พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1393 ชีวิตที่ปราศจากความเสียใจ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1393 ชีวิตที่ปราศจากความเสียใจ
เวลาผ่านไป ระหว่างรอหงส์ก็ได้ไปที่ศูนย์อาหารเพื่อซื้อขนมปังและของกินอื่นๆมา
แต่ตอนนี้รพีพงษ์นั้นไม่มีความอยากอาหารแต่อย่างใด
“ไม่ได้ละ ฉันคิดว่าฉันต้องไปเกียวโตด้วยตัวเอง” รพีพงษ์ลุกขึ้นและพูด
ตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยมาเป็นช่วงบ่ายแล้ว
หงส์ดึงรพีพงษ์ไว้แล้วพูดว่า “ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว ฉันคิดว่า ด้วยวิธีการของศรีใสและคมกริช น่าจะพอได้เบาะแสอะไรมาบ้างแล้วล่ะ ถ้าตอนนี้คุณจะไปเกียวโตล่ะก็ จากที่นี่ไปเกียวโตเร็วที่สุดจะต้องใช้เวลาหกชั่วโมงอยู่ดี”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นเพราะเทือกเขาคุนหลุนอยู่ไกลจากเกียวโตมากเกินไป ไม่เช่นนั้น ตนคงไปด้วยตัวเองเป็นแน่
“รออีกสักหน่อยก็แล้วกัน ถ้าไม่มีข่าวคราวในอีกหนึ่งชั่วโมงล่ะก็ ฉันยินดีที่จะไปกับคุณที่เกียวโต” หงส์พูด
รพีพงษ์พยักหน้าพร้อมกับนั่งลงอีกครั้ง
หงส์ที่อยู่ด้านข้าง มองไปที่รพีพงษ์ที่ในขณะนี้กำลังกังวลอยู่ ตั้งแต่เธอรู้จักรพีพงษ์มา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นรพีพงษ์กระสับกระส่ายเช่นนี้
“ดูเหมือนว่าจะมีเพียงภรรยาและลูกสาวของเขาเท่านั้นที่จะทำให้เขาเป็นเช่นนี้ได้”
หงส์คิดอยู่ในใจ
เวลานี้ เกียวโต
มีโรงงานร้างในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองเกียวโตในระยะห้าสิบกิโลเมตร
มีคนสองคนถูกควบคุมตัวอยู่ในเพิงของโรงงาน
คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่อีกคนเป็นเด็ก ซึ่งนั่นก็คืออารียา ภรรยาของรพีพงษ์และหนูลิน ลูกสาวของพวกเขา
“แม่คะ ทำไมพวกเรามาอยู่ที่นี่ หนูกลัวจังเลยค่ะ” หนูลินมองพร้อมกับมองไปที่อารียา
อารียาขมวดคิ้ว
เมื่อวาน ตนได้พาหนูลินออกไปดูนิทรรศการภาพวาด แต่ดันมีคนขอนัดพบบอกว่าต้องการทำงานร่วมกัน จำนวนเงินในการร่วมมือครั้งนี้คือหนึ่งพันล้าน!
โครงการใหญ่เช่นนี้ หากวางไว้ในตระกูลอื่น มันคงจะเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก แต่สำหรับตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว อารียาลังเลที่จะเข้าไปถามไถ่โครงการมูลค่าหลายพันล้านตั้งแต่แรก
เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้นั้นดูเหมือนจะเชื่อในตัวของอารียาคนเดียวเท่านั้น บอกว่าหากอารียาไม่มาพบก็จะไม่ไปไหนเป็นอันขาด
อารียาไม่ได้ตั้งใจที่จะสนใจคนพวกนี้ตั้งแต่แรก แต่คนอื่นๆในตระกูลกลับพูดกันไปมาว่าคนพวกนี้รู้ข่าวของรพีพงษ์
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารียาเลยคิดว่าคนพวกนี้อาจจะเป็นเพื่อนกับรพีพงษ์ก็เป็นได้ ดังนั้นอารียาที่กระตือรือร้นอยากรู้ข่าวคราวของรพีพงษ์จึงไม่ได้คิดอะไรมาก หล่อนจึงพาหนูลินไปที่โรงน้ำชาเพื่อพบคนเหล่านี้ด้วย
ไม่เคยคิดเลยว่า พอมาถึงโรงน้ำชาไม่ทันไร อารียาและหนูลินก็รู้สึกเวียนหัวซะเหลือเกิน เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้ถูกมัดและนำมาไว้ที่นี่เสียแล้ว
“หนูลินไม่ต้องกลัวนะ แม่อยู่กับหนูนะคะ” อารียากล่าวปลอบใจ
ขณะเดียวกัน เธอมองไปบริเวณรอบๆ ที่นี่ดูห่างไกลจากผู้คน โทรศัพท์ของตนก็ดูเหมือนจะโดนคนอื่นเอาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้โทรศัพท์จะอยู่กับตัวเธอเอง แต่เธอก็งไม่สามารถโทรไปหาใครได้ เนื่องจากเธอถูกมัดมือมัดเท้าเช่นนี้
“ใครกัน รีบออกมาได้แล้ว!”
อารียาตะโกนเสียงดัง “กล้าทำแต่ไม่กล้ารับแบบนี้ พวกแกมันก็แค่เต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองใช่ไหมล่ะ?”
ขณะที่สาปแช่ง เธอก็สังเกตเห็นเมืองโตเกียวที่อยู่ด้านนอก
ไม่นานนัก ก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมาที่ประตู
หลังจากนั้น ประตูโรงงานก็เปิดออก ผู้ชายเป็นสิบต่างเดินเข้ามา
อารียาจ้องมองไปที่พวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือคนที่พาเธอและหนูลินมาที่นี่!
“พวกแกเป็นใคร ทำไมต้องทำขนาดนี้!” อารียาถามเสียงดัง
คนสิบกว่าคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันเป็นตอนที่ทวีปโอชวินกับรพีพงษ์ต่อสู้กันเมื่อสองวันก่อน รพีพงษ์ใช้เข็มทิ่มกระดูกในการล็อกกระดูกสันหลังพวกเขา เป็นคนสิบกว่าคนจากทวีปโอชวินที่หมดหวังในการใช้ชีวิตไปแล้ว
ตั้งแต่พวกเขาออกจากเทือกเขาคุนหลุน พวกเขาเกลียดรพีพงษ์จับใจ
ตามที่คาดไว้ คนที่มีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ นั่นไม่มีทางที่จะจัดการอะไรได้ คนเหล่านี้นั้นเกลียดรพีพงษ์เข้ากระดูกดำ
ดังนั้น พวกเขาจึงหารือกันบนถนนเพื่อหาวิธีการแก้แค้นรพีพงษ์
แต่ตอนนี้ อย่าพูดถึงรพีพงษ์เลย ต่อให้เป็นคนที่มีวิชาเชี่ยวชาญในด้านของการฝึกพลัง ก็สามารถถูกเขาตัดหัวทิ้งได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
ดังนั้น พวกเขาจึงพุ่งเป้าไปที่ครอบครัวของรพีพงษ์แทน
อย่างที่รู้กัน ในดินแดนจีน รพีพงษ์นั้นเปรียบเสมือนกับตัวละฮีโร่ในดินแดน คนพวกนี้แค่สอบถามดู ก็พอรู้ได้ว่ารพีพงษ์นั้นมีภรรยาและลูกสาวอยู่หนึ่งคน
ผลที่ได้คือ เกิดความคิดที่ผิดบาปขึ้นในใจของพวกเขา
“อารียา ตื่นแล้วนี่”
ชายคนหนึ่งพูดกับอารียา “ฉันไม่ได้คาดคิดว่ายาตัวนี้จะมีฤทธิ์แรง จนทำให้เธอทั้งสองหมดสติเป็นเวลานานขนาดนี้”
“พวกแกเป็นใครกันแน่!”
อารียามองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา หากเป็นชุมชนธุรกิจของจีนล่ะก็ ต่อให้จะมีหน้าตายังไง เธอก็ยังพอจะรู้จัก
แต่เมื่อคนเหล่านี้ออกมาเผชิญหน้า อารียานั้นกลับไม่รู้จักไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“พวกเราเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือตัวตนของเธอต่างหาก” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมกับยิ้มเยาะ
“ตัวตนของฉัน?”
“ใช่แล้ว เป็นภรรยาของไอ้รพีพงษ์คนเลวนั่น เธอเองก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้” อีกฝ่ายพูด
“แม่คะ พวกเขากำลังพูดถึงพ่ออยู่เหรอคะ?” หนูลินพูดพร้อมกับมองไปที่อารียาอย่างไร้เดียงสา
อารียาขยับร่างกายไปทางหนูลิน จากนั้นมองไปทางกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าของเธอและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าพวกแกจะไม่มีปัญญาจัดการรพีพงษ์สินะ ถึงได้มาลงกับพวกเราแทน ใช่ไหมล่ะ”
คนเหล่านี้ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะสิ่งที่อารียาพูดนั้น มันคือความจริง
“ฮึ่ม ความสมชายในพวกแกนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ ขนาดเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจขนาดนี้ก็ยังจะอยากทำ คนมีแต่คนต่ำต้อยแบบพวกแกเท่านั้นแหละถึงได้ทำสิ่งที่น่าละอายขนาดนี้ได้น่ะ!” อารียาด่ากราด
คนเหล่านี้ทำได้แต่ทนกัดฟัน ที่ต้องมาถูกหญิงคนนี้ต่อว่าเช่นนี้ แต่สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามพูดก็ดันเป็นความจริงซะนี่ ซึ่งนั่นทำให้จิตใจของคนเหล่านี้เกิดไฟลุกโชติช่วงมากขึ้นไปอีก
“ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ก่อน เหตุผลที่เรารอให้เธอตื่นขึ้นมาแล้วค่อยฆ่าเธอ ก็เพราะว่าเราอยากจะบอกเธอถึงความโหดร้ายของรพีพงษ์ที่มันทำกับเรา วันนี้พวกเราจะฆ่าภรรยาและลูกสาวของมัน จะมีอะไรยุติธรรมไปกว่านี้อีกล่ะ!”
ชายคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างไมาพอใจนัก
“แม่คะ คุณปู่คนนี้ดุจังเลย” หนูลินมองอีกฝ่ายด้วยความกลัว
“หนูลินไม่ต้องกลัวนะลูก ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะดูดุร้าย แต่พวกเขานี่แหละที่พ่ายแพ้ต่อพ่อของลูก พวกเขาสู้พ่อไม่ได้ เลยมาหาพวกเราแทนยังไงล่ะจ๊ะ” อารียาพูด
หนูลินพยักหน้า “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง พวกคุณเป็นคนเลว เดี๋ยวหนูจะบอกให้พ่อมาจัดการพวกคุณ!”
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย คิดมากไปแล้ว พ่อของหนูตอนนี้อยู่ห่างจากนี้ไปเป็นพันไมล์เลยนะ ต่อให้มีปีกก็มาเร็วขนาดนั้นไม่ได้หรอก!”
ชายคนหนึ่งหัวเราะขณะที่พูด
“แม่คะ แม่ว่าพ่อจะมาช่วยพวกเราไหมคะ?” หนูลินถาม
อารียาขมวดคิ้วของเธอ ในเวลานี้ เธอพยายามติดต่อรพีพงษ์มาโดยตลอด แต่รพีพงษ์ไม่เพียงแต่ลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย แม้แต่ข่าวคราวก็ไม่มี
พูดตามความเป็นจริง แม้แต่อารียาเองก็ไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะมาได้ทันเวลา หรือแม้แต่รู้ว่าตอนนี้ตนกับหนูลินกำลังตกอยู่ในอันตรายอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอมองเห็นแววตาที่ดูไร้เดียงสาและเต็มไปด้วยความคาดหวังของหนูลินนั้น อารียาก็ยังคงพูดไปว่า “หนูลินวางใจได้เลยค่ะ คุณพ่อต้องมาแน่ๆ!”
“ฮึ่ม เธอนี่มันคิดลมๆแล้งๆ คุณอารียา วันนี้ฉันจะให้เธอชดใช้ เลือดต้องล้างเลือดด้วยเลือด!”
ด้วยเหตุนี้ ชายคนหนึ่งจึงดึงกริชที่เขาเพิ่งซื้อมาและเดินตรงไปยังอารียา
“หนูลินเชื่อฟังนะลูก หลับตาลงซะ!”
อารียาตะโกน
หนูลินที่อยู่ด้านข้างหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง
“แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ พวกนายก็จะไม่ปล่อยไปงั้นเหรอ?” อารียาพูดกับพวกเขา
“คุณอารียา ได้โปรดยกโทษให้ด้วยที่เราไร้เหตุผล หากจะกล่าวโทษ ก็ต้องโทษที่เธอแต่งงานกับรพีพงษ์ก็แล้วกัน”
ขณะที่พูด อีกฝ่ายก็ค่อยๆเดินก้าวเข้ามาใกล้
อารียามองไปที่อีกฝ่าย มุมปากของเธอแสดงการเยาะเย้ย “ฮึ่ม สิ่งที่ฉันไม่เคยทำแล้วเสียใจเลยก็คือ การที่ได้แต่งงานกับรพีพงษ์ รพีพงษ์นั้นสมกับความเป็นชายที่แท้จริง ฉันเชื่อว่าการที่รพีพงษ์ลงโทษพวกแก นั่นก็เป็นเพราะพวกแกหาเรื่องใส่ตัวต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสามีของฉันเลย ไม่ว่าจะเวลาไหน ฉันจะคอยสนับสนุนรพีพงษ์โดยไร้เงื่อนไขใดๆ เพราะฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมด ก็เพื่อพวกเรา เพื่อโลกใบนี้!”
“เธอพูดพอหรือยัง!”
ฝ่ายตรงข้ามเหวี่ยงมีด
“ถ้าอยากจะฆ่า ก็ฆ่าฉันก่อนเลย!” อารียาไม่ย่อท้อ เธอพยายามอย่างมากเพื่อที่จะยืนอยู่ด้านหน้าของหนูลิน เพื่อที่จะไม่ให้ลูกต้องมาเห็นฉากที่สยดสยองเช่นนี้