พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1406 เตรียมตัวก่อนทำสงคราม
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1406 เตรียมตัวก่อนทำสงคราม
“นีย์ จิลลานิสัยของนางก็เป็นแบบนี้ แต่ว่า ท่านก็ควรรู้นะว่าทำไมคืนนี้นางถึงเป็นแบบนี้” รพีพงษ์กล่าว
นีย์พยักหน้า:“ข้าน้อยพอจะเข้าใจ”
“จิลลา เมื่อก่อนทวีปโอชวินของพวกข้านั้นมีปัญหา ในตอนนี้เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ วันหลังเมื่อทวีปโอชวินตอนนั้นค่อยออกแรงหน่อย”
“จริงเหรอ ถึงตอนนั้นข้าน้อยก็สามารถไปทวีปโอชวินได้จริงเหรอ? ” จิลลาถามด้วยความสงสัย
“ได้แน่นอนสิ ”รพีพงษ์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม
จิลลามองไปที่รพีพงษ์ บึนปากแล้วพูดว่า:“ช่างมันเถอะ พี่รพีตั้งใจที่แกล้งข้า ฝีมือการฝึกฝนของข้าน้อยยังไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าจะรับมือได้แต่มันก็อาจจะเป็นภาระได้ ไม่ต้องห่วง ข้าน้อยยังไงก็มีความรู้ตัวเองอยู่บ้าง”
รพีพงษ์มองไปที่จิลลาแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม :“เจ้าคิดว่า ข้าเป็นคนที่ชอบพูดโกหกงั้นเหรอ?”
“อือ?”จิลลามองไปที่รพีพงษ์
รพีพงษ์พูดด้วยอารมณ์ที่นิ่งสงบ:“เจ้าพูดถูก ทวีปโอชวิน ถึงตอนนั้นจะเป็นช่วงอันตรายที่สุด แต่ถ้าหากยังฝึกฝนไม่เพียงพอ ข้ากลัวว่าการไปของเจ้าจะสูญเปล่า แต่ข้าสัญญาว่าจะพาเจ้าไปทวีปโอชวิน เพื่อไปดูให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ?”จิลลาถาม
รพีพงษ์จ้องมองไปที่นีย์ และพูดด้วยสายตาที่หวานเล่น :“เดี๋ยวถึงเวลาเดียวเจ้าก็รู้เอง”
จิลลาก็ไม่ได้ถามอะไร นางรู้ เพียงแค่รพีพงษ์ไม่พูด ใครก็ไม่สามารถไปบังคับเขาได้ แต่ว่า สำหรับการไปดูทวีปโอชวิน จิลลานั้นมีความสนใจมากจริงๆ
“ไปเถอะ พวกข้าสามคนลงเขาไปพร้อมกัน”
รพีพงษ์เดินอยู่ระหว่างกลางของสองสาว ยิ้มไปพูดไป
“พี่รพี เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมคืนนี้เจ้าถึงไปอยู่บนยอดเขา”
ขณะที่กำลังเดิน จิลลาถามขึ้นมา อันที่จริงนีย์ก็ยังสงสัย
รพีพงษ์ล้อเลียน:“ดึกดื่นป่านนั้น ข้าขึ้นบนยอดเขา ก็เป็นเพราะว่านัดเจอสาวไว้ไงล่ะ!”
“เจ้ากล้า ระวังนะเดี๋ยวข้าน้อยจะฟ้องพี่สะใภ้!”
“ข้าพูดความจริง ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เจ้าเชื่อล่ะ”รพีพงษ์พูดพร้อมกับความติดตลก
แต่ว่า เมื่อนึกถึงเวลาอีกสี่วันข้างใน เป็นวันที่ตอบโต้ทวีปโอชวิน อารมณ์ของเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา
เรื่องทั้งหมดก็จบลงแล้ว พอถึงเวลานั้นแล้ว ตัวเองก็พาเจ้าอารียาฝึกตน และไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องพวกนี้อีก ซึ่งมันเป็นการใช้ชีวิตอย่างเหล่าเทวดา
สองวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และในสองวันนี้ กลุ่มสิงโตดูเหมือนจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากการฝึกฝนตนทุกวัน ซึ่งดูเหมือนกับว่าไม่สนใจเรื่องอย่างอื่นเล
แม้กระทั่งโดยปกติแล้วธมกรที่ชอบเดินเร่ร่อนไปทั่วมาโดยตลอด แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาก็ยังพาสหายของเขาไปซ่อนตัวในเทือกเขาเพื่อฝึกฝน
แม้ว่าเวลาสี่วัน เป็นการยากที่จะบรรลุความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการฝึกฝนปฏิบัติทางจิตวิญญาณ แต่ว่าคนเหล่านี้รู้ดีแก่ใจว่า โอกาสเหล่านี้มีแค่ครั้งเดียว และพวกข้าต้องคว้ามันเอาไว้
ในขณะนี้ ชาคริตและเมฆอยู่ที่ห้องของนีย์ สำหรับพวกเขาทั้งคู่แล้ว ยิ่งช่วงเวลาใกล้เข้ามาถึงวินาทีสุดท้าย ในใจก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้น
พวกเขากังวลไม่ใช่เรื่องอะไร แต่เป็นเรื่องที่คนครอบครัวของเขายังอยู่ที่ทวีปโอชวิน จะเป็นหรือตายซึ่งยังไม่แน่ชัด
“อาเมฆ ลุงชาคริต เชิญนั่งลงก่อน”
นีย์พูดกับเขาทั้งสองที่กำลังเดินไปมา นางสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาทั้งสองท่าน
“องค์หญิงน้อย กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจที่จะมากวนเจ้า แต่ที่สำคัญคือ….” ชาคริตขมวนคิ้ว ดูแล้วเป็นกังวนมาก
“ลุงเมฆ ข้าน้อยรู้ว่าท่านกังวลเรื่องอะไร แต่ถึงยังไงจะก็ไม่โทษพวกท่านสองคนหรอก”
“นีย์มองทั้งสองแล้วพูดว่า “ข้าน้อยสัญญากับพวกท่านว่า ในวันที่โจมตีทวีปโอชวิน หากวันนั้นสมาชิกในครอบครัวของเจ้ายังไม่เป็นอะไร มันก็คงจะดีอย่างมาก แต่ถ้าหาก…… ถ้าหากฉันท์ชนกปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างโหดร้ายละก็ ข้าน้อยจะให้ฉันท์ชนกเลือดต้องล้างแค้นด้วยเลือด! ”
“องค์หญิงน้อย!”
ชาคริตและเมฆทั้งสองมองไปที่นีย์อย่างซาบซึ้ง แม้ว่าพวกเจ้าจะตั้งใจที่จะออกจากทวีปโฮชวิน แต่ว่าฉันท์ชนกก็เป็นญาติของนีย์ ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของนีย์ในการพูดนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความจริงใจต่อตัวเอง
“ทวีโอชวิน พวกข้าวางแผนว่าจะไม่กลับไปแล้ว และนีย์ก็อาจจะไม่ให้พวกข้ากลับไปอีก และครั้งนี้ เป็นเพราะการจัดการของรพีพงษ์ พวกข้าถึงมีโอกาสได้”
นีย์ลุกยืนขึ้นด้วยแววตาที่รุนแรง
“ฉันท์ชนก เจ้าจะฆ่าพวกข้าไม่ใช่หรือ ถึงวันนั้นข้าจะคอยดูว่า เจ้านั้นจะฆ่าพวกข้าอย่างไร!”นีย์ยืนอยู่ข้างหน้าต่างและพูดอย่างเย็นชา
ชาคริตและเมฆยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาของพวกเขาเย็นชาไม่แพ้กัน
“องค์หญิงน้อยพูดถูก ”เมฆตบไหล่ชาคริตแล้วพูดว่า:เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อเจ้าและข้าไปถึงทวีปโอชวิน ทุกอย่างสามารถเปิดเผยให้เจ้าเห็นได้ พวกเขาปฏิบัติต่อพวกข้าอย่างไร เจ้าจะตอบแทนพวกเจ้าแน่นอน!
ชาคริตและเมฆยิ้ม สองคนนี้ มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดตอนอยู่ในทวีปโฮชวิน และพวกเขายังเป็นคนที่มีความชอบธรรมและเป็นธรรมอย่างแท้จริงในทวีปโอชวิน!
ตอนนี้ ทั้งสองสามารถต่อสู้ด้วยกันได้อีกครั้ง และที่จะต่อต้านคือทวีปโอชวิน ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกเลือดพลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น
ในเทือกเขา รพีพงษ์ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงร่างของหุ่นเชิดทั้งสองตัว
พลังทิพย์ที่เต็มเปี่ยมติดอยู่ในพลังจิตวิญญาณ รพีพงษ์ห่อไว้บนร่างของหุ่นเชิดสองตัวพร้อมกันอย่างไร้ยางอาย
ภายใต้การบำรุงของพลังทิพย์เล็กน้อย ร่างกายของคนสองคนนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลง!
ผิวของแม่นางทอผ้านั้นขาวผ่องเป็นพิเศษ และแก้มของนางก็ปรากฏรอยแดงเป็นเส้นๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า พลังปราณและเลือดได้เติมเต็มร่างกายของนาง และตอนนี้นางก็ไม่ต่างจากคนปกติ
ทางด้านของชยนต์ ไหล่กว้างและผิวคล้ำ ควบคู่ไปกับกล้ามเนื้ออันทรงพลังและรุนแรงของเขา ดูเป็นชายอย่างมาก!
ทั้งสองค่อยๆลืมตาขึ้น มองหน้าซึ่งกันและกัน พร้อมกับรอยยิ้มที่อยู่บนหน้า
“ขอบคุณนายท่านอย่างมาก แม่นางทอผ้าต้องขอแสดงความสุภาพและอ่อนโยนด้วยนะคะ”แม่นางทอผ้าเดินมาตรงหน้ารพีพงษ์ และพูดกับรพีพงษ์อย่างสุภาพ
ในขณะเดียวกันรพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้น แต่เพียงแค่แป๊บเดียว เขาก็หันหัวกลับไปในทันที
“เร็วเข้า เจ้าใส่เสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาคุยกับข้า !”
ปรากฎว่า ขณะที่ปรับสร้างร่างใหม่ในครั้งสุดท้าย เพื่อให้พลังทิพย์ห่อหุ้มให้ละเอียดยิ่งขึ้น เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวของทั้งสองคนก็ได้หายไปแล้ว
แม่นางทอผ้ายิ้มเล็กยิ้มน้อย ต้องบอกว่ารูปร่างของนางยังคงสมบูรณ์แบบมาก แม้ว่านางแบบในปัจจุบันเหล่านั้นมาเทียบกับนางแล้ว แต่ข้าเกรงว่าพวกนางจะเสียเปรียบ
“ขอบคุณนายท่านอย่างมาก! ”
ชยนต์พูดด้วยเสียงแหบหยาบ
ทางนี้ แม่นางทอผ้า ได้สวมเสื้อผ้าของนางเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์หันหลังกลับมองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้พวกเขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจของเศษวิญญาณเลย
“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าสองคนไม่ได้อยู่ในสถานะขวัญอีกต่อไป แต่จะเหมือนข้านั้น เป็นคนจริง!” รพีพงษ์กล่าว
“ขอบคุณนายท่านอย่างมากสำหรับการสร้างพวกข้าใหม่อีกครั้ง!”
ชยนต์และแม่นางทอผ้าพูดพร้อมกับทำท่าทางคารวะ ทัศนคติของนางยังคงให้ความเคารพเหมือนเมื่อก่อน
พวกเขาสัมผัสร่างกายของตัวเองเป็นครั้งเป็นคราว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้รวดเร็วเกินไป และน่าอัศจรรย์มาก ตอนนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักถึงประโยชน์ของการฟื้นร่างกายกลับมาอย่างแท้จริง และความเป็นจริงที่หายห่างเหินไปนานก็กลับมาอีกครั้ง!
“ตอนนี้พวกเจ้าสองคนไม่ใช่หุ่นเชิดอีกต่อไป จากนี้ไป พวกข้าก็จะเรียกชื่อแทนกัน” รพีพงษ์กล่าว
“ ถ้าอย่างนั้นไม่ได้ ”
แม่นางทอผ้ารีบโบกมือแล้วพูดว่า:“พวกข้าคุยกันแล้ว ว่าจะเป็นหุ่นเชิดของท่านไปตลอดชีวิต นายท่าน ท่านอย่าทอดทิ้งพวกข้าเลยนะ”
ชยนต์กล่าวเหมือนกัน
รพีพงษ์มองไปที่ทั้งสองคน และโบกมือทั้งข้างออก จากนั้นก็ยกพวกเขาทั้สองขึ้น และยังคงยืนอยู่กับที่
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ได้ แต่การบอกว่าพวกเจ้าเป็นนั้นหุ่นเชิด ซึ่งชื่อนี้มันดูหยาบคายเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้นเอางี้ ต่อไปข้าจะเรียกพวกเจ้าว่าชีวิต และเจ้าทั้งสองก็เหมือนกับคนอื่นๆ เรียกข้าว่า ประมุกรพี พวกเจ้าว่าอย่างไร?” รพีพงษ์งถาม
“ได้เลย ตราบใดที่นายท่านไม่ไล่ให้พวกข้าไป ให้พวกข้าทำอะไรก็ได้หมด” ชยนต์กล่าว
“ไอ้โง่ ยังเรียกนายท่านอีก เรียกประมุกรพี !”แม่นางทอผ้ายิ้มไปพูดไป
ชยนต์เกาหัวแล้วเล็กน้อย จากที่เคยเรียกอาจารย์จะเปลี่ยนมาเรียกประมุกในเวลาสั้นๆแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกไม่ชินเล็กน้อย
“เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนคุ้นเคยกับร่างกายใหม่ที่กลับมาอีกครั้งในเทือกเขานี้ละกัน จำไว้ อีกสองวันต่อมา เป็นวันที่พวกข้าจะโจมตีทวีปโอชวิน ฉะนั้นในสองวันนี้ อย่างดีที่สุดคือพวกเจ้าอย่าทำพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เกินไปล่ะ เพื่อไม่ให้พลังทิพย์รั่วไหลอกไป” รพีพงษ์พูดกับทั้งสองคนอย่างมีความหมาย
“รับทราบ ประมุกรพี พวกข้าจะไม่ทำอะไรพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่เกินไปอย่างแน่นอน”
แม่นางทอผ้ายิ้มแล้วรีบพูด