พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1365 แผนชั่วของฉันท์ชนก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1365 แผนชั่วของฉันท์ชนก
สามวันก่อน ที่ทวีปโอชวิน
ฉันท์ชนกเดินออกมาจากหลังเขา แล้วมุ่งตรงมายังตำหนักของทวีปโอชวิน
ในตำหนักนั้น จิรกิตติ์และน้องชายของเขาอีกสองคนก็กำลังปรึกษากันเรื่องที่จะไปแย่งชิงแหล่งพลังทิพย์
“พี่ครับ ผมคิดว่า ในเมื่อพวกเรากลัวจอมมารชูราขนาดนี้ งั้นพวกเราก็แอบส่งคนลักลอบเข้าไปที่แหล่งพลังทิพย์เลยสิครับ แล้วก็ขนเอาพลังทิพย์ออกมาทีละส่วน” ธีภพกล่าว
จิรกิตติ์ส่ายหัว “ก่อนหน้านี้จอมมารชูราเหลือเพียงดวงจิต มันจะต้องรู้เรื่องแหล่งพลังทิพย์อย่างแน่นอน ในเมื่อพวกเราสามารถคิดได้ มันก็ต้องคิดได้เหมือนกัน พี่คิดว่า ตอนนี้มันน่าจะหลบซ่อนตัวอยู่แถวแหล่งพลังทิพย์ เพื่อรอพวกเราเข้าบุกโจมตี”
“ก็ดีเลยสิพี่ แบบนี้มันน่าจะออกไปจากทางเชื่อมแล้ว ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะบุกโจมตี!”
ธีภพพูดต่ออีกว่า “ขอเพียงพวกเราสามคนยื้อจอมมารชูราไว้ แล้วให้ยอดฝีมือระดับแดนเทพคนอื่นๆ ไปชิงหลังทิพย์มา ไม่นาน พลังทิพย์ของโลกนั้นก็จะเป็นของเรา!”
ฉันชนกพูดว่า “พี่รองครับ พี่พูดถูกต้องเลย แต่ว่าลืมไปจุดหนึ่ง พี่ต้องคิดดูนะว่า ถ้าดวงจิตของจอมมารชูรายังไม่สลายไปล่ะ พวกเราสามคนช่วยกันรับมือ จะยื้อไว้ได้สักเท่าไร”
“น้องสามก็พูดถูก” จิรกิตติ์พูดต่อ “ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าพวกเราส่งยอดฝีมือทั้งหมดของทวีปโอชวินออกไปอย่างกะทันหัน เกรงว่าจอมมารชูราก็คงจะจัดการกับพวกเราทีเดียวจนหมด พอถึงตอนนั้น ความพยายามหลายร้อยปีของพวกเราก็เสียเปล่าเลยน่ะสิ!”
พอได้ยินพี่น้องตนเองพูดออกมาแบบนี้ ธีภพก็โมโหจนบีบแก้วหยกในมือตนเองแตกละเอียด “แม่งเอ้ย แบบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ไอ้จอมมารชูราอะไรนั่น มันตายหรือยังวะเนี่ย!”
“นั่นสิพี่ พวกนีย์ก็ไปที่โลกนั้นหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวเลย” ฉันชนกพูดอย่างสงสัย
จิรกิตติ์ก็ขมวดคิ้ว “นังหนูคนนี้ คงไม่ใช่เพราะหลงใหลในความเจริญของโลกนั้น จนลืมหน้าที่ของตนเองไปแล้วหรอกมั้ง รอกลับมาคราวจะสั่งสอนให้สาสมเลย”
“นั่นสิพี่ นีย์ก็จริงๆ เลย ลืมงานใหญ่ของทวีปโอชวินไปแล้วล่ะมั้ง?” ธีภพก็พูดเหมือนกัน
ในตอนนั้นเอง ฉันท์ชนกก็ยิ้มเบาๆ เดินเข้ามา
“คุณพ่อ คุณอา กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือคะ?”
“อ้าวฉันท์ชนก มาพอดีเลย พวกเรากำลังกับเจ้าทวีปกิตติ์เรื่องที่ดวงจิตของจอมมารชูรามันสูญสลายไปหรือยัง นีย์ก็ไม่ได้เรื่องเลย ผ่านไปหลายวันแล้ว ยังไม่มีข่าวมาเลย” ธีภพพูดกับฉันท์ชนก
ฉันท์ชนกสายตาอมยิ้ม “ที่แท้ก็กำลังปวดกับเรื่องนี้กันอยู่หรือคะ พ่อไม่ต้องกังวลเลยค่ะ”
“หือ?” จิรกิตติ์ก็มองฉันท์ชนกที่กำลังเดินมาทางตนเองอย่างแปลกใจ “ทำไมล่ะ ทำไมฉันท์ชนกถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
ฉันท์ชนกก็มายืนข้างๆ พ่อตนเอง แล้วพูดเบาๆ ว่า “ง่ายมากเลยค่ะ จากที่ได้ข่าวมาอย่างชัดเจน ดวงจิตของจอมมารชูราได้สูญสลายไปหมดแล้ว”
“อะไรนะ!”
ทั้งสามคนก็สะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ฉันท์ชนก แกพูดจริงใช่ไหม?” ธีภพรีบถาม
“นั่นสิ ฉันท์ชนก เรื่องแบบนี้จะพูดเล่นไม่ได้นะ แล้วแกไปได้ข่าวมาจากไหน?” ฉันชนกถามเหมือนกัน
จิรกิตติ์ก็มองลูกสาวคนโตของตนเอง แล้วพูดว่า “พวกแกสองคนพูดน้อยๆ หน่อย ฟังฉันท์ชนกพูด”
ฉันท์ชนกก็ยิ้มอ่อนๆ “คุณพ่อคะ หนูเป็นองค์หญิงใหญ่ของทวีปโอชวิน ก็ต้องแบ่งเบาภาระพ่อเป็นธรรมดา ดวงจิตของจอมมารชูราได้สลายไปแล้ว เรื่องนี้ถูกต้องแน่นอน”
“หรือว่า นีย์จะส่งข่าวมาให้แกงั้นหรือ?” จิรกิตติ์ถาม
ฉันท์ชนกก็บึนปากพูดว่า “ไม่ใช่เธอหรอก น้องนีย์น่ะ เพิ่งเคยรับหน้าที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวเลย ทำไมล่ะ เธอก็ไม่ได้ส่งข่าวให้พวกพ่อหรือคะ?”
“นังหนูคนนี้ ไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นทำไมกัน” จิรกิตติ์แอบด่าเงียบๆ จากนั้นก็ถามว่า “แล้วแกไปรู้ข่าวมาได้อย่างไร?”
ฉันท์ชนกยิ้มพูดว่า “ลูกน้องคนหนึ่งของหนูส่งข่าวมาให้ค่ะ นี่ไง พอหนูได้รับข่าวก็รีบมารายงานพวกพ่อเลยไงคะ”
“ลูกน้องของแกงั้นหรือ?” จิรกิตติ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉันท์ชนกที่ถนัดการทายใจคนอื่น ก็รู้ได้ว่าพ่อตนเองกำลังคิดอะไรอยู่
“พ่อคะ พ่อคิดมากไปแล้วล่ะค่ะ ลูกน้องของหนูก็คือคนรับใช้ที่พ่อเคยให้มารับใช้หนูตอนเด็กๆ ไงคะ หลายปีก่อนหนูก็ได้ส่งตัวมันไปที่โลกนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อจับตาดูโลกนั้นไว้ ว่ามียอดฝีมือคนไหนบ้าง และรวมถึงเรื่องของดวงจิตจอมมารชูราด้วย” ฉันท์ชนกกล่าว
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” จิรกิตติ์ก็เลิกขมวดคิ้ว
ในฐานะที่เป็นเจ้าทวีปกิตติ์ของทวีปโอชวิน เขาไม่มีทางอนุญาตให้ใครซ่องสุมกำลังของตนเองเป็นอันขาด ต่อให้เป็นฉันท์ชนกก็ไม่ได้!
“ฉันท์ชนกฉลาดจริงๆ เลยนะ นานขนาดนั้นก็ได้เตรียมแผนการไว้แล้ว ดีกว่านีย์ที่ชอบบุ่มบ่ามเยอะเลยนะ” ธีภพกล่าวชม
“ขอบคุณคุณอาที่ชมค่ะ” ฉันท์ชนกกล่าว “แต่ว่าคุณอาก็จะไปว่านีย์เอ๋อร์แบบนี้ก็ไม่ได้นะคะ เธอก็ยังเป็นน้องสาวของหนู ถึงแม้บางครั้งอาจจะห่วงเล่นและเลอะเลือนไปบ้าง แต่หนูก็จะยังปกป้องเธอนะ”
“อ่อ ฮ่าๆๆ แกก็พูดถูก ถึงจะเป็นอย่างไรเธอก็เป็นน้องสาวแก อาพูดผิดไปเอง โอเคนะ” ธีภพหัวเราะพูด
“เอาเถอะฉันท์ชนก ถ้าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงล่ะก็ งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว” ฉันชนกกล่าว “เพียงแต่ ไม่รู้ว่าคนรับใช้ของแกคนนั้นมีหลักฐานอะไรที่พอจะเชื่อได้บ้างไหมล่ะ?”
“ฉันชนกคนนี้มันน่าจริงๆ !”
ฉันท์ชนกด่าอยู่ในใจ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม “คุณอาวางใจเถอะค่ะ คนรับใช้ของหนูบอกไว้ว่า ตอนที่พวกเราทำลายทางเชื่อมไปในครั้งก่อน จิตวิญญาณเทพของมันปะทะกับจิตวิญญาณเทพของเรา หลังจากนั้น ก็มีพลังน้อยลง สุดท้ายก็สูญสลายไป”
จิรกิตติ์ก้มหน้าครุ่นคิด ตอนที่ทำลายทางเชื่อมนั้น ก็ได้มีพลังที่แข็งแกร่งเข้ามาปะทะกับยอดฝีมือระดับแดนเทพของตนเอง และอีกอย่าง วันนั้นกระบี่สยบเซียนก็ปรากฏขึ้นในทวีปโอชวิน ยิ่งทำให้พวกเขาหวั่นเกรงกันไม่น้อย
ถ้าเป็นเหมือนกับที่ฉันท์ชนกบอกมา ดวงจิตของจอมมารชูราคงจะได้รับบาดเจ็บไปในวันนั้น สุดท้ายก็แหลกสลายไป
พอเห็นจิรกิตติ์ลังเล ฉันท์ชนกก็พูดอีกว่า “พ่อคะ พ่อลองคิดดูนะ ถ้าพ่อเป็นจอมมารชูรา ช่วงนี้ก็คงจะป้องกันอยู่ที่ทางเชื่อม แต่หลายวันก่อน นีย์ ชาคริตและเมฆก็เพิ่งไปที่ทางเชื่อม ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น นี่มันก็ชี้ชัดแล้วไม่ใช่หรือคะว่าสถานการณ์มันเหมือนกับที่คนรับใช้ของหนูบอกเลย”
“อีกอย่าง โอกาสครั้งนี้หาได้ยาก พวกเราแค่ทำอะไรเล็กน้อย ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเขาพูดจริงหรือไม่จริง!” ฉันท์ชนกกล่าว
“ทำอย่างไร?” จิรกิตติ์ถาม
“ง่ายมาก เราเข้าบุกทำลายทางเชื่อมอีกครั้ง ถ้ายังมีจิตวิญญาณเทพที่แข็งแกร่งเข้ามาปะทะกับพวกเราอีกล่ะก็ ก็แสดงว่าคนรับใช้ของหนูพูดจริง แต่ถ้าไม่มีใครมารับมือ แล้วยอมให้เราเข้าทำลาย พวกเราก็สามารถบุกเข้าโลกนั้นได้ดั่งใจ ไปเอาแหล่งพลังทิพย์กลับมา!” ฉันท์ชนกกล่าว
“ฉันท์ชนกพูดถูกต้อง!พี่ใหญ่ พวกเราก็ทำตามนี้ก็แล้วกัน!” ธีภพกล่าว
“น้องสาม แกว่าไง?” จิรกิตติ์ถามฉันชนก
ฉันชนกครุ่นคิด แล้วก็พูดว่า “ที่ฉันท์ชนกก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล พวกเราลองดูก็ได้”
“ในเมื่อจะลอง ถ้าไม่ชนะเดี๋ยวจะเละ พวกเราต้องบุกให้รุนแรงกว่าครั้งก่อน ให้คนโลกนั้นได้รับรู้ ว่าพวกเราต้องแหล่งพลังทิพย์ ถ้าไม่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมาขวางไว้ล่ะก็ พวกเราก็รีบบุกเข้าไปเลย!” ฉันท์ชนกพูดนิ่งๆ
“ดี งั้นก็ทำตามที่แกบอกเลย!”
จิรกิตติ์เอามือตบโต๊ะ หลายวันนี้ เนื่องจากเรื่องของจอมมารชูรา ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้โอกาสมายื่นให้ตรงหน้า เขาต้องลองมันสักตั้ง
“ฉันท์ชนกเอ๋ย เสียดายที่แกเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ พ่อก็จะได้เกษียณอายุไปแล้ว” จิรกิตติ์ยิ้มพูด
ฉันท์ชนกก็ก้มหน้ายิ้มๆ
เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมันได้หายไปอย่างรวดเร็ว ในใจก็ยังคิดร้ายอยู่ว่า “พ่อมองหนูต่ำไปแล้วล่ะค่ะ ที่หนูต้องการไม่ใช่แค่ทวีปโอชวิน แต่จะเอาทุกอย่างบนโลกนี้”
เรื่องที่ดวงจิตของจอมมารชูราถูกทำลายนั้น ก็เป็นแค่ฉันท์ชนกแต่งขึ้นมา พูดออกไปมั่วๆ ที่เธอต้องการก็คือทำให้จิรกิตติ์ยกทัพไปโจมตีโลก
มีเพียงแบบนี้ ตนเองถึงจะมีโอกาส
เพียงแต่ แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่วิญญาณทิพย์ทั้ง5คนของตนเองถูกจอมมารชูราจะเป็นเรื่องจริง แต่วันนี้ที่เธอพูดไปมั่วๆ นั้น มันเป็นเรื่องจริง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จากผลลัพธ์ในวันนี้ แผนแรกของฉันท์ชนกก็สำเร็จแล้ว!
“ไปประกาศให้คนในทวีปโอชวินทั้งหมด ว่าเช้าวันพรุ่งนี้ให้มารวมกันที่ตำหนัก ข้ามีเรื่องที่จะประกาศ!” จิรกิตติ์พูดเสียงขรึม