พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1458 ล้อมหน้าล้อมหลัง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1458 ล้อมหน้าล้อมหลัง
สวนสนุกเป็นสถานที่ที่เด็ก ๆ ใฝ่ฝันอยากไปเที่ยวมากที่สุด และหนูลินก็เช่นกัน
เพิ่งกลับมาถึงเกียวโตเมื่อวาน หนูลินก็เซ้าซี้รพีพงษ์ให้พาเธอไปเที่ยวที่สวนสนุก
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย นับตั้งแต่หนูลินเกิดมา เนื่องจากตนเองติดภารกิจสำคัญตลอด ทำให้ตนเองไม่เคยพาเจ้าตัวเล็กไปเที่ยวที่สวนสนุกเลยสักครั้ง
เมื่องานใหญ่จบลง รพีพงษ์คิดจะทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด จึงขับรถพาอารียากับหนูลินไปที่สวนสนุก
ตระกูลลัดดาวัลย์มีรถยนต์หรูหราจำนวนมาก เหมือนกับงานนิทรรศการรถยนต์หรู แต่วันนี้รพีพงษ์เลือกรถยนต์ออดี้ คิว7 สีดำที่ราคาไม่แพง ไม่นานนัก สามคนพ่อแม่ลูกก็มาถึงสวนสนุก
“ลงมาเถอะ”
รพีพงษ์วางหนูลินไว้บนไหล่ของตนเอง หนูลินดูมีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะว่าตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่ใช่อารียาก็จะเป็นชนิสราเป็นคนพาเธอมาเที่ยวที่สวนสนุก ในฐานะเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่พาเธอออกมาเที่ยวจะเป็นพ่อของตนเอง
วันนี้อากาศดี เหมาะสำหรับการเดินทางออกไปเที่ยว
ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก ชายหนุ่มรูปงามและหญิงสาวก็สวย หนูลินยังเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก ในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน
นักท่องเที่ยวมองครอบครัวสามคนนี้อย่างเจตนาและบางคนมองอย่างไม่เจตนา ไม่นานก็มีคนจำครอบครัวนี้ได้
“นี่……..นี่คือรพีพงษ์ นายน้อยของตระกูลลัดดาวัลย์?”
เพียงแค่ประโยคเดียวกระตุ้นให้ทุกคนเกิดความสนใจ ในไม่ช้าทุกคนก็เข้ามาล้อมรอบพวกเขาไว้
รพีพงษ์ที่สวมแว่นกันแดดยิ้มอย่างจำใจ ในขณะที่อารียาที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ควรทำอย่างไรดี หากยังคงเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่สามารถเที่ยวเล่นได้อีก” อารียากล่าว
รพีพงษ์มองดูคนเหล่านี้ ไม่คิดว่า ตอนนี้ในประเทศจีนตนเองสามารถเสพสุขเหมือนกับพวกดารา แต่ใขช่วงเวลาที่ตนเองอยู่ในเมืองริเวอร์ ตนเองเป็นได้แค่คนไร้ประโยชน์ในหมู่ฝูงชน
“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้สามีของคุณดีเลิศขนาดนี้?” รพีพงษ์กล่าวอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ส่วนหนูลินรู้สึกภูมิใจมาก ถึงแม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่เธอก็รู้ว่าพ่อของตนเองไม่ได้เป็นเพียงวีรบุรุษในดวงใจของเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นวีรบุรุษในดวงใจของทุกคนอีกด้วย
“ช่างมันเถอะ พวกเราก็เที่ยวของพวกเรา ถ้าพวกเขาอยากดูพวกเราจริง ๆ พวกเราก็ไม่มีทางเลี่ยง”
รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
อารียายักไหล่ หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “โอเค ดูเหมือนว่าต่อไปหากออกไปข้างนอกกับคุณ ต้องชินกับความรู้สึกที่ถูกคนล้อมหน้าล้อมหลังเช่นนี้”
รพีพงษ์พาหนูลินนั่งรถไฟเหาะ ม้าหมุน รถบั๊มพ์ เครื่องเล่นที่ยอดฮิตเหล่านี้ของสวนสนุกไปหลายรอบ
ราวกับว่ากำลังพยายามชดเชยที่ตนเองไม่ค่อยได้อยู่เป็นเพื่อนหนูลิน วันนี้รพีพงษ์“เชื่อฟัง”หนูลินทุกอย่าง
ไม่ว่าหนูลินอยากเล่นอะไร ไม่ว่าจะเป็นการดูละครเด็ก 3 มิติ รพีพงษ์ก็ตอบสนองความต้องการ
ตอนนี้ก็เย็นแล้ว หนูลินถือลูกโป่งการ์ตูนอยู่ในมือ ทั้งสามคนกำลังจะเดินออกไปจากสวนสนุก
หลังจากเที่ยวเล่นมาครึ่งวัน หนูลินยังคงเต็มไปด้วยพลังงาน รพีพงษ์ก็เต็มไปอารมณ์คึกคักเช่นกัน แต่อารียาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“คุณพ่อ หนูจะเอาอันนั้น!” หนูลินกล่าวพร้อมชี้ไปที่ข้างประตูของสวนสนุก
รพีพงษ์มองไปพร้อมรอยยิ้ม ร้านนี้แขวนตุ๊กตาไว้มากมาย ตามทิศทางที่หนูลินชี้ รพีพงษ์ก็เห็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่!
“กลับกันเถอะ หนูลิน ตอนนี้ก็เย็นแล้ว” อารียากล่าว
“ไม่ เล่นต่ออีกสักครู่” หนูลินกล่าวพร้อมทำหน้ามุ่ย
“โอเค โอเค ให้แม่ไปนั่งพักอยู่ข้างๆ แล้วพ่อจะเล่นเป็นเพื่อนลูกดีไหม?”
พูดจบ รพีพงษ์ยิ้มและจูงมือหนูลินเดินไปที่ร้านนั้น
มีคนจำนวนมากอยู่ข้างหน้าร้าน รพีพงษ์มองดู ที่แท้เป็นเกมยิงปืนทั่วไป
ใช้ปืนลมที่เจ้าของร้านเตรียมไว้ให้ แล้วเล็งไปที่เป้าหมายอีกด้านหนึ่ง ยิ่งคุณยิงวงแหวนถูกมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้ของขวัญมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอน ถ้ายิงวงแหวนถูกสิบนัด ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตัวนั้นเป็นของตนเอง
มีคนมากมายอยู่รอบ ๆ ร้าน และมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเล็งและยิงปืนลม
เมื่อทุกคนเห็นรพีพงษ์กับหนูลินเดินเข้ามา พวกเขาก็หลีกทางเดินให้ รพีพงษ์มองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ จากท่าทางเพียงอย่างเดียว รพีพงษ์ตัดสินได้ว่าคนคนนี้น่ามีพื้นฐาน อย่างน้อยก็เคยสัมผัสปืนมาก่อนแล้ว และท่าทางการเล็งยังเป็นมืออาชีพอีกด้วย
ปังปัง!
ชายหนุ่มยิงหลายนัดอย่างมั่นใจ แต่หลังจากนั้น จำนวนวงแหวนที่แสดงบนหน้าจอทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก
“เป็นไปได้อย่างไร แค่เจ็ดห่วง?” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ
เจ้าของร้านที่อยู่ด้านข้างยิ้ม “น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าคุณจะได้แค่ของที่ระลึกเท่านั้น”
พูดจบ เขาก็ยื่นพวงกุญแจที่ไม่มีค่าอะไรให้แก่ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างจำยอม และทุกคนก็ถกเถียงเรื่องนี้ หนึ่งวันกำลังจะผ่านไป ยังไม่เห็นมีใครสามารถเอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ตัวนี้ไปได้ ทำให้เจ้าของร้านสามารถหาเงินได้ไม่น้อย
“คุณพ่อ หนูอยากได้” หนูลินกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า แล้วกล่าวกับเจ้าของร้านว่า “ผมจะลองดู”
“ครับ?” เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมอง บวกกับสิ่งที่ทุกคนพูด เขารู้ทันทีว่าชายที่อยู่ข้างหน้าคือรพีพงษ์นายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ของเกียวโต จึงรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว
“คุณชายรพี ไม่คิดว่าวันนี้คุณจะมาที่นี่ด้วย นี่คือลูกสาวของคุณใช่ไหม ช่างน่ารักมาก เอาอย่างนี้ ถ้าคุณชายรพีอยากจะเล่น ผมจะมอบตุ๊กตาหมีตัวนี้กับเธอโดยตรงเลย?”
“ไม่! หนูจะเอาตุ๊กตาหมีตัวนี้มาด้วยตนเอง”
หนูลินกล่าวอย่างดื้อรั้น
รพีพงษ์ยิ้มและลูบศีรษะของหนูลิน จากนั้นมองไปที่เจ้าของร้านแล้วกล่าวว่า “เท่าไหร่? ผมจะลองเล่น”
ฝูงชนที่ล้อมรอบพยักหน้า ว่ากันว่านายน้อยของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นคนที่เด็ดขาด แต่ตอนนี้ดูแล้วค่อนข้างอ่อนโยน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนเหล่านี้ไม่รู้ก็คือ รพีพงษ์จะเป็นคนที่เผด็จการและชั่วร้ายเฉพาะกับคนที่มาคุกคามและต้องการครอบครองโลกเท่านั้น ส่วนเวลาปกติ เขาก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป
ตอนที่เขาอยู่ในเมืองริเวอร์ ในสายตาของคนภายนอก เขาเป็นชายหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น
“ก็ได้ ครั้งละห้าสิบ” เจ้าของร้านกล่าว
“ค่าใช้จ่ายแพงนี่”
รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ หลังจากคำนวณคร่าว ๆ วันหนึ่งรายได้ของเจ้าของร้านอาจมากกว่าหนึ่งหมื่น
“ผมจะลองเล่น”
รพีพงษ์จ่ายเงิน แล้วคว้าปืนลม
เขาชำเลืองมองด้วยตา เพียงสักครู่ เขาก็ดูออกว่า ลำกล้องปืนถูกดัดแปลง
นี่คือเหตุผลที่คนจำนวนมากมาเล่น แต่ไม่มีใครได้รับรางวัลใหญ่ ได้เพียงแค่ของรางวัลไม่มีค่าเท่านั้น รพีพงษ์วางปืนลมในมือลง และมองเจ้าของร้านที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม
การมองนี้ ทำให้เจ้าของร้านรู้สึกประหม่า เขาถามอย่างหยั่งเชิงว่า “คุณชายรพี เกิดอะไรขึ้น? ปืนนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“พ่อค้าที่คดในข้องอในกระดูก”
รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ แต่ไม่พูดออกมา “ไม่มีอะไร เพียงแต่ผมคิดว่า ในเมื่อลูกสาวของผมอยากได้ ลูกสาวของผมควรจะเป็นคนเล่นเองใช่ไหม”
เมื่อหนูลินได้ยินแล้วก็กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “โอเค โอเค”
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอกล่าวอย่างประหม่าอีกครั้งว่า “แต่หนูไม่รู้ว่าจะยิงยังไง กลัวว่าจะไม่ยิงไม่แม่น”
“ไม่เป็นไร แค่ลองดู” รพีพงษ์กล่าวกับหนูลิน จากนั้นก็ยื่นปืนลมให้กับหนูลิน
ตอนนี้เจ้าของร้านรู้สึกผ่อนคลาย ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ไม่ได้เก่งเหมือนในตำนาน เขาไม่เพียงไม่สามารถตรวจพบว่าปืนของตนเองมีปัญหา แล้วยังให้เด็กลองเล่น ดูเหมือนว่ารางวัลใหญ่ของตนเองจะอยู่ได้อีกนาน
หนูลินถือปืนลม และยกขึ้นเลียนแบบได้เหมือนมาก
“หนูลินผ่อนคลายหน่อย พ่อเชื่อว่าลูกทำได้” รพีพงษ์ให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง ขณะเดียวกัน เขาก็แอบรวบรวมพลังงาน และค่อย ๆ ปล่อยพลังจิตวิญญาณออกมา