พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1383 ฉันอยากกลับบ้าน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1383 ฉันอยากกลับบ้าน
“เข็มทิ่มกระดูก?” หลังจากที่ทุกคนได้ยิน ต่างก็แสดงถึงความไม่เข้าใจ
มีเพียงธัชธรรมและธีรพัฒน์ทั้งสองคนเท่านั้นที่ค่อนข้างตกใจ
เข็มทิ่มกระดูก เป็นการใช้เข็มเงินที่ละเอียดอย่างหนึ่ง หลังจากนั้นนำพลังจิตวิญญาณใส่เข้าไปในเข็มเงิน ทิ่มแทงเข้าไปในช่องว่างของกระดูกสันหลังที่สามของอีกฝ่าย
นี่เป็นวิชาลับของกลุ่มสิงโต ใช้เพื่อลงโทษพวกผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นที่ประพฤติผิดอย่างกำเริบเสิบสานในเมือง หลังจากที่รพีพงษ์ได้เป็นเจ้าสำนักกลุ่มสิงโต ถึงจะได้สัมผัสวิชาลับแบบนี้
หลังจากที่โดนเข็มทิ่มกระดูก เมื่อใช้พลังจิตวิญญาณแล้ว ก็จะรู้สึกเจ็บปวดแทงเข้าไปในใจ เพราะเหตุนี้ สำหรับนักบำเพ็ญตนแล้ว เข็มทิ่มกระดูกเรียกว่าเป็นวิธีการทรมานที่โหดเหี้ยมมากที่สุด
“พวกแกไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือก มีเพียงยอมรับ มิเช่นนั้น ชายชราข้างกายของฉันทั้งสองคนจะส่งให้พวกแกไปสบาย” รพีพงษ์พูดอย่างนิ่งๆ
คนเหล่านั้นของทวีปโอชวินมองหน้าซึ่งกันและกัน เขาเป็นคนมีอำนาจชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น แต่ฉันเองเป็นเนื้อบนเขียง พวกเขาก็รับรู้สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
นำเข็มเงินสิบกว่าเข็มออกมา แต่ละเข็มทิ่มแทงไปยังกระดูกสันหลังของผู้ฝึกบำเพ็ญตนแต่ละคนแห่งทวีปโอชวิน
เพียงชั่วพริบตา ทุกคนก็ถูกเข็มทิ่มกระดูกแล้ว พวกเขาในตอนนี้ พลังจิตวิญญาณในร่างกายว่างเปล่า กลับว่าไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ ได้รับการทุกข์ที่ยิ่งใหญ่นี้ไปตลอดชีวิต
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ เรากลับกันเถอะ”
รพีพงษ์พูดกล่าว
ธีรพัฒน์และธัชธรรมทั้งสองคนพยักหน้าแล้ว
ทั้งสามคนก็เดินลงจากยอดเขาคุนหลุนไปด้วยกัน กลับไปยังกลุ่มสิงโต
การต่อสู้ในวันนี้ มีซากศพทิ้งไว้บนยอดเขาคุนหลุนจำนวนมาก
ท่ามกลางอากาศ นกแร้งที่บินวนเวียนรอคอยเป็นเวลานานแล้ว ซากศพของเหล่าคนทวีปโอชวิน สุดท้ายก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนแทะกินจนสะอาดเกลี้ยง
ยังไม่ถึงกลุ่มสิงโต หงส์และพวกเขาก็รออยู่นอกสำนักตั้งนานแล้ว
หลังจากที่เห็นรพีพงษ์พวกเขาสามคนแล้ว คนของกลุ่มสิงโตถึงจะวางใจ
“จิรกิตติ์เขา……”
ธีรพัฒน์ยิ้มเผชิญหน้ากับพวกคนกลุ่มนั้นพร้อมตอบกลับว่า : “จิรกิตติ์ ตายภายใต้กระบี่สยบเซียน”
ผู้คนเสียงเชียร์ดังกึกก้อง นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาอยากเห็นมากที่สุด
“งั้น……งั้นผู้บำเพ็ญตนส่วนที่เหลือของทวีปโอชวินละ?” หงส์พูดถาม
ทุกคนก็มองไปยังรพีพงษ์ ในใจของพวกเขาก็ไม่ยินยอมที่จะปล่อยคนเหล่านี้ไป
“ฉันปล่อยพวกเขาไปแล้ว” รพีพงษ์พูดตอบ
คิ้วที่เรียวสวยของหงส์ขมวดแน่น เธอพูดกล่าวอย่างโมโหว่า : “คิดไม่ถึงว่าคุณจะปล่อยพวกเขาไปจริงๆ คุณทำแบบนี้ ไม่คิดถึงความเจ็บปวดของสหายเหล่านั้นของพวกเราเลยงั้นเหรอ?คุณทำให้พวกเขาผิดหวังได้ยังไง!”
“หงส์ ทำไมคุณถึงได้พูดจากับรพีพงษ์แบบนี้ล่ะ เขาเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโตนะ” ธัชธรรมพูดกล่าว
หงส์ที่พูดจาขวานผ่าซากพูดกล่าวตรงๆว่า : “แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าสำนัก ทำผิดแล้ว ก็จะต้องได้รับวิจารณ์เหมือนกัน หรือว่าคุณไม่เคยคิดมาก่อนว่า เมื่อพลังชีวิตของเหล่านักฝึกบำเพ็ญตนฟื้นกลับมาแล้ว หากพวกเขากระทำผิดอย่างเหิมเกริมที่โลกภายนอก งั้นเราก็ต้องเผชิญกับอันตรายนี้นะสิ?”
รพีพงษ์มองไปที่ผู้หญิงคนนี้ที่มีใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ มุมปากเผยรอยยิ้ม
“คุณ……คุณยังจะมายิ้มอีกนะ น่าโมโหชะมัด!” หงส์พูดด้วยความโมโห
“ถ้าหากฉันพูดว่า ฉันปล่อยพวกเขาไปแล้ว แต่ว่าพวกเขากลับว่าไม่สามารถกระทำผิดอย่างเหิมเกริม คุณเชื่อไหม?” รพีพงษ์เอ่ยถาม
“ฉันไม่เชื่อ!” หงส์พูดกล่าวเสียงดัง
“พอแล้วรพีพงษ์ เด็กน้อยคนนี้เกลียดชังความชั่วราวกับเกลียดชังศัตรู เราบอกความจริงกับเขาไปเถอะ”
ธัชธรรมก้าวขึ้นไปพูดกับหงส์ว่า : “เรื่องที่คุณคิดได้นั้น รพีพงษ์เขาคิดได้หมดแล้ว คนของทวีปโอชวินส่วนที่เหลือ ถูกเข็มทิ่มกระดูกแล้ว ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่สามารถใช้พลังจิตวิญญาณได้แล้ว”
“เข็มทิ่มกระดูก?นี่……นี่ก็ช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้วนะ” หงส์พูดกล่าวอย่างตกใจ เธอก็คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะใช้วิธีการนี้ในการลงโทษคนของทวีปโอชวินเหล่านั้น
สำหรับผู้ที่ฝึกบำเพ็ญตนแล้ว มีพลังจิตวิญญาณแต่กลับว่านำมาใช้ไม่ได้ นี่ก็สู้เอาชีวิตของพวกเขาไปดีกว่า
“วิธีการนี้มันช่างโหดเหี้ยมจริงๆ แต่ว่าใช้กับคนพวกนี้ ก็ไม่ได้เกินไปเลยจริงๆ” รพีพงษ์พูดกล่าว
หงส์ก็พยักหน้าแล้ว : “คุณพูดถูก แต่ว่าฉันก็คิดไม่ถึงว่าคุณจะใช้เข็มทิ่มกระดูก”
ใบหน้าของรพีพงษ์นำมาซึ่งรอยยิ้ม : “เมื่อกี้ที่คุณพูดจาแบบนี้กับฉัน ตามกฎของกลุ่มสิงโตแล้ว คุณควรจะได้รับบทลงโทษใช่ไหม?”
“ฉัน……” หงส์กัดริมผีปาก: “ต้องโทษที่คุณไม่พูดตั้งแต่แรก ถ้าหากคุณพูดตั้งแต่แรกว่าใช้เข็มทิ่มกระดูกพวกเขา ฉันก็ไม่มีทางว่าอะไรคุณ”
รพีพงษ์ผายมือสองข้าง ก็ได้ ในเมื่อพูดแบบนี้ เป็นความผิดฉัน?
“คุณเคยให้โอกาสฉันได้พูดไหม?พอก้าวขึ้นมาก็พูดด่าตำหนิว่าฉันใส่หัวและใส่หน้าโครมๆ ฉันจะต้องลงโทษคุณสักหน่อยแล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว
หงส์หน้าแดง: “งั้นคุณก็พูดเถอะ ว่าคุณจะลงโทษฉันยังไง”
รพีพงษ์คิด และกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “เอาอย่างนี้แล้วกัน ลงโทษคุณด้วยการทำอาหารให้ฉัน 3 วัน คุณคิดว่ายังไง”
“แค่นี้เองเหรอ?” หงส์ถาม
รพีพงษ์พยักหน้า: “เดิมทีก็อยากจะให้คุณทำให้หลายวันหน่อย แต่ว่าหลังจาก 3 วัน ฉันก็น่าจะไปจากที่นี่แล้วล่ะ”
“คุณ……จะไปแล้วเหรอ?” หงส์ถามเสียงเบา
“ใช่ไง จิรกิตติ์ตายแล้ว และทวีปโอชวินตอนนี้ก็น่าจะอยู่ภายใต้การปกครองของฉันท์ชนก ศึกวันนี้ กองกำลังของทวีปโอชวินได้ถูกทำลายไปแล้ว แม้ว่าเธอคิดอยากจะต่อสู้กับพวกเรา เกรงว่าก็เธอก็ต้องพิจารณาดูนะ”
รพีพงษ์มองไปที่ทุกคน และพูดต่อว่า: “ห่างหายไปจากบ้านเป็นเวลานานแล้ว ฉันรับปากอารียาแล้ว เมื่อเรื่องนี้จบ ฉันก็จะกลับไปรวมตัวกับครอบครัวที่เกียวโต
เมื่อคิดถึงอารียาและขวัญนลินที่เกียวโต สีหน้าของรพีพงษ์ก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม
“อืม” หงส์ก้มหน้าตอบ
“ฮ่า ๆ คุณพูดถูก รพีพงษ์ คุณกลับไปอย่างวางใจเถอะ กลุ่มสิงโตมีฉันและธัชธรรมอยู่ปกป้องไม่มีปัญหาหรอก” ธีรพัฒน์กล่าวอย่างเบิกบานใจ
“อืม รพีพงษ์ ฝากสวัสดีพี่สะใภ้ฉันด้วยล่ะ” ธัชธรรมกล่าวเช่นเดิม
รพีพงษ์พยักหน้า และกล่าวว่า: “จริงสิ อาการบาดเจ็บของนีย์เป็นยังไงบ้าง แล้วก็ การต่อสู้ครั้งนี้ มีใครในกลุ่มสิงโตของเราได้รับบาดเจ็บไหม?”
“ต้องขอบคุณที่คุณยังคิดถึงเรื่องนี้” หงส์กล่าว: “เพื่อนสหายกลุ่มสิงโตของเราได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ว่าน่าจะไม่เป็นอะไรหนักมาก ส่วนองค์หญิงน้อย เธอบาดเจ็บสาหัส มังกรกำลังรักษาเธออยู่”
“พาฉันไปดูหน่อย”
รพีพงษ์กล่าว
ทุกคนต่างก็เดินเข้าไปในกลุ่มสิงโต ไม่นานก็ถึงห้องของนีย์
เปิดประตูออก มังกรกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง นีย์ที่นอนอยู่บนเตียงสีหน้าซีดขาว ที่หน้าอกของเธอยังคงมีกริชสีดำปักอยู่
“คิดไม่ถึงว่าพละกำลังของจิรกิตติ์จะแข็งแกร่งเช่นนี้ ร่างกายของเขาดับสูญไป แต่กริชนี้ที่วาดออกมายังคงมีอยู่” ธัชธรรมกล่าวด้วยอารมณ์หดหู่ใจ
“แค่คิดก็รู้แล้ว พลังจิตวิญญาณที่รวบรวมไว้บนมีดเล่มนี้ของเขาจะสามารถสลายไปได้เป็นเวลานานเพียงใด” ธีรพัฒน์กล่าว
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว มีดของจิรกิตติ์มีเจตนาถึงความฆ่า นี่แสดงให้เห็นว่าร่างกายที่เสียสละของนีย์น่ายกย่องเพียงใด
“มังกร ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเธอเป็นยังไงบ้าง” รพีพงษ์ถาม นีย์ที่นอนอยู่บนเตียงอยู่ในอาการโคม่า มีเพียงลมหายใจที่อ่อนแรงเท่านั้นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นที่สุดก็คือดึงกริชนี้ออกมาเร็วๆ แต่ว่า กริชเล่มนี้เจาะลึกเกินไป ถ้าดึงไม่ดีล่ะก็ อาจจะมีอันตราย” มังกรกล่าวความจริง
“มีโอกาสสำเร็จแค่ไหน?” รพีพงษ์ถาม
มังกรส่ายหน้า: “มีโอกาสเพียง 30% แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ ก็ต้องลองดู”
“อืม ทำด้วยความกล้าหาญไปเลย ฉันเชื่อในตัวคุณ” รพีพงษ์กล่าว
สายตาของมังกรหนักแน่น ด้านข้าง ยาและอุปกรณ์ทุกอย่างเพื่อใช้ห้ามเลือดต่างก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
จากนั้น มังกรก็ยื่นมือออกมา จับกริชไว้
ในตอนนี้ นีย์ที่อยู่ในภาวะอ่อนแอก็ได้พยายามลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มที่
“ให้……ให้รพีพงษ์ดึงออก ฉัน……เชื่อใจเขา ถึงแม้ว่า……ตายในมือของเขา ฉัน……ก็เต็มใจ”
รพีพงษ์มองหน้านีย์ แม้ว่าตอนที่อยู่สำนักเทพยาเซียนอ่านหนังสือทางการแพทย์มาไม่น้อย แต่เรื่องแบบนี้เขาไม่เคยทำมาก่อนเลย
“เจ้านาย นี่……นี่ควรทำอย่างไร” มังกรถาม
“รพีพงษ์……ฉันเชื่อคุณ” ใบหน้าซีดเซียวของนีย์มองไปที่รพีพงษ์และกล่าว
“ได้ ฉันทำเอง”
ไม่รอช้า รพีพงษ์ก็มาถึงตรงหน้านีย์
ใบหน้าที่ซีดเซียวของนีย์ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น: “เรื่องที่คุณทำ……ต่างก็สำเร็จทั้งนั้น ครั้งนี้……ก็ต้อง……ก็ต้องทำได้”
รพีพงษ์พยักหน้า: “อีกเดี๋ยวอาจจะเจ็บหน่อย คุณอดทนไว้นะ”
ขณะที่พูด มือซ้ายของเขาก็จับด้ามที่เย็นเฉียบ
หลังจากสายตาของทั้งสองมองกันอยู่ครู่หนึ่งนั้น รพีพงษ์รวบรวมความกล้า เพื่อดึงกริชออกจากร่างกายของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
“รีบห้ามเลือด!”
มังกรตะโกนเสียงดัง และนีย์ที่นอนอยู่บนเตียงก็สลบไป……