พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 1524 บรรลุขั้นทั้งสอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 1524 บรรลุขั้นทั้งสอง
รพีพงษ์มองตวัสที่ตื่นเต้นดีใจ ก็ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “เวลามีน้อย ท่านผู้อาวุโสก็รีบดื่มน้ำอำมฤตไปเลยดีกว่า หลังจากนี้ครึ่งเดือน พวกเราค่อยไปยังเทวโลกพร้อมกัน”
ตวัสได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า สะบัดมือขวาออกมา ผลไม้ฟื้นฟู6เมล็ดก็หล่นลงมาในมือ
“ที่รับปากคุณไว้ก่อนหน้านี้ และนี่ก็คือผลไม้ฟื้นฟู ตอนนี้ก็ให้คุณไปเลย ผมรู้ว่าคุณอยากจะทะลวงจุดลมปราณในตำนานของกังฟูเสน ผลไม้ฟื้นฟู3เมล็ดก็เพียงพอแล้ว อีก3เมล็ดที่เหลือเอาไว้เพิ่มพลัง”
ได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย จริงอยู่ จุดประสงค์แรกของเขาก็อยากจะอาศัยพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมของผลไม้ฟื้นฟูมาทะลวงจุดลมปราณจุดที่4 จากทั้งหมด7จุด ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีล่ะก็ รพีพงษ์ก็อาจจะทะลวงจุดได้ทั้งหมด9จุดภายในครึ่งเดือน และบรรลุขั้นแดนบุณ!
“แบบนี้ ตนเองก็จะมีพลังไปสู้กับยอดฝีมือระดับแดนบุณในเทวโลกได้”
คิดดังนั้น รพีพงษ์ก็รับผลไม้ฟื้นฟูทั้ง6เมล็ดมา แล้วเก็บ3เมล็ดไปก่อน จากที่สัญญากับปัณฑาไว้ ผลไม้ฟื้นฟูนี้ มี3เมล็ดเป็นของปัณฑา รพีพงษ์จะไม่ผิดสัญญาเด็ดขาด
ตวัสหยิบขวดขึ้นมา แล้วรินน้ำอำมฤตในขวดออกมา ราดลงบนไม้พันปี
พอเห็นว่าน้ำอำมฤตได้ราดลงบนรากไม้แล้ว รากไม้ก็เหมือนได้ชีวิตขึ้นมาใหม่ ตามกิ่งก้านก็มีใบอ่อนแตกออกมา
รพีพงษ์เห็นดังนั้น ตนเองก็ไม่รอช้า แล้วก็หาสถานที่สักแห่ง พร้อมกับเอาผลไม้ฟื้นฟูออกมา3เมล็ด
พลังชีวิตในผลไม้ฟื้นฟูมันรุนแรงมาก ถ้ากินเข้าไปตรงๆ รพีพงษ์ก็คงจะต้องตัวระเบิดตาย
วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ เอาผลไม้ฟื้นฟูไปกลั่นเป็นยา ทำให้พลังชีวิตมั่นคงเสียก่อนแล้วค่อยกินลงไป ความปลอดภัยมันก็จะสูงมากขึ้น
คิดดังนั้น รพีพงษ์ก็รีบลงมือทันที ตนเองกับแรดโบราณใช้เวลาไปสามวันเพื่อเสาะหาตัวยาที่จะกลั่นยาครบ
ส่วนปัณฑา วันที่สามก็ได้กลับมาอยู่ในเขตของสำนักเทพยาเซียน แล้วก็มาหารพีพงษ์
พอรู้ว่าได้ผลไม้ฟื้นฟูมาแล้ว ปัณฑาก็เอาผลไม้ฟื้นฟูทั้ง3เมล็ดมาจากรพีพงษ์โดยไม่เกรงใจ ในขณะเดียวกันก็บอกวิธีกลั่นยาให้กับรพีพงษ์ไปด้วย
ตามวิธีที่ปัณฑาสอนมา รพีพงษ์ก็ใช้เวลาไปอีกสามวัน สุดท้ายก็กลั่นยาออกมาได้สำเร็จ
แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์สงสัยก็คือ ยาเม็ดพวกนี้รพีพงษ์มองระดับของยาไม่ออกเลย แต่สามารถมั่นใจได้ว่า พลังชีวิตที่เต็มเปี่ยมอยู่ด้านในไม่ใช่ของปลอมแน่นอน
“รพีพงษ์ หลังจากกินยาไปแล้ว ก็รีบทะลวงทั้ง9จุดชีพจรเลย ตอนที่ทะลวงจุดอาจจะเจ็บปวดเสียหน่อย แต่คุณห้ามหยุดกลางคันเด็ดขาด ต่อให้เป็นยาเม็ด แต่พลังชีวิตในยาก็ยังเข้มข้นมาก ตอนนี้คุณยังรับมันไม่ไหว ถ้าหยุดมือเสียก่อน พลังชีวิตก็จะทำให้จุดชีพจรของคุณพองจนระเบิด และนั่นก็คือ………ตัวระเบิดตาย” ปัณฑาพูดอย่างจริงจัง
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็มองยาเม็ดในมือ กลั้นใจแล้วก็กินยาลงไป
แต่หลังจากกินยาลงไปไม่กี่วินาที ฤทธิ์ยาก็เริ่มออก พลังชีวิตที่เข้มข้นเริ่มมีปฏิกิริยากับร่างกายของรพีพงษ์
รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้ารอช้า รีบทะลวงจุดชีพจรที่4ทันที
และตอนที่ไปสัมผัสกับจุดชีพจรที่4นั้น พลังชีวิตก็เหมือนกับเจอที่ระบายออก มันอัดเข้าไปอย่างเต็มที่ แทบจะในพริบตา จุดชีพจรที่4ก็ถูกทะลวงสำเร็จ แล้วพลังชีวิตก็นำรพีพงษ์พุ่งไปทะลวงจุดชีพจรที่5
ทุกครั้งที่ทะลวงจุดชีพจร รพีพงษ์ก็จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก พลังชีวิตพุ่งไปกระทบจุดชีพจรมั่วไปหมด ความเจ็บปวดที่เหมือนกับวิญญาณถูกโจมตีนี้ รพีพงษ์ก็ได้กัดฟันอดทนไป
พอเห็นว่าใบหน้ารพีพงษ์มีเหงื่อไหลออกมา ปัณฑาก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ ที่เธอทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ ต่อจากนี้ก็ต้องอาศัยบุญวาสนาของรพีพงษ์เองแล้วล่ะ
คิดดังนั้น ปัณฑาก็หยิบผลไม้ฟื้นฟู3เมล็ดที่รพีพงษ์ให้มา แล้วกินลงไปทีละเมล็ดอย่างฉ่ำใจ พอพลังชีวิตของผลไม้ออกมา ปัณฑาก็เริ่มนั่งสมาธิเพื่อดูดซับพลังชีวิต
แต่เนื่องจากปัณฑาเป็นภูตโบราณ ในตัวก็มีพลังชีวิตมากพออยู่แล้ว ตอนที่ดูดซับพลังชีวิตในผลไม้ฟื้นฟูนั้น ก็เลยไม่ค่อยมีความเจ็บปวดมารบกวน
จุดชีพจรถูกเชื่อทะลวงทั้งหมด ก็จะได้เทพมาคุ้มครอง!
ในหัวของรพีพงษ์คิดแต่ประโยคนี้
จากความเจ็บปวดทรมานที่ผ่านไปแล้วสองวัน ในที่สุดรพีพงษ์ก็ทะลวงจุดได้ถึงจุดที่8 ยังเหลือแค่จุดสุดท้ายแล้ว!
พลังของผลไม้ฟื้นฟูทำให้รพีพงษ์ตกใจมากจริงๆ เดิมทีนั้น คิดว่าตนเองทะลวงได้7จุดก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า พลังชีวิตนี้จะพาตนเองทะลวงจุดที่8ไปด้วยเลย
และสิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือ พลังชีวิตพวกนี้มันเหมือนไม่มีวันหมดสิ้น ตอนนี้รพีพงษ์ยังมีโอกาสที่จะทะลวงจุดที่9ได้อีก!
หยินหยางหลอมรวม รพีพงษ์ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เสียงหายแทบจะหายไป ชี่หยางในกายที่มากไปเริ่มถูกกดให้น้อยลง และชี่หยินก็ค่อยๆ ซึมเข้าร่างกาย ไหลเวียนอยู่ในเส้นชีพจรของรพีพงษ์
“จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องดูจังหวะนี้แหละ!”
รพีพงษ์รวบรวมพลังชีวิตที่เหลือไว้ด้วยกัน จากนั้น ก็ส่งไปยังชีพจรจุดที่9
และในตอนที่กำลังจะทะลวงจุดชีพจรที่9นั้น พลังชีวิตก็เหมือนกับกระแทกเข้ากับกำแพงโลหะแน่นหนา ถูกขวางไว้อย่างไม่ขยับ
พอเห็นว่าพลังชีวิตกำลังจะหมด แต่ชีพจรจุดที่9ยังไม่ถูกทะลวงไป ก็ทำให้รพีพงษ์ร้อนรนขึ้นมา
ด้านในถ้ำ ปัณฑาก็ดูดเอาพลังจากผลไม้ฟื้นฟูอย่างราบรื่น ตอนนี้พลังได้ฟื้นตัวกลับมาในระดับแดนเทพขั้นแรกแล้ว
พอมองรพีพงษ์ที่กำลังเจ็บปวดอยู่ข้างๆ ปัณฑาก็ถอนหายใจ มือขวาก็เอาไปแตะที่หน้าผากของเขา “ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวฉันช่วยเอง”
ได้ยินดังนั้น คิ้วที่ขมวดแน่นอยู่ของรพีพงษ์ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง พอสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตเริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก็อาศัยจังหวะนี้ ทำการทะลวงเข้าไปที่จุดชีพจรที่9ทันที
ส่วนทางฝั่งตวัส น้ำอำมฤตก็ถูกใช้หมดแล้ว ตอนนี้ตวัสถูกเถาวัลย์ปกป้องไว้อยู่บนไม้ พลังแข็งแกร่งกว่าก่อนไม่น้อย
และไม้พันปีที่แห้งเหี่ยว ตอนนี้ก็ได้แตกกิ่งใบออกมา มีชีวิตชีวาขึ้นมา ไม่ได้เป็นไม้แบบก่อนแล้ว
“วิ๊ง……”
กระบี่สยบเซียนของรพีพงษ์สั่นไหว แล้วก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
จากนั้น บนน่านฟ้าของป่าหมอก ก็มีเมฆดำเข้ามาปกคลุม ราวกับฝนจะตก
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว สติสัมปชัญญะก็เลือนรางมาก จุดชีพจรที่9ได้สั่นคลอนแล้ว ขอเพียงอดทนอีกพัก ก็จะสามารถทะลวงได้!
“จงทะลวงไป เดี๋ยวนี้!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง ที่กลางอากาศ ฝนฟ้าคะนองลงมา แสงสีรุ้งก็ส่องลงมายังส่วนลึกของป่าหมอก
ในสำนักเทพยาเซียน ทุกคนก็ถูกปรากฏหารณ์นี้ดึงดูดเข้ามา พลังทิพย์ในตัวก็สั่นไหวอย่างมาก
จิรภัทรเห็นดังนั้น ก็ขมวดคิ้ว ที่ฝั่งของป่าหมอก หรือว่า ปรากฏการณ์นี้จะเกิดจากรพีพงษ์? แล้วเกิดอะไรบนตัวของรพีพงษ์กันล่ะ?