พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1389 นีย์จะจากไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1389 นีย์จะจากไป
“ดังนั้น พวกเราก็ได้แต่รอฝั่งนั้นมาถึงพวกเราในวันนั้น แต่ไม่มีวิธีที่พวกเราจะบุกเข้าไปในทวีปโอชวินเ ลย” ธีรพัฒน์พูดเสียงขรึม
รพีพงษ์มองทางเชื่อมขนาดใหญ่ที่เงียบสงบอยู่ตรงหน้า
ทางเชื่อมสูงเทียมเมฆ และรพีพงษ์ก็รู้ว่า ทวีปโอชวินที่เป็นศัตรูกับโลกนี้ อยู่จุดสิ้นสุดของทางเชื่อมนั้นขึ้นไป
“ตอนนี้ผมรับรองได้ว่า พวกเราสามารถเข้าไปถึงทวีปโอชวินได้” รพีพงษ์พูดสีหน้านิ่งๆ
“อะไรนะ คุณ…..มีวิธีจะเปิดทางเชื่อมเข้าไปก่อนได้งั้นหรือ?” ธีรพัฒน์ถามอย่างตกใจ
รพีพงษ์พูดกับทั้งสองคนว่า “ยังจำภูตรหญิงเสื้อแดงที่ผมพูดถึงได้ไหม เธอบอกกับผมไว้ ว่าเธอมีวิธีที่จะทำให้พวกเราไปถึงทวีปโอชวินได้”
“เธอ..พูดแบบนี้จริงๆ งั้นหรือ?” ธีรพัฒน์ถามอย่างตกใจ
ธัชธรรมก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
หลังจากรพีพงษ์แล้ว ธีรพัฒน์ก็พูดออกมาว่า “ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ให้ตายผมก็ไม่เชื่อหรอก แต่ว่า ประโยคนี้คุณบอกว่าภูตรหญิงเสื้อแดงเป็นคนพูด งั้นผมก็ไม่เชื่อไม่ได้แล้วล่ะ”
“นั่นสิ สามารถผนึกพลังของยอดฝีมือระดับแดนเทพขั้นพีคทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว ภูติปีศาจสาวคนนี้ช่างทำให้คนน่าชื่นชมจริงๆ ในเมื่อเธอมีวิธีที่จะพาพวกเราเข้าไปถึงทวีปโอชวิน งั้นก็คงจะมีวิธีของเธอจริงๆ” ธัชธรรมก็พูดออกมาแบบเดียวกัน
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ปีนั้นเรื่องที่แม้แต่จอมมารชูรายังทำไม่ได้ แต่ญาณิดาคนนี้สามารถทำได้ง่ายๆ พลังของภูติปีศาจสาวคนนี้ล้ำลึกไม่ธรรมดาจริงๆ
เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?
รพีพงษ์คิดในใจ ดูเหมือนว่า โลกนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ตนเองยังไม่เข้าใจ
ทวีปโอชวิน เขตต้องห้าม ญาณิดาพวกนี้ล้วนทำให้รพีพงษ์คิดไม่ตกเสียที
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็อย่ารอช้า รีบเข้าไปในทวีปโอชวินเลย!” รพีพงษ์พูดกับทั้งสองคน
ธัชธรรมพยักหน้า “คุณพูดถูก อาศัยจังหวะที่ศัตรูยังได้รับความเสียหาย ก็บุกเข้าไปฆ่าให้มันตั้งตัวไม่ทันเลย”
ธีรพัฒน์กลับพูดเสียงขรึมขึ้นมาว่า “รพีพงษ์ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังคงต้องปรึกษากันอีกหน่อย ตอนที่รบกันก่อนหน้านี้ คุณก็น่าจะเห็นแล้ว ว่าในมือของคนระดับแดนเทพ รวมทั้งพวกของจิรกิตติ์ ล้วนมียาเม็ดระดับเทพเซียนกันคนละเม็ด และสรรพคุณของยาเม็ดระดับเทพเซียน ผมว่าคุณก็น่าจะรู้ดีนะ”
รพีพงษ์พยักหน้า ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสกว่า มีความคิดความอ่านที่ยาวไกลกว่าตนเองมาก
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์พูดถูกต้องเลย ที่รบกันก่อนหน้านี้ พวกเราเห็นแต่พวกระดับแดนดั่งเทพขึ้นไป แต่ยังไม่เห็นนักกลั่นยาของทวีปโอชวินเลยสักคนเดียว แบบนี้ก็แสดงว่า พวกนักกลั่นยาทั้งหลายยังอยู่ที่ทวีปโอชวิน” รพีพงษ์พูดเสริมคำพูดของธีรพัฒน์
“งั้นก็แสดงว่า ในทวีปโอชวินนั้น ยังมียาเม็ดเก็บอยู่อีกมากมายงั้นหรือ?” ธัชธรรมกล่าว ในตอนนี้เขาก็ตอบสนองขึ้นมาได้แล้ว
ธีรพัฒน์พยักหน้าเบาๆ แล้วก็จับเคราของตนเอง “ที่พวกเราเข้าไปในทวีปโอชวินครั้งนี้ ก็ไม่ต้องโจมตี ถ้าโจมตีล่ะก็ ก็จะต้องลงมือฆ่าให้ได้ประสิทธิผล ถอนรากถอนโคนให้หมด!ถ้าพวกมันยังเก็บยาเม็ดระดับเทพเซียนไว้อีกมากล่ะก็ เกรงว่าพวกเราคงจะต้องสู้กันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง”
รพีพงษ์ครุ่นคิดไปสักพัก จริงอยู่ ก่อนหน้านี้ฉันท์ชนกส่งนักฆ่ามา5คน แต่ละคนล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับแดนเทพ
และเหมือนกับที่นีย์บอกไว้ ฉันท์ชนกคิดอะไรแยบยล นักฆ่า5คนครั้งก่อนคงไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้ายของเธอแน่ๆ แบบนี้ก็แสดงว่า ข้างกายเธอยังต้องมียอดฝีมือระดับแดนเทพอยู่อีกแน่นอน
และยอดฝีมือระดับแดนเทพบวกกับยาเม็ดระดับเทพเซียนล่ะก็ พลังแบบนี้มันก็น่ากลัวพอดูเลย
“ก็แค่ยาเม็ดเท่านั้นเอง ผมก็มี”
รพีพงษ์พูดเสียงขรึม
ธีรพัฒน์และธัชธรรมก็มองรพีพงษ์ พวกเขารู้ว่า ครั้งนี้ รพีพงษ์คิดจะใช้พลังของทางสำนักเทพยาเซียน
เพียงแต่ สำนักเทพยาเซียนก็รู้ดีว่า ตอนนี้ ในประเทศจีนนี้ คนที่สามารถกลั่นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมาได้ ก็มีแต่ตนเองคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ในสำนักเทพยาเซียน กลั่นออกมาได้แค่ยาชั้นเลิศ
อีกอย่าง สำนักสยบเซียน ก็ได้รับฟังคำสั่งของรพีพงษ์ ตอนนี้ก็น่าจะถึงสำนักเทพยาเซียนแล้ว ทางฝั่งพวกเขาก็น่าจะมียาชั้นเลิศหลายลัง
ไม่ว่าอย่างไร ยาเม็ดพวกนี้เอามาให้คนของกลุ่มสิงโตกินจะดีที่สุด
รพีพงษ์ตัดสินใจ แล้วก็พูดกับพวกธีรพัฒน์ว่า “ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ท่านธัชธรรม เดี๋ยวผมจะติดต่อทางสำนักเทพยาเซียนทันทีเลย หลังจากนี้สามวัน คาดว่าพวกเขาก็คงจะมาถึงที่นี่ พอถึงตอนนั้น พวกเราค่อยปรึกษากันเรื่องที่จะบุกโจมตีทวีปโอชวินอีกครั้ง!”
“ได้ ตกลงตามนี้!”
ทั้งสามคนลงมาจากยอดเขาคุนหลุน รพีพงษ์ก็กลับเข้าไปกลุ่มสิงโต
ดูเหมือนว่าเวลาที่จะกลับไปเกียวโต คงจะต้องเลื่อนออกไปแล้ว
รพีพงษ์ก็คิดในใจว่า ตนเองมีภาระหน้าที่มากมาย จะทำอย่างไรได้ สถานการณ์มันบังคับ จะต้องเลือกเสียสละ
คนโบราณเคยบอกไว้ว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของผู้กล้า ก็คือทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ รพีพงษ์รู้ว่าตนเองยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่สำหรับคนภายนอกแล้ว เขาก็ได้ทำมันลงไปไม่น้อยแล้ว
ในระหว่างทางกลับไปกลุ่มสิงโต รพีพงษ์ก็นึกขึ้นได้ ตนเองทำอะไรผิดไปอย่างหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ตนเองมักจะคิดเสมอว่า จะกลับเกียวโตเพื่อไปหาอารียาและหนูลิน แต่ไม่เคยคิดในทางกลับกันเลย
คำพูดของภูตรหญิงเสื้อแดงเมื่อคืนนี้ ได้เตือนสติรพีพงษ์
“นั่นสิ เราสามารถให้แคลร์และลูกมารวมตัวกับเราที่กลุ่มสิงโตก็ได้นี่!” รพีพงษ์ยิ้มพูด
ตอนนี้ ตัวร้ายอย่างทวีปโอชวินได้ถูกจัดการแล้ว และจากที่รพีพงษ์คาดการณ์ ต่อให้พวกฉันท์ชนกฝึกวิชาลับ ถ้ายังไม่ถึงเวลาประมาณครึ่งเดือน ก็คงทำอะไรมากไม่ได้
รพีพงษ์ก็คลำกระเป๋ากางเกง มากลุ่มสิงโตครั้งนี้ กลับลืมพกโทรศัพท์มาด้วย
“ไปขอยืมโทรศัพท์จากพวกหงส์แล้วกัน” รพีพงษ์พูดคนเดียว พอเพิ่งเดินก้าวขึ้นหน้าไป ด้านหน้าก็มีคนเดินมาสามคน
“อ้าวนีย์ หายดีแล้วหรือยัง?” รพีพงษ์มองนีย์อย่างตกใจเล็กน้อย
นีย์พยักหน้า “วิชาการแพทย์ของมังกรสูงส่ง ตอนนี้แผลของฉันยังเจ็บอีกเล็กน้อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว”
“ใช่ครับ เจ้านายหลิน หลายวันนี้รบกวนคุณมามากแล้ว” ชาคริตยกมือคำนับพูด
“เจ้านายหลิน ถ้าวันข้างหน้ามีอะไรที่จะให้พวกเราช่วยได้ ก็บอกมาเลยครับ ผมเมฆจะมาช่วยคุณคนแรกเลย!” เมฆกล่าว
รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วเล็กๆ “นี่พวกคุณสามคนจะ…….”
“พวกเรารบกวนคุณมานานพอแล้ว ก็เลยปรึกษากันว่า จะขอตัวกลับก่อน” เมฆกล่าว
รพีพงษ์ก็มองนีย์ที่ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดฝาดแล้ว “พวกคุณจะไปแล้วงั้นหรือ?”
นีย์พยักหน้าเบาๆ “ใช่แล้ว พวกเราควรจะไปได้แล้ว รพีพงษ์ งั้นก็ขอลาเลยแล้วกันนะ”
พูดจบ ทั้งสามคนก็เตรียมจะจากไป
“พวกคุณจะไปที่ไหนกันล่ะ?” รพีพงษ์ถาม
นีย์ค่อนข้างเศร้า จากนั้นก็พูดว่า “ฟ้าดินกว้างใหญ่ นอกจากทวีปโอชวิน พวกเราจะไปที่ไหนก็ได้ เพียงแต่……..”
“แต่อะไร?” รพีพงษ์ถาม แล้วก็เห็นว่าสีหน้าชาคริตและเมฆไม่ค่อยปกติ
“คืออย่างนี้ ครอบครัวของลุงคริตและอาเมฆยังอยู่ที่ทวีปโอชวิน ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” นีย์กล่าว
รพีพงษ์ก็หน้านิ่งขรึมลงไป “ฉันท์ชนกอำมหิต พวกคุณได้หาเรื่องกับเธอไปแล้ว เกรงว่าเธอคงจะไม่ปล่อยครอบครัวของพวกคุณไว้แน่”
ชาคริตและเมฆก็มีสีหน้าโศกเศร้า จุดนี้พวกเขาได้คิดถึงมันมาแล้ว
“เฮ้อ ชีวิตคนก็แบบนี้ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของพวกเราถูกปิดผนึก ก็อยากจะกลับไปทวีปโอชวินเพื่อช่วยครอบครัวตนเองเหมือนกัน แต่ว่า…..ฉันท์ชนกคงจะไม่มารับพวกเรากลับทวีปโอชวินอย่างแน่นอน” ชาคริตถอนหายใจพูดออกมา
รพีพงษ์ก็มองพวกเขาสามคน แล้วก็ครุ่นคิด
ผ่านไปหลายวินาที พลังจิตก็ถูกปล่อยออกมาจากตัวของรพีพงษ์ แล้วก็พุ่งไปฝั่งตรงข้าม