พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1418 ท่าเมฆทิพย์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1418 ท่าเมฆทิพย์
“ฉันท์ชนก ผมช่วยคุณฆ่าเอง!”
รพีพงษ์พูดออกไปเพียงประโยคเดียว ก็หันหลังเข้าไปสู่ท่ามกลางการต่อสู้
ทางฝั่งนี้ นีย์มีน้ำตาเอ่อล้นไหลลงจากเบ้าตาแล้ว
ตัวเองไม่ได้พูดอะไร แต่รพีพงษ์กลับว่าเดาในสิ่งที่ตัวเองคิดในใจได้หมดแล้ว
หรือว่า บนโลกใบนี้ คนที่เข้าใจฉันมากที่สุด ก็คือเขางั้นเหรอ?
ทางฝั่งนี้ ธีรพัฒน์และฉันท์ชนกต่อสู้กันแล้ว
“ท่านอาจารย์ ผมมาช่วยคุณ!”
ธัชธรรมก็เข้าสู่การสู้รบเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือรีบฆ่าฉันท์ชนกทิ้งโดยเร็วที่สุด และไม่จำเป็นต้องมาพูดหลักศีลธรรมอะไร หนึ่งต่อหนึ่งแล้ว
“เหอะ ถึงแม้พวกแกจะเข้ามาสองคนพร้อมกัน ฉันก็ไม่กลัว!”
ฉันท์ชนกที่ฝึกตนคัมภีร์ทิพย์จบ รู้สึกเพียงว่าภายในร่างกายมีพลังจิตวิญญาณที่ไม่มีวันใช้หมดอยู่ และทุกๆพลังจิตวิญญาณก็สามารถนำมาใช้ได้ตามที่ใจของตัวเองต้องการเลย
ภายใต้การปะทะของพลังจิตวิญญาณ ทำเอาพื้นดินนอกคุกน้ำใต้ดินเป็นหลุมใหญ่มากมายแล้ว
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ ท่านธัชธรรม”
ในเวลานี้ หลังจากที่รพีพงษ์จัดการกับนีย์เรียบร้อยแล้ว ก็บุกขึ้นมาแล้ว
เขาถือกระบี่สยบเซียนไว้ในมือ นำมาซึ่งเจตนาการต่อสู้ที่ยิ่งผยอง
กระบี่สยบเซียนที่เคยต่อสู้กับจอมมารชูร่า วันนี้ก็มาถืออยู่ในมือของรพีพงษ์แล้ว
เพียงแค่ สิ่งที่รพีพงษ์ต้องทำในวันนี้มันบ้าคลั่งมากกว่าที่จอมมารชูร่าต้องทำให้เมื่อก่อนอีก นั่นก็คือ จัดการทั้งทวีปโอชวินให้ราบคาบ นำพวกคนเหล่านี้ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุดของทวีปการฝึกตนชาวจีน ฆ่าทิ้งทั้งหมด!
และอยากจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกก็คือต่อสู้ชนะฉันท์ชนก!
เห็นสองชราและหนึ่งหนุ่มที่อยู่ข้างหน้า มุมปากของฉันท์ชนกก็นำมาซึ่งรอยยิ้มที่ดูถูกดูแคลน : “ได้สิ มาพร้อมกันเลยทีเดียว จะได้จัดการพวกแกทีเดียวเลยพอดี !”
คนของกลุ่มสิงโตและทวีปโอชวินยืนแยกกันสองข้าง
การสู้รบในตอนนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่พวกเขาจะเข้าร่วมได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นชายชุดคลุมดำที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งสี่คนก็เข้าร่วมสนามการสู้รบนี้ไม่ได้แล้ว
คนทั้งสองฝั่งต่างก็รู้ดี ตอนนี้ถึงช่วงเวลาของศึกชี้ขาดแล้ว
ฉันท์ชนกด้วยการต่อสู้หนึ่งคนต่อศัตรูสามคน ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายรพีพงษ์หรือว่าทางฝ่ายของฉันท์ชนก ขอเพียงแค่ฝั่งไหนชนะ งั้นชัยชนะครั้งสุดท้ายก็ถือเป็นของฝ่ายนั้น!
โชคดีที่พื้นที่นอกคุกน้ำใต้ดีกว้างขวางอย่างมาก ไม่เช่นนั้น การต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแดนเทพทั้งสี่คน ด้วยเหตุนี้พลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย แต่คนที่อยู่ใกล้สนามต่อสู้ทุกคน ขอเพียงแค่ผลฝึกตนไม่เพียงพอ เกรงว่าก็ยากที่จะหลบหลีกการถูกสังหาร!
“ฉันท์ชนก วันนี้จะเป็นวันตายของแก!”
รพีพงษ์มองไปยังเธออย่างเยือกเย็นพร้อมพูดกล่าว
นัยน์ตาของฉันท์ชนกนำมาซึ่งเจตนาฆ่า : “คิดไม่ถึงจริงๆ โลกที่ถูกแย่งชิงต้นพลังทิพย์มามากมายเช่นนี้ จู่ๆจะมีคนที่เป็นแดนเทพถึง 3คน พวกแกนี่ก็สุดยอดมากเลยนะ!”
รพีพงษ์พูดเหอะอย่างเยือกเย็น กระบี่สยบเซียนในมือผกผัน : “แกกลัวแล้วสินะ?ในเมื่อกลัวแล้วก็ยอมถูกจับโดยดี!ในใจของแกตอนนี้เสียใจภายหลังแล้วใช่ไหม ถ้าหากจิรกิตติ์พวกเขาสามคนยังอยู่ล่ะก็ บางทีสถานการณ์ก็อาจจะไม่เป็นเช่นนี้!”
“เสียใจภายหลังแล้ว?ฮ่าๆ……”
ฉันท์ชนกหัวเราะด้วยน้ำเสียงแหลมคมพร้อมพูดว่า : “ฉันฉันท์ชนกทำอะไรไม่เคยเสียใจภายหลัง จิรกิตติ์เฒ่าชราแก่หง่อมสับสนมึนงง ลุงทั้งสองคนก็เหลืออดเหลือทนไม่มีประโยชน์ ตำแหน่งของเจ้าทวีปมันก็เป็นของฉันอยู่แล้ว !ฉันก็คือราชินีของทวีปโอชวิน! ”
“ได้ วันนี้เราจะให้ราชินีอย่างแกตายที่ทวีปโอชวิน!”
รพีพงษ์พูดกล่าว พร้อมธีรพัฒน์และธัชธรรม ปล่อยกระบวนท่าของตัวเองออกมา
ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังจิตวิญญาณที่มหาศาลตกลงมาจากบนฟ้าเส้นแล้วเส้นเหล่า
และในเวลาเดียวกัน พลังจิตวิญญาณที่มหาศาลดุจดั่งมวลหมอกในท้องทะเลกว้างพุ่งโจมตีไปยังคู่ต่อสู้
มังกรทองเก้าตัวบินวนท่ามกลางอากาศ มังกรตัวใหญ่ตัวหนึ่งยิงลูกไฟโจมตีคู่ต่อสู้โดยตรง!
สายตาของฉันท์ชนกเคร่งขรึม ผู้คนเหล่านั้นของทวีปโอชวินก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
การโจมตีอย่างนี้ ฉันท์ชนกไม่สามารถหลบหลีกได้ เธอยังจะสามารถเอาชีวิตรอดจากความตายนี้ได้?
ฉันท์ชนกกำหมัดแน่น นัยน์ตาโกรธเคืองเหลือทน : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะให้พวกแกตายกันให้หมด!”
พูดแล้ว มือทั้งสองข้างของเธออ้าออกแล้ว ร่างกายลอยอยู่ท่ามกลางอากาศเลย
และทางฝั่งนี้ การโจมตีของรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนมาอยู่ตรงหน้าของฉันท์ชนก แต่ว่า ฉันท์ชนกก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย
รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น เขารู้ ฉันท์ชนกก็มีความสามารถเหมือนกับตัวเอง สร้างเกราะกำบังส่วนไหนของร่างกายตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่า นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้แข็งแกร่งแดนเทพ 3 คน และในนั้นก็ประกอบด้วยพลังวิเศษเสนอันล้ำลึก การโจมตีเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นเกราะกำบังของฉันท์ชนก เกรงว่าก็ไม่อาจจะต้านทานไว้ได้!
ผู้คนกลุ่มสิงโตก็คิดแบบนี้ แม้แต่คนของทวีปโอชวิน เมื่อเห็นการโจมตีฟ้าผ่าแบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็คิดแบบนี้กันทั้งนั้น
ฟ้าผ่า ลูกไฟ แล้วก็ที่การโจมตีของพลังจิตวิญญาณที่มหาศาลดุจดั่งมวลหมอกในท้องทะเลกว้าง พุ่งเสียงดังฟิ้วโจมตีไปยังฉันท์ชนกโดยตรงเลย
ทันใดนั้น รพีพงษ์พวกเขาเห็น เบื้องหลังของฉันท์ชนก กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ก๊าซที่กำลังควบแน่นอย่างรวดเร็วเหมือนทะเลหมอกยังไงอย่างนั้น
“นี่คือ……”
ธัชธรรมตกใจอย่างมาก ธีรพัฒน์ก็ขมวดคิ้วแน่น!
“พลังทิพย์ นี่เป็นพลังทิพย์ของทวีปโอชวิน!”
รพีพงษ์พูดเสียงดัง
พลังทิพย์เยอะมากเช่นนี้ แม้แต่ตอนที่รพีพงษ์อยู่ในป่าหมอกก็ไม่เคยเจอเยอะขนาดนี้มาก่อน
“พวกแกสามคน ไปตายซะเถอะ!”
ฉันท์ชนกคำรามเสียงดัง พลังจิตวิญญาณเปล่งออกมารอบร่างกาย เข้าผสมผสานกับพลังทิพย์ที่อยู่เบื้องหลังมากมายนั่น
“นี่คือ ท่าเมฆทิพย์!”
นีย์ที่มองการต่อสู้อยู่ข้างๆพูดกล่าวอย่างตกใจว่า : “คิดไม่ถึง เธอ……คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีท่วงท่าอย่างนี้!”
ผู้คนทวีปโอชวินก็มีบางส่วนที่จำท่วงท่าแบบนี้ได้
“นี่เป็นท่าเมฆทิพย์ตามตำนานที่เล่าขานไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ไง ตอนนั้นแม้ว่าเป็นเจ้าทวีปคนเก่าก็ไม่สามารถที่ฝึกฝนได้สำเร็จเลย คิดไม่ถึงว่าเจ้าทวีปเธอจะทำได้สำเร็จ?”
……
มุมปากของฉันท์ชนกยกขึ้นเล็กน้อย
ท่าเมฆทิพย์ยังคงเป็นวิชาลับที่สูงที่สุดของทวีปโอชวิน หลังจากที่ทวีปโอชวินปล้นต้นพลังทิพย์มาจากโลกได้แล้ว นอกจากใช้ต้นพลังทิพย์ในวิชาลับของการก่อร่างขึ้นใหม่แล้ว พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อใช้ประโชยน์จากพลังทิพย์ที่น่าทึ่งนี้
ท่าเมฆทิพย์ก็เป็นการรวมผสานระหว่างพลังจิตวิญญาณของตัวเองและพลังทิพย์ เพื่อสร้างพลังที่แข็งแกร่งขึ้น พละกำลังอย่างนี้อยู่เหนือผลการฝึกตน
เพียงแค่ นี่สำหรับพลังจิตวิญญาณของตัวเองแล้วมีเงื่อนไขสูงมาก ตอนแรก แม้ว่าจะเป็นจิรกิตติ์ที่เป็นแดนเทพขั้นพีคก็ยังทำไม่ได้เลย
ถึงอย่างไร พลังทิพย์ของทวีปโอชวินก็เจริญงอกงามอย่างมาก อยากจะให้พลังจิตวิญญาณของตัวเองผสมผสานเข้ากับพลังทิพย์ที่มากมายเช่นนี้ ก่อนอื่นตัวเองจะต้องมีพลังจิตวิญญาณที่เพียงพอก่อน
หลังจากฝึกฝนคัมภีร์ทิพย์ ฉันท์ชนกก็รู้สึกเพียงว่าเส้นทางไหลเวียนของชี่และเลือดในร่างกายของตัวเองได้ถูกเปิดออกหมดแล้ว ผลการฝึกตนก็เพราะแดนเทพขั้นกลางก่อนหน้านี้จึงเข้าสู่พละกำลังของแดนเทพขั้นพีคอย่างรวดเร็ว!
ไม่เพียงเช่นนี้ เธอยังรู้สึกว่า ภายในร่างกายของตัวเองเหมือนว่ามีพลังจิตวิญญาณที่ไม่มีวันที่จะใช้จนหมดสิ้นในการจัดให้ตัวเองใช้ได้แล้ว และเพราะเหตุผลเช่นนี้ เธอลองใช้ท่าเมฆทิพย์สักหน่อย กลับพบว่า ตัวเองสามารถควบคุมพลังจิตวิญญาณของตัวเองได้อย่างง่ายดาย เพื่อนำมาผสมผสานกับพลังทิพย์ที่หนาแน่นเช่นนี้
การโจมตีของสามคนต่อเบื้องหน้าของฉันท์ชนกต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน พลังทิพย์ที่มหาศาลห่อหุ้มการโจมตีของรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนเลย พร้อมทั้งกลืนกินเข้าไป
“นี่……จะเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน?”ธัชธรรมพูดกล่าวอย่างตกใจ
ธีรพัฒน์แววตาเคร่งขรึม : “ข้าไม่เคยเห็นวรยุทธที่น่าทึ่งขนาดนี้มาก่อนเลยนะ พลังทิพย์อย่างนี้ เหมือนว่าสามารถกลืนกินพลังจิตวิญญาณได้ทั้งสิ้นเลย”
รพีพงษ์จับกระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือแน่น ถ้าพูดแบบนี้ งั้นไม่ว่าพลังจิตวิญญาณของตัวเองจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน กลับว่าจะต้องถูกพลังทิพย์ที่ครอบงำนี้กลืนกิน ถ้าเป็นแบบนี้ ทางฝั่งตัวเองไม่มีวิธีอื่นเลยสักนิดงั้นเหรอ
“ฮ่าๆๆ รพีพงษ์ ธีรพัฒน์ ในเมื่อวันนี้พวกแกมาถึงที่นี่แล้ว ประหยัดเวลาฉันไม่ต้องไปหาพวกแก ไปตายซะเถอะ!”
ฉันท์ชนกยิ้มอย่างเย่อหยิ่งทะนงตัว
พลังจิตวิญญาณของรพีพงษ์เปล่งประกายออกมา พุ่งโจมตีไปยังฉันท์ชนกเลย
เพียงแค่ ตอนที่พลังจิตวิญญาณแทรกซึมในพลังทิพย์ เพิ่งจะสัมผัสกัน ก็ถูกกลืนกินอย่างไร้ร่องรอย!
“รพีพงษ์ อย่าเสียพลังจิตวิญาณไปโดยไร้ประโยชน์”ธีรพัฒน์พูดกล่าว
เมื่อเห็นว่าพลังทิพย์ที่แข็งแกร่งใกล้เข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าพละกำลังของสามคนทางฝั่งตัวเองรวบกัน ก็ไม่สามารถชนะฉันท์ชนกได้เลยงั้นเหรอ?
“มาสู้ตัดสินแพ้ชนะ รพีพงษ์ แกไปตายซะเถอะ หลังจากนี้เป็นต้นไป ฉันฉันท์ชนกจะรวมทั้งทวีปการฝึกตนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน!”
ฉันท์ชนกยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน
แสงทองสาดส่องมา กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือของรพีพงษ์บินลอยออกไป เจาะเข้าไปยังพลังทิพย์ที่หนาแน่นกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า