งทั้งหมดเป็นยาสำหรับปรับสภาพร่างกายทั้งนั้น และที่ผ่านมาเขาก็ได้ใช้ยาเหล่านี้มาต้มให้ศักดาดื่มเช่นกัน
เพียงแต่ว่ากระบวนการปรับสภาพร่างกายโดยใช้วิธีนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองเดือนขึ้นไปถึงจะเห็นผลที่ชัดเจนได้
ไม่นานหลังจากนั้น ไออ้วนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์เหลือบมองไปที่เขาและคิดในใจว่าไออ้วนคนนี้ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ หยิบยาได้ถูกต้องทุกรายการด้วย
“พี่ใหญ่ พี่มีความสามารถในการรักษาคนด้วยเหรอครับ? ทำไมพี่ไม่เคยบอกผมเลย? หรือว่าพี่แอบดูใบสั่งยาของชุติเทพ?” ไออ้วนถาม
“ลูกศิษย์คนนี้พูดจายังไงกัน พี่รพีพงษ์จะแอบดูใบสั่งยาของอาจารย์ทำไม?” เจสสิก้าพูดด้วยอารมณ์
ไออ้วนรู้สึกผิด แต่ก็ยังสงสัยมาก
การใช้วัสดุยาเพื่อหลอมเป็นเม็ดยานั้น
เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดของรพีพงษ์ที่ไปยังสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้
ซึ่งการหลอมยาที่ว่านั้น เป็นการสกัดสารที่ดีที่สุดจากวัสดุยามาหลอมรวมด้วยกัน และด้วยวิธีนี้ ประสิทธิภาพของยาก็จะสูงกว่าเป็นร้อย ๆ เท่า
แน่นอนว่าวัสดุยาที่นี่จะเทียบกับสำนักเทพยาเซียนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคของรพีพงษ์ในการหลอมรวมยานี้
ในท่ามตาสายตาที่ประหลาดใจของทุกคน และภายในยี่สิบนาทีนี้ ยาเม็ดระดับกลางก็ถูกหลอดรวมออกมาอย่างเสร็จสิ้น
“นี่มัน……นี่มันอะไรกัน? ทำไมวัสดุยามากมายในมือพี่ถึงกลายเป็นยาเม็ดเล็กๆ ได้?” ไออ้วนก้าวไปข้างหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของเขาไปนานแล้ว
“น่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ!”
ชุติเทพก็รู้สึกประหลาดใจ และสายตาที่มองรพีพงษ์ก็ให้ความเคารพมากกว่าเดิม
“ยาเม็ดนี้เรียกว่ายาเม็ดเติมพลัง เดี๋ยวผมจะทำยาเพิ่มอีกสักสองสามเม็ดนะ คุณกินวันละเม็ด ผมคิดว่าไม่เกินสามวันอาการบาดเจ็บของคุณก็จะหายดีได้” รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น
ซึ่งยาเม็ดระดับกลางที่รพีพงษ์เพิ่งหลอมรวมเสร็จสิ้นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่นิด
ต้องรู้ว่าเขาเป็นชายผู้ที่สามารถหลอมรวมยาเม็ดระดับเทพเซียนได้!
ศักดารู้สึกขอบคุณมาก หลังจากนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมาเป็นเวลานาน เขาจึงหวังว่าจะได้ฟื้นคืนภาพร่างกายเดิมให้เร็วที่สุด
ในขณะที่ศักดาและคนอื่นๆ กำลังยกย่องรพีพงษ์อยู่ ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็หรี่ตาลงและมีลมหายใจอันทรงพลังของคนสองคนพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“แปลกแหะ พวกเขาสองคนกลับมาทำไม?”