พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1432 ไม่มีใครสั่งฉันได้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1432 ไม่มีใครสั่งฉันได้
“เจ้าภูติปีศาจสาว ต้องการทำอะไรกันแน่!”
รพีพงษ์คิดในสมอง ญาณิดาสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในสมอง
“เรียกฉันว่าภูติปีศาจสาวอีกครั้ง ถ้ายังเรียกแบบนี้ ฉันจะโกรธแล้วนะ” ญาณิดาในสมองของเธอยังคงสวมชุดสีแดง เธอมุ่ยปากแล้วพูดกับรพีพงษ์ ดูเหมือนมนุษย์และสัตว์ที่ไม่เป็นอันตราย
“เธอทำอะไรกับฉันไว้กันแน่ เธอยังไม่รีบปลดผนึกบนตัวฉัน!” รพีพงษ์กล่าว
ญาณิดายิ้มเล็กน้อย: “คุณอย่ากังวล ฉันก็แค่ใช้วิธีเล็กน้อยกับคุณเท่านั้น สำหรับคุณแล้วฉันใส่ใจมาก ไม่เช่นนั้นฉันจะผนึกพลังจิตวิญญาณของคุณเหมือนครั้งที่แล้ว”
รพีพงษ์สูดหายใจเข้าลึก ๆ นึกขึ้นว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ผนึกพลังวิญญาณของแดนเทพขั้นพีคสูงสุด 3 คนในคราวเดียว เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถในการผนึกพลังวิญญาณของเธอเองได้อย่างสมบูรณ์
“ทำไมคุณถึงทำเช่นนี้ คุณไม่ใช่มีเรื่องอะไรจะขอให้ฉันช่วยเหลือไม่ใช่เหรอ? ในกรณีนี้ ฉันจะช่วยคุณได้อย่างไร?” รพีพงษ์ถาม
ญาณิดายิ้มเล็กน้อย: “คุณชายรพี สิ่งที่ฉันทำแบบนี้ย่อมมีความหมายของฉันเอง ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ฐานการฝึกฝนและความสามารถในปัจจุบันของคุณแข็งแกร่งมาก แต่อยู่ในสายตาของฉันแล้ว บอกจริงๆ มันอ่อนแอเกินไป!”
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังแสดงพลังที่ต้องการให้ฉันกลัว และทำลายความเย่อหยิ่งของฉันงั้นเหรอ?
แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นถูกจริง ๆ ความสามารถของผู้หญิงคนนี้ มันเหนือเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของเธอเอง และที่เขาพูดเมื่อกี้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้านั้นหมายความว่าอย่างไร?
“ฉันยอมรับว่าคุณแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าคุณมีพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำร้ายโลกนี้แล้วก็ ฉันจะฆ่าคุณไม่ว่าคุณจะเป็นใคร!”รพีพงษ์พูดเสียงดัง
ญาณิดายิ้ม: “ไม่แปลกที่จะเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ และเป็นเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต ความภาคภูมิใจแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมี แต่คุณคิดว่าถ้าคุณต้องการเอาชนะฉัน จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน? ร้อยปี ห้าร้อยปี? หรือหนึ่งพันปี? กลัวว่าเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจหรอกมั้ง อีกอย่าง แล้วเธอคิดว่าฉันแข็งแกร่ง
แล้วไม่มีใครที่จะแข็งแกร่งกว่าฉันแล้วหรือ?”
รพีพงษ์ในใจช็อดมาก และทุกคำที่ญาณิดากล่าวเหมือนกรวยที่แหลมคมกระโจนเข้ามาในหัวใจของเขา
“ คุณชายรพี ความรู้เกี่ยวกับโลกของคุณยังตื้นเกินไป แต่นี้ไม่โทษคุณ ก่อนหน้าคุณ มีเพียงคนเดียวในประเทศจีนที่รู้เรื่องนี้ และเขายังไม่ได้บอกคุณ ฉันคิดว่า เขาทำเช่นนี้เพื่อที่จะปกป้องคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณควรรู้ยังไงสักวันก็ต้องรู้ คุณว่าไหม?” ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม
“คนที่คุณพูดนั้น ใช่จอมมารชูร่ารึเปล่า?”รพีพงษ์ถาม
ญาณิดายิ้มและพยักหน้า
“บอกมาสิ คุณต้องการให้ฉันช่วยคุณทำอะไร!”รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
เขานึกถึงตอนที่เขาเองอยู่ที่ด้านล่างของกลางทะเลสาบ สำหรับหินลั่วหงนั้น เขาเคยสอบถามกับจอมมารชูร่าจริงๆ แต่จอมมารชูร่าแค่ได้บอกว่าหินลั่วหงนั้นวิเศษมาก แต่มันก็เต็มไปด้วยอันตราย ส่วนที่เหลือจอมมารชูร่าไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ดูเหมือนว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ไขปริศนาเรื่องนี้แล้ว!
“ไม่ต้องกังวล คุณชายรพี ฉันดูว่าเจ้าทวีปกิตติ์ของทวีปโอชวินเหมือนจะเป็นห่วงคุณมาก คุณก็ให้เขาดูแลคุณสองสามวันก็ยังไม่สายเกินไป”
ญาณิดาเม้มปากแล้วพูด:“ดูไม่ออกนะ ว่าคุณมีเสน่ห์ทางด้านหญิงสาวมาแรง
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว:“คุณพูดมาเร็วๆเถอะ แคลร์เขายังรอฉันอยู่ที่กลุ่มสิงโต ฉันช่วยจัดการเรื่องของคุณเสร็จ ก็จะกลับไปที่กลุ่มสิงโต”
ญาณิดายิ้มเล็กน้อย:“เอาล่ะ จริงๆแล้วเรื่องที่ฉันคุณทำนั้นง่ายมากๆ คุณแค่ช่วยพาฉันไปสถานที่ที่หนึ่งก็พอแล้ว”
“ไปสถานที่หนึ่ง?สถานที่อะไร?รพีพงษ์ถามอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยคิด เรื่องที่ญาณิดาพูดนั้นจะง่ายเช่นนี้
แต่ไม่นาน รพีพงษ์ก็เข้าใจแล้ว เขาเองคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายมากๆ แต่สำหรับญาณิดานั้นมันยากมากๆ
เพราะเขาแนบอยู่ในหินลั่วหงตลอด หินลั่วหงนั้นไม่ได้มีขา ไม่สามารถไปไหนได้ ก็เป็นเพราะเช่นนี้ ญาณิดาจำทำได้เพียงพึ่งพาผู้อื่นเพื่อพาเขาไปยังสถานที่ที่เขาต้องการจะไป
หลังจากที่คิดถึงชั้นนี้รพีพงษ์ก็อดยิ้มไม่ได้
“คุณกำลังยิ้มอะไรคุณชายรพี? คุณคิดว่ารอยยิ้มของคุณมีเสน่ห์มากเหรอ?” ญาณิดาถาม
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา: “ฉันกำลังหัวเราะเยาะคุณ ถูกต้อง ความสามารถของคุณแข็งแกร่งมากจริงๆ สามารถผนึกผู้คนที่มีความแข็งแกร่งของเทพเจ้าผ่านจิตของคุณได้ แต่ความสามารถที่แข็งแกร่งของคุณนั้น เพียงทำได้แค่แนบอยู่ในหินลั่วหง อันที่จริง ถ้าฉันต้องการจัดการกับคุณ มันง่ายมาก”
“อ้าวเหรอ? ง่ายยังไง?” ญาณิดาถาม
“ฉันเพียงแค่โยนหินลั่วหงลงไปในขุมนรกหรือลงไปในทะเลลึก จากนั้น คุณก็ได้ใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่นคนเดียว ถึงความสามารถจะแข็งแกร่งแค่ไหนแล้วมีประโยชน์อะไร!” รพีพงษ์หัวเราะแล้วกล่าว
“คุณ คุณกล้า!”
ญาณิดาที่อยู่ในสมองชี้รพีพงษ์ด้วยความโกรธ มองไปแล้วดูเหมือนเธอโกรธมาก
“ปล่อยมือเธอลงสะ! ไม่ต้องใช้นิ้วชี้มาที่ฉัน!”
รพีพงษ์ เต็มไปด้วยพลัง:“ฉันจะบอกเธอ เรื่องบางเรื่องมันไม่ใช่เพราะความสามารถของคุณแข็งแกร่งกว่าฉันแล้วก็สั่งให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันรพีพงษ์จะไม่ถูกควบคุมโดยพลการ!มิฉะนั้น เมื่อร่างกายของฉันพักฟื้นดีแล้ว จะนำหินลั่วหงขว้างทิ้งโดยตรง ฉันพูดได้แล้วจะทำให้ได้!”
“คุณ……”
ญาณิดากัดฟันและแสดงสีหน้าน้อยใจ: “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว คนอื่นเขาก็ไม่ได้อยากทำกับคุณแบบนั้น แค่รู้สึกว่าก่อนหน้านี้คุณโหดร้ายกับฉันเกินไป ถึงทำแบบนี้ อย่าโกรธเลยนะ โอเคไหม”
“ในเมื่อเป็นเพราะแบบนี้ ก็รีบถอนผนึกในร่างกายของฉันออก ฉันบอกว่าฉันจะช่วยคุณ และฉันก็จะช่วยคุณตามธรรมชาติ!” รพีพงษ์สั่ง
ญาณิดาพยักหน้าและแสงสีแดงก็สว่างวาบ ในไม่ช้ารพีพงษ์ก็พบว่าร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อน
“แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย บอกมา เธอจะให้ฉันพาไปไหน?”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเชื่อฟังเขา น้ำเสียงของรพีพงษ์ก็ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม ญาณิดาเคยช่วยเขาหลายครั้งก่อนหน้านี้ และเป็นเพราะญาณิดา ในครั้งนี้เขาถึงสามารถเข้ามาถึงทวีปโอชวินได้อย่างราบรื่น โดยกำจัดกับฉันท์ชนกและชายในเสื้อคลุมดำที่เหลือ!
“มันง่ายมาก ฉันต้องการให้คุณคุยกับนีย์คนนั้น ขอไปที่เขตต้องห้ามของทวีปโอชวิน” ญาณิดากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ
“เขตต้องห้าม เธอจะไปทำอะไรที่นั่น?” รพีพงษ์ถาม
“เอ่อ ถึงเวลานั้น ถ้าคุณพาฉันไปก็จะรู้เอง คนอื่นเขาขอแค่นี้ คุณจะไม่ตอบตกลงฉันเหรอ?” ญาณิดามุ่ยปากและขมวดคิ้วอย่างน้อยใจ
“โอเค ฉันสามารถคุยกับนีย์ได้ แต่ว่า หลังจากที่ฉันพาคุณไปยังเขตต้องห้ามแล้ว ฉันก็จะกลับไปที่กลุ่มสิงโต” รพีพงษ์กล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“อืมๆ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะไม่รั้งคุณไว้อีก เว้นแต่คุณไม่อยากจะจากไปจากทวีปโอชวินและเจ้าทวีปกิตติ์นีย์” ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ร่างสีแดงก็ค่อยๆ จางลง และทั้งร่างของญาณิดาก็หายไป
รพีพงษ์ ขยับแขนขาทั้งสี่ข้างและรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาต้องการหานีย์ทันที เพื่อที่เขาจะได้กลับไปที่กลุ่มสิงโตโดยเร็วที่สุด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ค่อนข้างจะสงสัยเกี่ยวกับเขตต้องห้ามนี้ในทวีปโอชวินนี้ด้วย
เมื่อเขากำลังจะไปหานีย์ เขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก และกลิ่นอายหอมผ่านเข้ามาในห้อง นีย์เดินเข้ามาคนเดียวจริงๆ……