พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1336 แล้วพบกันใหม่ธีรพัฒน์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1336 แล้วพบกันใหม่ธีรพัฒน์
การที่จะเข้าสู่ดินแดนเทพได้ นั้นก็หมายความว่า รพีพงษ์ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้นแล้ว
และครั้งล่าสุดที่เห็นรพีพงษ์ เขายังอยู่แค่แดนดั่งเทพชั้นยอดเท่านั้น แต่เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือน เขาก็สามารถเข้าสู่แดนเทพได้ มันช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
สิ่งที่ควรรู้ก็คือ ทั้งชีวิตของยอดฝีมือแดนดั่งเทพมากมายจะสามารถไปถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดเท่านั้น
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ ทั้งที่รพีพงษ์ยังหนุ่มยังแน่น เขาก็ได้พัฒนามาถึงระดับนี้แล้ว ฉะนั้นในอนาคตของเขา เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน
ในขณะนี้ หงส์ที่กำลังยืนมองรพีพงษ์ อยู่นั้น เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของเธออย่างไรแล้ว
ถ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่ซีเป่ย เธอยังคงรู้สึกไม่พอใจสำหรับรพีพงษ์ที่ใช้อำนาจมากดดันเธอ แต่ในตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่ามีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่สามารถเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโตได้
“น่าเสียดายจริงๆ ที่ในเวลานั้นเราไม่สามารถชนะใจเขาได้”
เต่าพูดด้วยเสียงเบาๆ
หงส์มองไปที่เต่าแล้วกระซิบพูดเบาๆ “คนอย่างเขาจะถูกผู้หญิงทั่วไปชนะใจได้ไงล่ะ แต่ฉันอยากเจอภรรยาเขาสักครั้งจริงๆ นะ อยากรู้ว่าต้องเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคแค่ไหนถึงจะมัดใจผู้ชายอย่างรพีพงษ์ได้”
ด้านบนเวที ธัชธรรมในขณะนี้รู้สึกตกใจมากกว่าคนอื่นๆ ในห้องประชุม
จนกระทั่งตอนนี้ เขายังอ้าปากค้างอยู่
ในฐานะที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเทพ เขารู้ว่าการที่จะก้าวเข้าสู่แดนเทพนั้นยากแค่ไหน แล้วทำไมดูเหมือนรพีพงษ์จะผ่านไปได้ง่ายดายขนาดนี้
ดูเหมือนว่าในขณะนี้รพีพงษ์จะเดาใจธัชธรรมได้ เขาจึงยิ้มพูดว่า “ความจริงแล้วโชคชะตาก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมสามารถเข้าสู่แดนเทพได้นะครับ”
ธัชธรรมพยักหน้า เขารู้ว่าโชคชะตาเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้พัฒนาไปอีกขั้นได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่เช่นนั้น ต่อให้โอกาสจะอยู่แค่ตรงหน้า เขาก็ไม่อาจไขว่คว้าไว้ได้
“ไปกันเถอะ เราไปหลังเขากัน”
รพีพงษ์พูดกับธัชธรรม
ธัชธรรมพยักหน้าและออกจากที่นี่ไปพร้อมกับรพีพงษ์
ภายในกระท่อมบนยอดเขา มีทางลัดไปยังใจกลางของภูเขา รพีพงษ์จำได้ว่าครั้งที่เขาได้พบกับธีรพัฒน์ เขาได้เข้าไปยังเส้นทางนี้ และจะถึงใจกลางของภูเขา
แต่ในครั้งนี้ ที่เป้าหมายหลักของรพีพงษ์ไม่ใช่เส้นทางนี้ แต่เป็นทางที่เชื่อมที่ไปยังทวีปโอชวิน
ทันทีที่มาถึงใจกลางภูเขา รพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงของคนชราคนหนึ่ง
“ศิษย์น้องรพีพงษ์ ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้”
เป็นเสียงของธีรพัฒน์ ซึ่งเขาสามารถสัมผัสได้ว่าหลินซั่วหยางและคนอื่นๆ กำลังเข้ามาหาเขาที่นี่
คนภายนอกอาจจะได้ยินเสียงของธีรพัฒน์นั้นหนักแน่นมาก แต่ในเสียงที่หนักแน่นของธีรพัฒน์นั้น รพีพงษ์สามารถสัมผัสถึงเสียงที่อ่อนแรงของเขา
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ผมขอโทษที่มาช้าและทำให้ท่านต้องลำบากครับ”
รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ก็รู้ว่าเสียงของเขานั้นหนักแน่นกว่าเสียงของธีรพัฒน์มาก
“ไม่เป็นไรหรอก ที่ข้าอดทนรอถึงวันนี้ได้ ก็เพราะข้ารู้เจ้าจะมาหาข้าอย่างแน่นอน เห็นไหม ข้ารอจนกว่าเจ้ามาถึงจนได้!” ธีรพัฒน์ยิ้มอย่างจริงใจ
รพีพงษ์ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และเดินตามเสียงของธีรพัฒน์จนไปถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อไปถึงยอดเขาแล้ว รพีพงษ์ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์……”
รพีพงษ์มองไปที่ร่างของธีรพัฒน์ที่สามารถมองทะลุได้ ในขณะนั้นเขารู้สึกใจหายมาก
ครั้งก่อนในตอนที่ต่อสู้กับโจซี่ หากธีรพัฒน์ไม่ได้มาทันเวลาและช่วยชีวิตเขาไว้ เกรงว่าตัวเขาในตอนนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว
ในเวลานั้นเองธีรพัฒน์ดูไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย หลังจากที่ธีรพัฒน์ช่วยชีวิตเขากับอารียาไว้ ธีรพัฒน์ตัดสินใจว่าจะกลับไปพักฟื้นที่กลุ่มสิงโต แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอกับเรื่องนี้อีก
“รพีพงษ์ดีแล้วที่เจ้ามาถึง เจ้าดูนั่นสิ”
รพีพงษ์เงยหน้าแล้วมองไปยังทิศทางที่ธีรพัฒน์ชี้
ระลอกคลื่นเกิดขึ้นกลางอากาศ ซึ่งเป็นระลอกคลื่นที่ก่อตัวเป็นพายุหมุนที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ทางเชื่อมนี้มันใหญ่กว่าทางเชื่อมที่ธัชธรรมค้นพบในครั้งที่แล้วเป็นหลายเท่าตัว หลังจากนั้นรพีพงษ์ได้ปล่อยจิตวิญญาณเทพออกมา และเขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ผนึกบนเส้นทางนี้กำลังถูกคนทำลายอย่างต่อเนื่อง
เพราะเหตุนี้ ถึงต้องการแดนเทพอีกคนที่แข็งแกร่งเท่าธีรพัฒน์มาปิดผนึกนี้ใหม่ บางทีอาจจะช่วยชะลอการพังทลายของผนึกนี้ และอาจยึดเวลาของการมาคุกคามของชาวทวีปโอชวินได้
เพียงแต่ว่า พลังของธีรพัฒน์คนเดียวมันอาจจะไม่พอ
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ครับ ต้องใช้วิธีไหนถึงจะปิดผนึกนี้ได้ครับ?” รพีพงษ์ถามอย่างตรงไปตรงมา
ธีรพัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ง่ายๆ แค่ต้องนำพลังจิตวิญญาณเข้าไปในทางเชื่อมนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทางเชื่อมนี้ถูกผนึกด้วยจอมมารชูร่า ดังนั้นเราต้องใช้พลังจิตวิญญาณในการเข้าควบคุมผนึกนี้ และทำให้ผนึกกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้”
รพีพงษ์พยักหน้า แม้ธีรพัฒน์จะพูดเหมือนง่าย แต่ถ้าให้ทำจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
ก่อนอื่น ในบรรดากลุ่มสิงโต พลังจิตวิญญาณของพวกเขายังไม่เคยถูกปลุกให้ตื่น อีกทั้งยังอ่อนแอมาก ต่อให้เป็นธัชธรรมก็ไม่อาจปิดผนึกของเส้นทางนี้ได้อย่างสมบูรณ์
คงไม่ต้องพูดถึงทางเชื่อมขนาดใหญ่นี้ยังถูกปิดผนึกโดยจอมมารชูร่ามาก่อน
สำหรับผนึกที่สร้างขึ้นโดยจอมมารชูร่า ในเวลานับร้อยปีนี้แม้แต่ทวีปโอชวินก็ไม่อาจทำลายมันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผนึก
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ครับ ท่านพักผ่อนก่อนเลย ส่วนที่เหลือฝากให้ผมเลยครับ”
จากนั้น รพีพงษ์จึงมานั่งข้างๆ ธีรพัฒน์ ด้วยสายตาที่แน่วแน่
“รพีพงษ์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถรับมือได้นะ เจ้าไม่ควรใช้พลังจิตวิญญาณโดยเปล่าประโยชน์ มิฉะนั้น ถ้าหากทวีปโอชวิน……”
ธีรพัฒน์ยังไม่ทันพูดจบ แต่ทันใดนั้น ธีรพัฒน์และคนอื่นๆ ก็สัมผัสถึงพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่ถูกแผ่ออกมาจากร่างของรพีพงษ์
รพีพงษ์มาพร้อมกับพลังจิตวิญญาณตื่นจากการหลับใหล และเขายังควบคุมพลังจิตวิญญาณของตัวเองได้ดีกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
แต่สิ่งที่ทำให้ธีรพัฒน์ประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ พลังจิตวิญญาณที่รพีพงษ์แผ่ออกมานั้น มันแตกต่างจากคนทั่วไปมาก
รพีพงษ์รู้ดี นั่นเป็นเพราะว่าเขาใช้วิชาดูดวิญญาณดูดซับพลังทิพย์จำนวนมากตั้งแต่อยู่ในป่าหมอก
ในเวลานี้ พลังทิพย์ที่รุนแรงของเขาค่อยๆ สงบลง จากนั้นมันก็รวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณของเขาอย่างช้าๆ
ดังนั้นการปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์ในวันนี้ พลังเทพของเขาก็ถูกแผ่ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในไม่ช้า พลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์ก็ปกคลุมไปทั่วทางเชื่อมนี้ และเขายังสามารถรับรู้ถึงผนึกของจอมมารชูร่าที่เคยปลูกไว้ในสมัยก่อนอีกด้วย
ธีรพัฒน์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจและพูดอย่างงุนงงว่า “รพีพงษ์ หรือว่าเจ้า ไปถึงแดนเทพแล้ว?”
รพีพงษ์ในตอนนี้กำลังใช้สมาธิ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบคำถาม เพียงแต่ธัชธรรมที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ช่วยเขาตอบ “ใช่แล้วครับท่านอาจารย์ รพีพงษ์ถึงแดนเทพแล้ว”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของธัชธรรม ธีรพัฒน์ที่กลายเป็นวิญญาณอีกครั้งก็มองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเขาด้วยความประทับใจ จากนั้นหัวเราะออกมาดังๆ
“ฮ่า ๆ ตาแก่อย่างข้าอยู่บนโลกนี้มาหลายร้อยปี ในที่สุดวันนี้ข้าก็ได้พบอัจฉริยะคนปัจจุบันแล้ว ถ้ามีเขาคนนี้อยู่ทั้งคน เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวทวีปโอชวินอีก!”
“ท่านอาจารย์ครับ ท่านลงมาพักก่อนเถอะ” ธัชธรรมพูด
ธีรพัฒน์ปล่อยพลังจิตวิญญาณอีกครั้ง และเขาสัมผัสได้ว่าความเร็วในการปิดผนึกของรพีพงษ์นั้น เร็วและแม่นยำกว่าเขามาก
“อ้อ ข้าควรต้องพักผ่อนจริงๆ แล้วล่ะ” ธีรพัฒน์พูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง
นับตั้งแต่วันที่ค้นพบสิ่งผิดปกติของทางเชื่อมแห่งนี้ ธีรพัฒน์ได้ทำการซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องมาสามวันแล้ว ซึ่งในระยะเวลาสามวันนนี้เป็นการทดสอบพลังครั้งยิ่งใหญ่ขอเขาจริงๆ
“ธัชธรรม ข้าคงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ” ธีรพัฒน์พูดด้วยเสียงที่อ่อนล้า “แต่ว่า ถ้ารพีพงษ์สามารถรับช่วงของเขาข้าต่อได้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว”
“ท่านอาจารย์ครับ!”
ธัชธรรมพูดด้วยความเศร้า “มันเป็นความผิดของผมเองครับ ที่ยังอยู่แดนเทพครึ่งก้าวมาตลอด ผมไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้ ไม่เช่นนั้น ผมก็คงแบ่งเบาภาระของท่านอาจารย์ได้”
“พอเถอะ เจ้าไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มีกี่คนที่ต้องอิจฉาความแข็งแกร่งของเจ้า และข้าก็พอใจในตัวเจ้าแล้ว” ธีรพัฒน์พูด
หลังจากนั้น ธัชธรรมรู้สึกได้ว่าลมหายใจของธีรพัฒน์ยิ่งอยู่ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อย ๆ