พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1386 เดี๋ยวฉันช่วยคุณเอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1386 เดี๋ยวฉันช่วยคุณเอง
“กำจัดทวีปโอชวินงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ตกใจมาก แต่พอคิดดูแล้ว ในเมื่อญาณิดาคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในหินลั่วหง ดูเหมือนว่าตนเองจะสัมผัสกับอะไร หรือคิดอะไร เธอก็คงรับรู้ได้ทั้งหมด
“ดูเหมือนว่า ต่อไปนี้เวลาอยู่กับแคลร์สองต่อสองนั้น คงจะต้องถอดหินลั่วหงออกไปวางที่อื่นเสียก่อน” รพีพงษ์คิดในใจ
“เพียงแต่……..” รพีพงษ์เก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้ แล้วพูดว่า “เมื่อครู่เธอคงได้ยินแล้วสินะ ฉันท์ชนกเป็นผู้หญิงที่ทำชั่วอะไรออกมาได้หมด อีกอย่าง พวกคนในทวีปโอชวินก็เหมือนกับแมลงศัตรูพืช ฆ่าไม่หมดเสียที ถ้าอยากจะกำจัดให้สิ้นไปล่ะก็ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้เวลากี่ปี”
เมื่อนึกถึงครั้งนี้ที่เอาชนะทวีปโอชวินได้ ธัชธรรมและธีรพัฒน์รอมาทั้งหมด200ปีเต็มๆ รพีพงษ์รู้สึกเศร้าในใจ
ถ้าอยากจะเอาชนะกับผู้นำอย่างฉันท์ชนกที่ก่อตั้งทวีปโอชวินขึ้นใหม่นั้น จะต้องใช้เวลาอีก200ปี ก็อาจจะเป็นไปได้
“ไหนบอกว่าคุณฉลาด ไม่คิดเลยว่าตอนนี้คุณจะโง่ได้ถึงขนาดนี้”
ญาณิดากล่าว
“คุณว่าผมโง่งั้นหรือ?” รพีพงษ์หัวเสียเล็กน้อย ที่ผ่านมานี้ เขาได้ใช้หัวสมองคิดเรื่องราวต่างๆ ตลอดเวลา อีกอย่าง ที่ภูมิใจที่สุดก็คือ ความคิดของตนเองจะลึกซึ้งกว่าคนอื่น มักจะคิดอะไรได้รอบคอบมากๆ
“มันง่ายมากเลยนะ ในเมื่อคุณไม่รู้ว่าพวกเศษสวะที่ฝั่งทวีปโอชวินจะบุกมารุกรานพวกเราเมื่อไร คุณก็บุกเข้าโจมตีทวีปโอชวินเองเลยก็ได้นี่” ญาณิดาพูดออกมาอย่างนั้น
รพีพงษ์ก็ตกใจ “คุณหมายความว่า ให้โจมตีทวีปโอชวินกลับไปงั้นหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ” ญาณิดาพยักหน้าพูดว่า “เข้าไปที่ทวีปโอชวิน แล้วก็ไปฆ่าฉันท์ชนกอะไรนั่นเสีย แค่นี้ก็จบแล้ว แค่นี้แก้ปัญหาได้แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“จัดการให้เรียบงั้นหรือ?”
ในปากของรพีพงษ์บ่นคำ4คนนี้อยู่ อารมณ์ความรู้สึกก็ฮึกเหิม แต่จากนั้น เขาก็พูดว่า “คุณพูดถูก แต่ว่า จอมมารชูราในเมื่อก่อนที่เก่งกาจ ก็ไม่เคยเข้าไปในทวีปโอชวินเลยนะ แล้วผมจะเข้าไปได้ไงล่ะ?”
“เฮ้อ ก็มีฉันไงล่ะ”
ญาณิดายิ้มบางๆ “มีฉันคอยช่วยคุณเอง คุณก็ผ่านทางเชื่อมเข้าไปก็สามารถไปถึงทวีปโอชวินได้แล้ว!”
“จริงงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ตื่นเต้นมาก “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็ งั้นมันก็ดีมากๆ เลย!”
เมื่อนึกถึงว่าสามารถจัดการถอนรากถอนโคนทวีปโอชวินได้ทั้งหมดจริงๆ ภาระหน้าที่ของตนเองเบาลง จะได้อยู่กับอารียาและหนูลินได้ รพีพงษ์ก็จะรู้สึกว่ามีความสุขมากๆ
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณญาณิดามากเลย ไม่รู้ว่าจะขอบคุณอย่างไรดี” รพีพงษ์กล่าว
ญาณิดายิ้มเบาๆ “ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราก็ทำไปเพื่อจุดประสงค์ของตนเองกันทั้งนั้น”
“จุดประสงค์ของตนเองงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็มีความไม่สบายใจแฝงเข้ามาเล็กน้อย
“โดยสรุปแล้วก็คือ มีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถพาคุณเข้าไปในทวีปโอชวินได้ แบบนี้ แค้นของพวกคุณก็จะได้ชำระเสียที ส่วนฉันจะทำอะไรนั้น ตอนนี้คุณยังไม่จำเป็นต้องรู้” ญาณิดากล่าว
“ได้ ผมรู้แล้วล่ะ”
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การจะตัดรากถอนโดนทวีปโอชวิน เพื่อกำจัดตัวอันตรายพวกนี้ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว รพีพงษ์จะต้องลองมันสักตั้ง
“เอาเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว พอคุณตัดสินใจได้แล้ว ก็อย่าลืมบอกฉันล่ะ” ญาณิดากล่าว
“แล้วผมจะบอกคุณได้อย่างไรล่ะ?” รพีพงษ์เห็นร่างของญาณิดาตรงหน้าค่อยๆ จางหายไป ก็รีบพูดขึ้นมา
“เจ้าทึ่ม ฉันก็คือหินลั่วหงไง พอถึงตอนนั้นก็ตะโกนใส่หินลั่วหงเรียกว่า พี่สาว สามครั้ง เดี๋ยวฉันก็จะออกมาเอง ฮ่าๆ ….”
พอสิ้นเสียงหัวเราะ ร่างของญาณิดาก็จางหายไป
รพีพงษ์ก็ลืมตาโต แล้วก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็รีบเดินออกมาจากห้อง
เรื่องที่จะโจมตีทวีปโอชวิน จะชักช้าไม่ได้ เพราะว่าจากการที่ได้คุยกับนีย์ในคืนนี้ รพีพงษ์รู้ดีว่า ถ้ายังเสียเวลาต่อไป พลังของพวกฉันท์ชนกก็จะเพิ่มขึ้นมาได้
“จะต้องรีบไปปรึกษากับพวกท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์เสียหน่อยแล้ว”
“รพีพงษ์คิดในใจ ตอนที่เดินผ่านห้องของนีย์นั้น รพีพงษ์ก็หยุดฝีเท้าลง”
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวเขา……..
ตัดมาทางฝั่งทวีปโอชวิน
ในตำหนัก ฉันท์ชนกก็นั่งอยู่ที่ตำแหน่งที่ตนเองฝันใฝ่มานาน
บนพื้นที่ยกสูงขึ้นไปมีชายสวมชุดสีดำอยู่5คน วิญญาณทิพย์พวกนี้ก็คือผู้ช่วยของเธอ พลังไม่ธรรมดา
ตามที่ฉันท์ชนกขึ้นตำแหน่งมา นักฆ่าเดนตายที่ฉันท์ชนกชุบเลี้ยงมา ก็สามารถออกมายืนได้อย่างเต็มตัว ออกมาปรากฏตัวในตำหนัก
ทุกคนทางด้านล่างก็ยอมเป็นลูกน้องของฉันท์ชนก
สองวันนี้ ฉันท์ชนกได้แสดงฝีมือร้ายกาจออกมา คนที่เหลืออยู่พวกนี้ล้วนเป็นคนที่ยอมอ่อนข้อให้เธอ ส่วนคนที่กล้าต่อต้านเธอ เธอก็สั่งให้วิญญาณทิพย์ทั้ง5คนไปจัดการให้หมด โดยไม่คิดอะไรเลย
สองวันนี้ ทวีปโอชวินวุ่นวายอย่างมาก แม้แต่ในตำหนักใหญ่ก็ยังมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่ว
แต่ฉันท์ชนกรู้ดี ว่าตั้งแต่โบราณมา ถ้าอยากจะมีอำนาจที่สูงสุดล่ะก็ จะไม่มีการนองเลือดได้อย่างไรเล่า?
“เจ้าทวีป ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้วครับ”
ชายชุดดำคนหนึ่งพูดกับฉันท์ชนก
ฉันท์ชนกพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วพูดเสียงดังฟังชัด “ทุกท่าน วันนี้เป็นวันแรกที่เรียกทุกท่านมารวมกัน หลังจากฉันได้นั่งตำแหน่งเจ้าทวีป ในเมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญ ฉันก็มีเรื่องที่จะประกาศให้ทุกคนรับรู้”
ทุกคนก็มองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าฉันท์ชนกจะทำอะไรกันแน่
“ฉันรู้” ฉันท์ชนกพูดออกมาต่อ “พวกคุณทุกคนสงสัยในความสามารถของฉัน สิ่งนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงอย่างไร หลายปีมานี้ ทวีปโอชวินล้วนอยู่ในความดูแลของพ่อฉัน เพียงแต่ ครั้งนี้พ่อฉันบุกไปโลกอย่างกะทันหัน และได้สิ้นชีพภายใต้กระบี่สยบเซียนของจอมมารชูรา จะว่าไปแล้ว มันก็น่าเศร้าอยู่เหมือนกัน”
พูดถึงจุดนี้ ฉันท์ชนกก็บีบน้ำตาจระเข้ของตนเองออกมา
ทุกคนก็ก้มหน้าไม่พูดอะไร พวกเขารู้ว่าที่ฉันท์ชนกพูดมา เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกของจิรกิตติ์ถูกฉันท์ชนกหลอกให้ไปบุกโลก ส่วนฉันท์ชนกก็เป็นตัวต้นเหตุที่ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ขณะที่จิรกิตติ์และนักฝึกวิชาทั้งหลายกำลังร้องขอกำลังเสริมเข้ามาที่ตนเอง
แต่ทว่า พวกเขาก็รู้ดี ถ้าตอนนี้พูดอะไรมากไป ก็จะจบชีวิตทันที!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ความแค้นของพวกเราและพวกนักฝึกวิชาของประเทศจีน ก็จะไม่มีวันหมดไป!” ฉันท์ชนกพูดเสียงดัง
ทุกคนก็ขมวดคิ้ว หนึ่งในนั้นมีคนกล้าคนหนึ่ง พูดขึ้นมาว่า “เจ้าทวีป ท่านหมายความว่า จะบุกโจมตีไปที่ประเทศจีนอีกงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!”
ฉันท์ชนกพยักหน้าตอบ
“อะไรนะ?”
“ไม่นะ ถ้าบุกโจมตีอีกล่ะก็ ทวีปโอชวินเราก็จะไม่มีใครเหลือแล้วนะ”
“นั่นน่ะสิ ก่อนหน้านี้ยอดฝีมือระดับแดนเทพและแดนดั่งเทพที่บุกไปประเทศจีน ก็ตายอยู่ที่นั่นหมด ถ้าพวกเรายังไปอีกล่ะก็ ก็กลายเป็นว่าไปตายเปล่าๆ น่ะสิ?”
ทุกคนก็พูดกันขึ้นมาใหญ่
ฉันท์ชนกก็สั่งเสียงเย็นว่า “เงียบหน่อย!”
พอพูดออกไป น้ำเสียงค่อนข้างแข็ง ทุกคนก็รีบเงียบกันขึ้นมาทันที
“ที่พวกคุณพูดกันมานั้น ฉันเองก็ได้พิจารณาแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน พวกนักฝึกวิชาของประเทศจีนดูเหมือนจะได้เปรียบ แต่ฉันมั่นใจว่าจะสามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้แน่!” ฉันท์ชนกพูดเสริมออกไป
“งั้นหรือ ไม่ทราบว่าเจ้าทวีปคิดแผนอะไรออกมาได้?” คนด้านล่างคนหนึ่งถามขึ้นมา
ฉันท์ชนกก็อมยิ้มมุมปาก แล้วก็มองทุกคนด้านล่าง
สงครามเมื่อสองวันก่อน ยอดฝีมือของทวีปโอชวินแทบจะตายกันไปหมด แต่ตอนนี้ คนด้านล่างพวกนี้ นักฝึกวิชาที่พลังสูงที่สุด ก็แค่ระดับแดนดั่งเทพเท่านั้น
“พวกคุณวางใจเถอะ ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าทวีป ก็จะไม่เหมือนกับเมื่อก่อนนี้ หรือว่าพวกคุณไม่รู้ว่า ในเขตต้องห้ามนั้น มีวิชาลับที่สามารถเพิ่มพลังให้กับนักฝึกวิชาได้?” ฉันท์ชนกกล่าว
ทุกคนก็ตกใจ แล้วก็ตอบสนองกลับมาได้ ฉันท์ชนกกำลังคิดจะลุกล้ำเขตต้องห้าม
“แต่ว่า เจ้าทวีปเคยบอกไว้นานแล้วว่า เขตต้องห้ามไม่ใช่ที่ที่พวกเราควรเข้าไป ไหนเลยจะ………..”
ชายอายุไม่มากคนหนึ่งยังไม่ทันได้พูดจบ ก็เห็นแสงสีดำลอยผ่านมา ลำคอของเขาก็ถูกมีดสั้นบาดคอไปแล้ว จากนั้นก็ล้มลงพื้นไม่ลุกขึ้นมาอีก
“ฉันบอกแล้วว่าหลังจากวันนี้ ห้ามเอ่ยคำว่าเจ้าทวีป อีก วันข้างหน้าถ้ามีใครกล้าพูดขึ้นมาอีกล่ะก็ จุดจบก็จะเป็นแบบนี้!”
ฉันท์ชนกพูดเสียงเย็น แล้วมองทุกคน “ทวีปโอชวินในตอนนี้ ฉันเป็นใหญ่ พวกคุณทุกคนรีบตามฉันมา มุ่งหน้าเข้าไปที่เขตต้องห้าม!”
“ครับ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”
วิญญาณทิพย์ทั้ง5คนเอ่ยปากรับคำสั่งขึ้นมาก่อน
ทุกคนด้านล่างเห็นดังนั้น ก็รู้ว่าต้องตอบรับ “ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
ที่ทวีปโอชวิน เมื่อเทียบกับโลกแล้ว มันเล็กกว่ามาก จากพื้นที่แล้ว อย่างมากก็มีพื้นที่ราวๆ ประเทศจีนพื้นที่เดียว
แต่ว่า ที่นี่มีพลังทิพย์เต็มเปี่ยม มีมากกว่าโลก และสถานที่ที่ห่างจากตำหนักไปไม่ไกลนั้น ก็คือจุดสิ้นสุดของทวีปโอชวิน
ทุกคนมาที่นี่ เห็นป้ายหินตรงหน้า บนนั้นเขียนไว้ว่า เขตต้องห้ามของทวีปโอชวิน คนที่เข้าไป ฆ่าไม่เว้น!
ฉันท์ชนกหัวเราะเยาะป้ายที่พ่อตนเองตั้งขึ้นมา ในหัวก็คิด แล้วก็ซัดออกไปจนป้ายหินนี้แหลกละเอียด
“ทุกคน ตามฉันเข้าไป!”
พูดจบ ฉันท์ชนกก็เข้าไปในเขตต้องห้ามคนแรก จากนั้น คนที่เหลือของทวีปโอชวินก็ตามเข้าไป
“พ่อ เมื่อก่อนพ่อไม่ยอมให้ฉันมาที่นี่ ก็เพราะว่ากลัวว่าพลังของฉันจะเพิ่มมากเกินไป แล้วไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ตอนนี้ ฉันเข้ามาได้แล้ว แต่พ่อกลับมาขวางฉันไว้ไม่ได้แล้ว!”
ฉันท์ชนกคิดในใจ
โดยไม่รู้เลยว่า ถ้าจิรกิตติ์ยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ แล้วรู้ว่าลูกสาวที่ตนเองรักมากที่สุด คิดกับตนเองแบบนี้ ก็คงจะกระอักเลือดตายเป็นแน่