พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1463 เป็นเดือดเป็นร้อน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1463 เป็นเดือดเป็นร้อน
รพีพงษ์ลุกขึ้นยืน มองไปยังไวภพพร้อมพูดกล่าว
ไวภพมองไปยังนัยน์ตาของรพีพงษ์ที่นำมาซึ่งแสงวิบวับที่แหลมคม เขาก็กำหมัดแน่น
“วันนั้น ก็อยู่ที่นี่ อยู่ที่บนของห้องโถงนี้!ผู้คนที่อยู่ข้างล่าง มีเพียงนายไวภพที่กล้ายืนขึ้นมาต่อต้านชลิตา!เพียงแค่ความกล้าหาญและสปิริต ก็เพียงพอที่จะให้นายมายืนอยู่ที่ตำแหน่งของวันนี้!”
นัยน์ตาของรพีพงษ์นำมาซึ่งแสงสว่าง ตามมาด้วยพูดกล่าวว่า : “การจ้างคนให้ทำงานของฉัน ไม่เคยดูที่ประสบการณ์มาก่อน ขอเพียงแค่มีความสามารถ ถึงแม้ว่าจะอายุน้อยแล้วจะยังไง?”
คนในห้องโถงต่างก็มองไปยังนายน้อยท่านนี้ที่อยู่บนระเบียง
อายุน้อย ก็มีพละกำลังและความสามารถเช่นนี้ คนแบบนี้ ถึงเป็นมังกรในร่างของคนที่แท้จริง!
“นายน้อย ผมยินยอมที่จะรับของขวัญชิ้นใหญ่ของท่านครับ!”
ไวภพพูดกล่าวว่า : “ท่านพูดถูก วัยรุ่น ทะนงตัวหน่อยแล้วจะยังไง!”
พูดแล้ว เขาก็นำมุรามาสะนั่นที่รพีพงษ์มอบให้ตัวเองออกมาจากอ้อมแขนแล้ว
“ทุกครั้งที่เห็นมีดล้ำค่าเล่มนี้ที่นายน้อยให้ผม ผมก็จะเตือนตัวเองอยู่เสมอ จะต้องทำตามแบบอย่างของนายน้อย!”
“ดีมาก” นัยน์ตาของรพีพงษ์นำมาซึ่งรอยยิ้ม ไวภพมีความกล้าหาญที่คล้ายคลึงกับตัวเอง และทำงานอย่างรวดเร็วเฉียบขาด และก็น่าเชื่อถือ สายตาที่เฉียบแหลมของตัวเองไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน
“พอแล้ว ทุกท่าน เร็วๆนี้ฉันจะออกเดินทางจากเกียวโต พวกคุณก็แยกย้ายกันไปเถอะ”
รพีพงษ์โบกโบกมือ สุดท้ายแล้วก็พูดกำชับสักสามสี่ประโยค
ทุกคนออกไปแล้ว ในห้องโถงใหญ่ เหลือเพียงท่านคทาเพียงผู้เดียว
ในเวลานี้ นัยน์ตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า มองไปยังรพีพงษ์
“ท่านคทา” รพีงษ์เดินมายังข้างกายของท่านคทาแล้ว มองไปยังชายชราท่านนี้ที่อยู่ตรงหน้า ตอนที่แรกที่อยู่เมืองริเวอร์ ก็เป็นเขาที่พยายามอย่างมากเพื่อเชื้อเชิญให้ตัวเองกลับมายังตระกูลลัดดาวัลย์
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตอนนั้นท่านคทาก็ยังเป็นชายชราที่กระฉับกระเฉงแข็งแรงดี แต่ว่าตอนนี้ ผมสีขาวแกมเทา จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าเพื่อค้ำประคองร่างกายของตัวเอง
“นายน้อย”
มือที่ค่อนข้างสั่นคลอนของท่านคทาจับรพีพงษ์ไว้แล้ว : “จากกันวันนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ คุณเติบโตแล้ว ตอนนี้เมื่อฉันหลับตาลง ล้วนแต่จดจำภาพฉากที่เจอนายน้อยครั้งแรกที่เมืองริเวอร์ได้”
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมไปมองที่เขา : “ตอนแรกที่เจอคุณ ผมน่าจะไปเททิ้งขยะใช่ไหม ภาพเหตุการณ์นั้น ไม่พูดถึงมันก็ดีนะ”
ท่านคทายิ้มพร้อมส่ายหน้า : “ตระกูลลัดดาวัลย์ผู้เก่งกาจยอดเยี่ยม ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่า นายน้อยท้ายที่สุดก็ไม่ใช่คนธรรมดา เพียงแต่สิ่งที่ผมคิดไม่ถึงก็คือ นายน้อยจะเติบโตมายืนอยู่ในตำแหน่งเฉกเช่นวันนี้! ”
รพีพงษ์มองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า ถ้าหากไม่ใช่เขา เกรงว่าตัวเองในตอนนี้ก็ยังจะอยู่เมืองริเวอร์ ใช้ชีวิตอย่างปกติและมั่งคั่งร่ำรวยกับอารียาและหนูลิน
จะเหมือนกับตอนนี้ซะที่ไหนล่ะ มีอานุภาพพละกำลังเกรียงไกรและยิ่งใหญ่เช่นนี้
“ท่านคทา ฉันมีของอย่างหนึ่งจะมอบให้กับคุณ”
พูดแล้ว รพีพงษ์ก็หยิบเม็ดยาสีแดงเข้มหนึ่งเม็ดออกมาจากอ้อมแขน
นี่คือยาเม็ดหนึ่งเม็ดที่รพีพงษ์เก็บเอาไว้ ตอนที่อยู่ในกลุ่มสิงโตในตอนนั้น
ระดับของยาเม็ดก็ไม่ถือว่าสูง สำหรับตัวเองแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์มากมายอะไร
“นี่คือ?” ท่านคทาใส่แว่นตาที่ห้อยอยู่ที่คอ เขาไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเม็ดยานี้มีประสิทธิภาพที่น่ามหัศจรรย์อะไร
“เม็ดยานี้คุณสามารถทานมันเข้าไปได้ มันมีประโยชน์กับร่างกายของคุณมากนะ ถ้าไม่เกินความคาดหมาย อย่างน้อยก็สามารถยืดอายุได้ถึง 20 ปี” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“งั้นเหรอ?เม็ดยานี้ มหัศจรรย์ขนาดนี้?” ท่านคทาพูดกล่าวอย่างตกใจ
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย : “บนโลกใบนี้ เรื่องที่น่ามหัศจรรย์มีเยอะแยะมากมาย ขนาดที่ว่า บางแง่มุม ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
ท่านคทามองไปยังสองดวงตาที่เป็นประกายของรพีพงษ์ ก็พูดอุท่านว่า : “นายน้อย คุณเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ”
รพีพงษ์ยิ้มเบาๆ ตัวเองเคยผ่านเส้นทางมามากมาย เคยไปสถานที่ต่างๆมามากมาย แต่ว่า กลับว่าไม่เคยลืมความตั้งใจเดิม ในใจก็ยังคงเป็นชายหนุ่มคนนั้นในตอนเริ่มแรก
เช้าวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ขับรถฮัมเมอร์ด้วยตัวอง ขับพาอารียาและหนูลินออกไปจากเกียวโตแล้ว
“พ่อคะ เรายังจะกลับกันมาไหมคะ?” หนูลินพูดถาม
รพีพงษ์ยิ้มๆ มองไปยังหนูลินแล้วพูดว่า : “วางใจเถอะจ้ะ หนูลิน เราจะกลับมาอย่างแน่นอน”
หนูลินผู้รู้เรื่องรู้ราวพยักหน้าแล้ว อารียาที่อยู่ข้างๆก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมมองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ในตำแหน่งคนขับรถด้านหน้า
ขอเพียงแค่มีรพีพงษ์อยู่ ก็มีความรู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ไม่กลัวทั้งนั้น
เกียวโต เมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ค่อยๆถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง ในใจของรพีพงษ์รู้เป็นอย่างดี วันนี้เมื่อจากลากันแล้ว ตัวเองก็ต้องเหยียบย่างเขาสู่เส้นทางใหม่ เส้นทางที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์
รถคนนี้ขับด้วยความเร็วบนถนนทางหลวง ระยะเวลาในการขับรถประมาณ 3-4ชั่วโมง รพีพงษ์กลับว่าไม่มีปัญหาอะไร อารียากลับว่าค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยบ้างแล้ว
รพีพงษ์ที่นั่งอยู่แถวหน้าสัมผัสได้ถึงอาการของอารียาในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน เขาพูดกล่าวว่า : “ข้างหน้าก็เป็นเขตให้บริการ เราไปหยุดพักที่นั่นสักหน่อยแล้วกัน”
น้ำมันรถก็เหลือไม่มากแล้วพอดี ถือโอกาสเติมน้ำมันด้วยเลย
ถึงเขตให้บริการแล้ว รพีพงษ์พวกเขาสามคนพ่อแม่รู้ก็เข้าไปร้านอาหารสั่งอาหารมาทานสักหน่อย พักผ่อนสักครู่
“รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้คุณพูดว่า จะพาพี่สามาด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นเธอล่ะ?” อารียาพูดถาม
รพีพงษ์พูดอย่างราบเรียบว่า : “ก่อนที่จะออกมาผมได้พูดคุยกับพี่สาแล้ว เธอและชยนต์ ตมิสาและคนอื่นๆ รอจนพวกเรามั่นคงแล้ว ก็จะตามมาถึงนะ”
อารียาพยักหน้าแล้ว ดูเหมือนว่า ตัวเองจะพิจารณาเยอะไปแล้ว รพีพงษ์ได้พิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมดไว้อย่างเหมาะสมแล้ว
ตอนที่พวกเขาทั้งสามคนพักผ่อนกันจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมที่จะออกเดินทาง นอกประตูใหญ่ของร้านอาหาร ก็มีผู้ชายสองคนเดินเข้ามา
“ขับเร่งรถให้ทันเวลามาทั้งวัน เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
ผู้ชายที่สูงๆผอมๆคนหนึ่งนั่งลง พูดแขวะ
ผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆพูดตอบกลับว่า : “ทางออกข้างหน้าก็คือเมืองริเวอร์แล้ว เมื่อถึงที่นั่น เราก็จะได้เปิดห้อง พักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินเข้า ก็พูดกล่าวกับอารียาว่า : “ข้างหน้าก็คือเมืองริเวอร์แล้ว อยากจะกลับไปดูสักหน่อยไหม?”
หนูลินก็ปรบมือพร้อมพูดกล่าว : “ดีค่ะ ดีค่ะ กลับไปเมืองริเวอร์ กลับไปเมืองริเวอร์!”
สำหรับหนูลินแล้ว เหมือนว่าเมืองริเวอร์จะเป็นสถานที่หนึ่งที่ถูกผนึกไว้ในความทรงจำแล้ว เธอไม่คุ้นเคย แต่กลับว่าอยากจะไปดูอย่างมาก
ใบหน้าของอารียาก็นำมาซึ่งรอยยิ้ม : “ถ้าหากไม่เร่งรีบล่ะก็ ก็ไปดูสักหน่อยได้นะ”
รพีพงษ์จับมือของอารียา ตั้งแต่ที่ตัวเองออกจากเมืองริเวอร์ กลับว่าไม่เคยกลับไปอีกเลย ใช้โอกาสในวันนี้ กลับไปอยู่สักสองวัน ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
และในเวลานี้ เหมือนว่าชายหนุ่มทั้งสองคนจะได้ยินรพีพงษ์พวกเขาพูดคุยกันแล้ว เดินก้าวมายังข้างหน้าพร้อมพูดกล่าวว่า : “สหาย พวกคุณมากันจากที่ไหน จะไปที่เมืองริเวอร์เหรอ?”
“คุณลุง พวกเรามากจากเกียวโตน่ะ” หนูลินรีบแย่งพูดก่อน
“เกียวโต?”
ผู้ชายที่ผอมสูงคนนั้นยิ้มพร้อมพูดว่า : “งั้นพวกคุณก็น่าจะรู้จักรพีพงษ์สินะ”
“รพีพงษ์ก็คือ……”
หนูลินยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนรพีพงษ์หยุดไว้แล้ว
คิดถึงสิ่งที่เจอในสนามเด็กเล่นเมื่อสองวันก่อน การออกเดินทางในครั้งนี้ สิ่งที่รพีพงษ์คิดไว้ก็คือการทำตัวค้อมต่ำไม่เป็นจุดสนใจ
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมมองไปยังอีกฝ่ายพูดกล่าวว่า : “ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต แน่นอนว่าทุกคนต่างก็รู้จักแล้ว นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“จริงด้วย แต่ว่าคุณคงไม่รู้สินะ รพีพงษ์มาจากเมืองริเวอร์นะ ตอนนั้นชื่อเสียงของเขาที่เมืองริเวอร์ ไม่ค่อยจะน่าฟังสักเท่าไหร่” ชายสูงผอมพูดกล่าว
เพื่อนอีกคนที่อยู่ข้างๆเขาก็พูดคล้อยตามว่า : “ใช่ๆ ฉันได้ยินมาว่า รพีพงษ์ไอ้หมอนี่นั้นมันเกาะผู้หญิงกินไม่ทำมาหางาน ตอนนั้นคนทั้งเมืองริเวอร์ต่างก็ดูถูกเขา แต่ว่าเกาะผู้หญิงกินก็สามารถเกาะจนมาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้ งั้นก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียวนะ”
“โธ่ แต่น่าเสียดาย ฉันน่ะไม่มีโชคชะตาที่ดีแบบนี้บ้าง ถ้าหากฉันสามารถเกาะผู้หญิงกินแบบนี้ได้ล่ะก็ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนทุกวันนี้ ไม่ต้องวิ่งเต้นให้เหน็ดเหนื่อยแล้ว”
ชายสูงผอมพูดกล่าว เงยหน้ามองรพีพงษ์พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก
“สหาย เหมือนว่ารูปร่างหน้าตาของคุณจะคล้ายคลึงกับรพีพงษ์คนนั้นสักหน่อยนะ อีกอย่าง ภรรยาของเขาก็สวยมากเช่นนี้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าน้องชายก็เป็นคนที่มีวาสนาดีนะ” ชายผอมสูงพูดจาชื่นชม
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย กลับว่าไม่ได้พูดจาอะไร
แต่ว่า สำหรับสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งจะพูดกันเมื่อกี้ อารียาที่อยู่ข้างๆกลับว่าโมโหอย่างมาก เธอพูดกับสองคนนี้ว่า : “ขอถามหน่อยคุณทั้งสองคน รู้มากจากที่ไหนว่าตอนแรกนั้นรพีพงษ์ไม่ทำงานเกาะภรรยากินเหรอ?”
“ทำไมเหรอ พวกคุณไม่รู้เหรอ นี่เป็นเรื่องที่ใครๆต่างก็รู้กันทั้งนั้นนะ” ชายผอมสูงพูดกล่าวว่า: “รอหลังจากที่พวกคุณถึงเมืองริเวอร์ก่อน ลองเลือกถามใครดูสักคนหนึ่ง พวกเขาต่างก็รู้ว่ารพีพงษ์ไอ้หมอนี่เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงของตระกูลฉัตรมงคล”
อารียาคิ้วขมวดเล็กน้อย : “คุณช่วยพูดจาให้เกียรติกันหน่อยนะ รพีพงษ์เดิมทีเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่แล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ภายใต้การปกครองของเขา ก็ยิ่งจะพัฒนาไปได้ยิ่งใหญ่มากกว่าเมื่อก่อนอีก คนแบบนี้ พวกคุณกลับพูดว่าไม่ทำงานเกาะผู้หญิงกิน นี่มันจะไม่ทำให้คนเขาหัวเราะเยาะเอาเหรอ?”
“เหอะ เกาะผู้หญิงกินอย่างพวกคุณพูดก็ดี เศษสวะก็ดี สำหรับฉันแล้ว นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณไม่เข้าใจในตัวเขาเลยต่างหาก ไม่รู้ในสิ่งที่เขาคิด เรื่องราวที่เขาจะต้องแบกรับไว้ เป็นเรื่องที่พวกคุณยากจะจินตนาการได้” อารียาพูดกล่าว
ใต้โต๊ะกินข้าว มือของรพีพงษ์จับมือของอารียาไว้แน่น ไม่รู้ว่าทำไม รพีพงษ์เพลิดเพลินไปกับท่าทีของภรรยาที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนตัวเองอย่างมาก
เป็นเวลานานมากแล้ว ล้วนแต่เป็นรพีพงษ์ที่คอยวางแผนเพื่อพวกเขา ปกป้องพวกเขา แต่ว่าวันนี้ เห็นอารียาออกหน้าเพื่อตัวเอง ในใจของรพีพงษ์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแล้วทันที